ลัทธิผีบุญ .. ภัยร้ายต่อพระศาสนา!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ปัญหาของพุทธศาสนาในปัจจุบันที่ยังเจริญเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ คือ การยึดถือคำสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากพระสัทธรรมดั้งเดิม...

การแตกตัวออกเป็นนิกายต่างๆ มากกว่า ๑๘ นิกาย หลังพุทธปรินิพพาน ประมาณ ๑๐๐ ปี เป็นหลักฐานรับรองคำกล่าวเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี

ทั้งๆ ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมอันเป็นไปเพื่อการเจริญสติปัญญาประกอบความเพียรชอบ แต่ผู้อ้างตนเป็นพุทธบริษัทจำนวนไม่น้อย กลับไม่ยอมศึกษาปฏิบัติ อันเป็นไปเพื่อการเจริญสติปัญญา..

การเข้าไปยึดถือ สะเก็ด เปลือก กระพี้.. ที่อ้างว่าเป็นองคาพยพของพุทธศาสนา รวมถึงการต่อเติมทิฏฐิของตนรวมลงไปในคำสั่งสอน เพื่อชักนำไปสู่เดรัจฉานวิชา.. ไสยศาสตร์ โดยปฏิเสธ “พุทธศาสน์แท้จริง” กลับเป็นเรื่องที่เผยแพร่ไปทั่ว

จึงไม่แปลกที่หมู่ชนที่ห่างไกลการศึกษาปฏิบัติตามหลักพุทธศาสนา.. จะพากันปฏิเสธพุทธศาสนา ด้วยความเข้าใจที่ผิดเพี้ยนไปตาม พระสัทธรรมปฏิรูป ที่เกิดขึ้นมาจากทิฏฐิของพุทธบริษัทปลอมๆ รุ่นหลัง

แม้ว่าจะมีหนังสือ พระไตรปิฎก ประมวลรวมพระธรรมวินัยไว้ดีแล้ว เป็นหลักฐานอ้างอิงพระธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่ด้วยความเข้าใจที่ต่างกันจากการศึกษา บวกกับความเห็นของตนเอง ที่สำเร็จความรู้ด้วยความคิดนึก ที่หลากหลายไปด้วยทิฏฐิ.. จึงทำให้นำไปสู่ความเข้าใจที่ต่างกัน.. และเป็นเหตุที่ชักนำไปสู่การกระทำที่ไม่เป็นไปในความเป็นหลักปฏิบัติอย่างเดียวกัน ทั้งนี้ เพราะเหตุเกิดจากการยึดถือพระธรรมคำสั่งสอนตามทิฏฐิของตน ที่ออกจากผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์.. โดยสามารถสรุปเหตุเกิดของการยึดถือคำสั่งสอนที่ผิดเพี้ยนไปจากพระสัทธรรมดั้งเดิมได้ดังนี้

๑.ถือเอาตามความเชื่อของตน.. เป็น มิจฉาอธิโมกข์ ที่ก่อเกิดจากความงมงาย

๒.ถือเอาตามจริต .. ความชอบใจของตน.. อันเกิดจากตัณหาของตน

๓.ความเชื่อตามเขาว่ามา.. โดยขาดการพิจารณาโดยแยบคาย ด้วยความเชื่อมั่นในบุคคลมากกว่าเหตุผล

๔.ตรึกตามอาการเอาเองได้.. พวกนี้สำเร็จความรู้ด้วยความคิดของตน.. เพราะคิดนึกตรึกตรอง คาดคะเนเอาเองได้ว่าเป็นอย่างนี้.. เป็นอย่างนี้.. โดยไม่มีสติปัญญาเป็นเครื่องประกอบในการคิดนึกนั้น.. เพื่อพิจารณาโดยแยบคาย

๕.ถูกต้องตรงตามทิฏฐิของตน.. เป็นการปักใจเชื่อลงไปในเรื่องนั้นๆ.. เมื่อตรงกับทิฏฐิของตน อย่างขาดการพิจารณา

หลักธรรมแสดงเหตุเกิดของผิดเพี้ยนดังกล่าว ปรากฏอยู่ใน เทวทหสูตร ที่สอดรับกับกาลามสูตร ซึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ทำนองเดียวกันแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตตนิคม แคว้นโกศล ในวิธีปฏิบัติตนต่อสิ่งที่สงสัยหรือหลักความเชื่อ ซึ่งมี ๑๐ ประการดังนี้ว่า..

อย่าเพิ่งเชื่อ.. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมา.. ด้วยการถือสืบๆ กันมา.. ด้วยการเล่าลือ.. ด้วยการอ้างตำราคัมภีร์

อย่าเพิ่งเชื่อ.. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อ เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว.. หรือตรงตามทิฏฐิของตน

อย่าเพิ่งเชื่อ.. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อ เพราะรูปลักษณะน่าเชื่อถือ.. น่าเป็นไปได้ หรือเพียงเพราะลักษณะภายนอกน่าเชื่อถือ

อย่าเพิ่งเชื่อ.. อย่าเพิ่งปลงใจเชื่อ เพราะความเคารพนับถือว่า ท่านผู้นี้เป็นครูของเรา!!

จนกว่าจะรู้แจ้งจริงด้วยการสอบสวนจนรู้ด้วยตนเองว่า.....

“ธรรมเหล่านั้นเป็นกุศล.. ไม่มีโทษ..

ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศล.. มีโทษ

โดยพึงละเสียในอกุศลธรรมที่เป็นโทษ และพึงถือปฏิบัติในกุศลธรรมที่ไม่เป็นโทษ”

สิ่งสำคัญของหลักการพิจารณา ก่อนที่จะปลงใจเชื่อ คือ การรู้เข้าใจในสารธรรมนั้น ด้วยการเจริญสติปัญญาประกอบความเพียรชอบ จนเกิด สัมมาทิฏฐิ  นั่นหมายถึง จิตใจต้องประกอบด้วยองค์สาม เพื่อดำเนินไปตาม “อริยมรรค” จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม.. เป็นผู้เคารพธรรม.. ในพระพุทธศาสนา

ปัญหาในสังคมต่อการเข้าไม่ถึงพระสัทธรรมแท้จริง.. คือ การขาดสติปัญญาและความเพียรชอบในการพัฒนาจิตใจ.. ซึ่งหมายถึง มิได้เจริญสติปัฏฐานธรรม ในการดำเนินชีวิตไปในทุกขณะ.. จึงเป็นปัญหาต่อการพิจารณาโดยแยบคาย เพื่อการเกิดปัญญารู้ชอบในสิ่งนั้นๆ... หรือเพื่อการก่อเกิด สัมมาทิฏฐิ อันเป็นองค์ธรรมอันสำคัญยิ่งใน ๘ ประการของอริยธรรม

จึงเป็นธรรมดา.. ที่แม้จะอ้างว่าเป็นชาวพุทธ.. แต่ก็ยากจะพัฒนาชีวิตให้เกิดภาวะพุทธะได้.. ด้วยเพราะขาดความใส่ใจในการศึกษาปฏิบัติธรรม...

เมื่อไม่นิยมศึกษาปฏิบัติธรรม.. ตาม “หลักพึ่งตน-พึ่งธรรม” จึงไม่แปลกที่จะงมงาย เกิด มิจฉาอธิโมกข์ .. มันจึงเป็นเช่นนั้นเอง ในวิถีสังคมศาสนาในปัจจุบัน ที่ไม่แปลกหากจะเกิดสำนักแนวศึกษาศาสนาใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากดั้งเดิม.. จนนำไปสู่การก่อเกิดการปฏิรูปการศึกษาปฏิบัติขึ้นอีกครั้ง เพื่อการหาจุดสมดุลของการศึกษาที่นำพาไปสู่พระสัทธรรมดั้งเดิม.. ซึ่งแม้คงดำรงอยู่แต่ก็ยากจะเข้าถึง ยากจะเข้าใจใน พระสัทธรรม เพราะขาดต้นแบบคือ พระสุปฏิปันโนที่แท้จริง.. มีแต่ “สุปฏิปันนึกคิด”... คาดว่าไปตามทิฏฐิของตน จนเกิดอริยบุคคลที่เต็มไปด้วยทิฏฐิเกลื่อนกราดเต็มบ้านเต็มเมืองในโลกโซเชียลออนไลน์

หลายแนวทางที่เกิดจึงไม่ใช่เรื่องใหม่.. เช่น กรณีการเกิดสำนักพุทธวจนะของท่านพระคึกฤทธิ์ขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นการแตกตัวมาจากอิทธิพลแนวคิดของหลวงพ่อพุทธทาส ในการปฏิรูปหลักธรรมคำสั่งสอนที่มีความซับซ้อนต่างไปจากหลักธรรมพุทธดั้งเดิม อันเนื่องมาจากภาวะการปลอมปนทิฏฐิของบุคคลลงไปปะปนในพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.. อันเกิดจากการศึกษาที่ยึดต่อกับตัวเรา ที่เกี่ยวเนื่องกับพระไตรปิฎก ที่เข้ามามีอิทธิพลในแต่ละยุค แต่ละสมัย โดยเฉพาะแนวความคิดที่เกิดจากนักแสดงธรรมทั้งหลาย นำเข้ามาปลอมปนลงไปในพระธรรมคำสั่งสอนที่บริสุทธิ์ หมดจด ด้วยอรรถและพยัญชนะ เพื่อประกาศความบริสุทธิ์บริบูรณ์ในพรหมจรรย์ของพระธรรมวินัยในพระพุทธศาสนา

เหตุปัจจัยที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือ การแสดงธรรมของพระภิกษุที่ไม่อ้างอิงพระไตรปิฎก.. ไม่ได้อ้างอิงพระพุทธพจน์ แต่กลับไปอ้างอิงครูบาอาจารย์หรือพระเถระต่างๆ ตลอดจนความเห็นของตนเอง จนกลายเป็น การเผยแผ่ศาสนาใหม่ในแนวพุทธะ ที่แสดงไปตามความคิดของตนที่เคยได้ยิน ได้ฟังมา หรือนึกคิดเอาเอง อันเป็นไปตามวิสัยปุถุชนที่เกิดปรากฏมากในวงการศาสนายุคไอที เพื่อโฆษณาชวนเชื่อ ชักนำให้หมู่ชนผู้ขาดสติปัญญา.. ขาดความคิดความอ่านที่ถูกต้อง เข้าไปเชื่อถือ เป็นบริวาร ที่นำไปสู่การแสวงหาลาภ ปัจจัยเงินทอง จากบุคคลเหล่านั้น ที่เข้าใจ-มั่นใจด้วยตนเอง โดยขาดการพิจารณา โดยคาดคะเนเอาเองว่าเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ ตามที่ได้เห็น.. ได้รับฟังมา...

โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการใช้สื่อไอที เพื่อเผยแพร่เชิงโฆษณาชวนเชื่อ ที่นับเป็นยุทธปัจจัยที่สำคัญมากในการทำการตลาดเชิงรุก เพื่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย อันได้แก่ มหาชน.. ที่กำลังแสวงหาอำนาจบางอย่างที่จะช่วยให้ตนเองก้าวไปสู่ความสำเร็จ.. พ้นทุกข์โรคภัยที่ประสบอยู่ได้จริง

การเกิดลัทธิการสอนที่ผิดไปจากเดิมในแนว อริยประเพณี จึงเกิดขึ้นมากในยุคสมัยนี้ ที่มีการกล้าหาญในการพูด.. การแสดงออกหลากหลายรูปแบบ อย่างไม่เกรงกลัวต่อผลตอบแทนกลับคืนอันเป็นไปตามกฎแห่งกรรม.. ขอเพียงแต่กฎหมายไม่สามารถจัดการอะไรได้ ก็เป็นอันใช้ได้แล้ว

ปรากฏการณ์แสดงธรรมตามแนวคิดตนจึงเกิดขึ้นมาปิดบังธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว.. แม้แต่การเอ่ยอ้างพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ก็เพื่อมารองรับแนวคิดของตนว่า ถูกต้อง ชอบธรรม

สิ่งที่ผิดเพี้ยนยิ่งขึ้นก็คือ การปรากฏบุคคลหลากหลายทั้งชาย-หญิง เข้าไปสู่บทบาทครูผู้สอนปฏิบัติธรรม.. นักเทศนาสั่งสอนธรรม.. แทนที่พระภิกษุผู้ที่รับภารธุระโดยตรงในการสืบทอดพระธรรมวินัย..ให้สืบเนื่องต่อไป

เรื่องดังกล่าวยิ่งเกิดมีมากขึ้นในช่องว่างที่พระภิกษุส่วนใหญ่ มุ่งแต่ไปให้ความสำคัญศาสนาในเชิงศาสนกิจ ศาสนพิธี.. ศาสนวัตถุและความเกี่ยวข้องกับการศึกษาแบบโลกๆ ในสถาบันการศึกษาของพระสงฆ์... โดยละทิ้ง ศาสนธรรมแท้ อันเป็นแก่นของพุทธศาสนา

เมื่อตาลปัตรกลับด้านเกิดขึ้น เรื่องราวที่ปรากฏในเขตแดนพระศาสนา จึงผกผันไปจากความเป็นธรรมดา ดังเช่น การที่มีบุคคลผู้ครองเรือน อ้างอิงว่า มีอำนาจวิเศษในการติดต่อรู้เรื่องราวจากกรรมกับภพภูมิต่างๆ ได้ออกมาพยากรณ์เรื่องกรรมของคนนั้น.. คนนี้ ว่าจะต้องแก้อย่างนั้น อย่างนี้.. และก้าวไปสู่การโปรโมตพระภิกษุรูปปนั้น รูปนี้ วัดนั้น วัดนี้ ว่าควรแก่ความเคารพ.. เป็นพระอริยเจ้าที่ควรแวะเวียนไปกราบ

ลัทธิผีบุญ จึงฟื้นคืนชีพขึ้นในสังคมที่งมงายในความเชื่ออย่างขาดความเข้าใจในธรรม...

 

เจริญพร

[email protected]

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เทวฤทธิ์ -กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ เสรีนิยมก้าวหน้า ปฏิรูปสภาสูง

สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ชุดปัจจุบัน 200 คน จะประชุมร่วมกันนัดแรกในวันอังคารนี้ 23 ก.ค. โดยมีระเบียบวาระสำคัญที่จะให้สว.ทั้งหมดร่วมกันประชุมลงมติ นั่นก็คือ

“ศาสนกิจในอินเดีย .. ณ นครปูเน่” น้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ๒๘ ก.ค.๖๗ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่ นครปูเน่ รัฐมหาราษฏระ อินเดีย เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการสร้างวัดแห่งแรกของชาวพุทธในอินเดีย

อังคณา สว. 2567 ภารกิจ-สิ่งท้าทาย สภาสูง กับโมเดลข้อเสนอ สภาเดี่ยว

การทำงานของสมาชิกวุฒิสภาชุดล่าสุด ที่เรียกกันว่า "สว. 2567" กำลังจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากนี้ คาดหมายกันว่า การนัดประชุมวุฒิสภาเพื่อเลือก

บทธรรมถวายเป็นพระราชกุศล .. ในมหามงคลครบ ๖ รอบ “ราชธรรม .. สู่การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” (ตอนที่ ๗)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. พระพุทธเจ้าได้ตรัส หลักการปกครองตามแบบธัมมิกสูตร ว่า..

ดร.มานะ-ว่าที่ สว. 2567 ความเป็นอิสระไม่มีอยู่จริง เรื่องใบสั่งก็คงมีบ้าง ไม่มีบ้าง

หนึ่งในผู้ผ่านการคัดเลือก 200 รายชื่อให้เตรียมเข้าไปทำหน้าที่ "สมาชิกวุฒิสภา" (สว.) ชุดใหม่ ที่น่าสนใจ ก็คือ "ดร.มานะ มหาสุวีระชัย อดีต สส.ศรีษะเกษ" ที่เคยสังกัดพรรคพลังธรรมและพรรคประชาธิปัตย์ตามลำดับ

บทธรรมถวายเป็นพระราชกุศล .. ในมหามงคลครบ ๖ รอบ “ราชธรรม .. สู่การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” (ตอนที่ ๖)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ได้เขียนคำกล่าวสอนใจไว้บทหนึ่งว่า.. ถึงมีอำนาจ วาสนา สักปานไหน