คุณค่าแท้–คุณค่าเทียม ที่ชาวพุทธควรคำนึง..!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. คำว่า “วิกฤตศรัทธา” เริ่มมีการพูดถึงกันมากในห้วงเวลานี้ ด้วยเหตุปัจจัยในเรื่องนั้น ที่นำไปสู่ความสั่นคลอนในความเชื่อมั่น ที่เคยอบรมสั่งสมมานานในสิ่งนั้นๆ เรื่องนั้นๆ บุคคลนั้นๆ.. ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติของวิถีชีวิตสัตว์ทั้งหลายที่พยายามหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ

ดังในมุมหนึ่งจากหลากหลายเรื่องราวในวงจรพุทธศาสนาในยามนี้ ที่เคลื่อนไหวไปตามจิตวิญญาณของมนุษยชาติ ที่ออกอาการสั่นสะเทือนในความเชื่อมั่นต่อบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของสถาบันพระพุทธศาสนา อันได้แก่ บริษัทสี่ โดยเฉพาะ ภิกษุหรือพระสงฆ์..

จากความหลากหลายในทิฏฐิของภิกษุที่ยกตนขึ้นเป็นครูบาอาจารย์ ออกทำหน้าที่เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน โน้มเอียงเข้าสู่ทิฏฐิของตน โดยแสดงตนเป็นผู้รู้.. ผู้ชำนาญการในปริยัติ ปฏิบัติ อย่างเต็มกำลังความรู้สึก แตกต่างไปจากบรรพชนที่เคยปฏิบัติสืบกันมา ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ปรากฏให้เห็นมากขึ้น

อาจจะด้วยอิทธิพลของสังคมไอทีที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีชั้นสูงในการสื่อสารในยุคนี้ จึงเกิดการปฏิวัติกระบวนการเผยแผ่ศาสนาให้แตกต่างไปจากเดิม อย่างน่าเป็นห่วง ในเสรีภาพของการเผยแผ่โดยใช้สื่อออนไลน์ที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว จนทำลายระบบสื่อสารแบบเดิมๆ ให้สิ้นไปได้อย่างไม่หลงเหลือคุณค่า

จึงควรให้ความใส่ใจยิ่งในเรื่อง เสรีภาพของการสื่อสาร ที่ควรจะมีกฎระเบียบ กฎหมาย กฎศีลธรรม-จริยธรรม เข้าควบคุม เพื่อเป็นการตักเตือนผู้ใช้ ว่า.. เสรีภาพควรอยู่ในกรอบของความดีงามและถูกต้องตามศีลธรรม-จริยธรรมด้วย มิใช่คำนึงเฉพาะกฎหมายอย่างเดียว

เรื่องดังกล่าว.. สถาบันพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ควรอย่างยิ่งที่จะหยิบยกขึ้นเป็นหัวข้อแห่งการประชุม เพื่อร่วมปรึกษาหารือกันในการสร้างมาตรการเพื่อการควบคุมดูแลการใช้สื่อยุคไอทีของภิกษุ-สามเณร ให้คงเส้นคงวา อยู่ในระบบศีลธรรม-จริยธรรมตามหลักธรรมในศาสนา โดยควรคำนึงถึง สมณสารูป เป็นสำคัญว่า.. เหมาะควรหรือไม่.. มีประโยชน์โดยธรรมหรือไม่.. เหมาะสมกับสมณสารูปหรือไม่ โดยเทียบเคียงความเป็นพระภิกษุที่ต้องแตกต่างไปจากความเป็นคนครองเรือนเสพกาม..

สิ่งสำคัญยิ่ง คือ การสร้างมาตรการตรวจสอบการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนที่อ้างว่าเป็นของพุทธศาสนา ว่า ถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัย เป็นพระสัทธรรมแท้ หรือไม่... เพื่อป้องกันการเผยแผ่หลักธรรมพระพุทธศาสนาไปตามแนวความคิดของตนเอง โดยขาดความยำเกรงในพระรัตนตรัย ประมาทในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์.. ในไตรสิกขาและในความประมาท

แม้ว่าการคุ้มครองพระพุทธศาสนาเป็นหน้าที่ของอาณาจักร แต่ฝ่ายศาสนจักรก็ไม่ควรนิ่งเฉยต่อปัญหาต่างๆ ที่กระทบต่อพระพุทธศาสนา จึงควรเป็นผู้หยิบยกปัญหาขึ้นหารือ..กับฝ่ายอาณาจักร เพื่อป้องกันภัยร้ายต่อพระพุทธศาสนา..

โดยควรคำนึงเสมอว่า.. ทุกปัญหาต้องรีบแก้ไข.. เมื่อก่อตัวเป็น อธิกรณ์ ขึ้นมา.. คณะสงฆ์ไม่ควรวางเฉย ไม่ใส่ใจ เพราะนั่นคือความประมาทต่อภัยร้ายที่กำลังเกิดขึ้นในเขตพระพุทธศาสนา

คณะสงฆ์.. โดยพระเถระผู้บวชมานาน มีความรอบรู้ในพระธรรมวินัย ควรแต่งตั้งมอบหมายให้คณะกรรมการสงฆ์ ทำหน้าที่ในการช่วยกันเฝ้าระวังและขจัดปัญหา.. การเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนที่ไม่ถูกต้องให้สิ้นไป.. อย่าปล่อยให้ลุกลามไปทั่วจนยากจะห้าม... และอย่าได้เกี่ยงกันว่าเป็นของคณะนั้น.. คณะนี้.. เพราะพระพุทธศาสนามีคณะเดียวเท่านั้น คือ คณะสงฆ์ในพระธรรมวินัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า

ดุจดังเรื่อง .. การจ่ายเงินไปนิพพาน ที่เป็นข่าวดังในช่วงนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น.. เมื่อเกิดมีขึ้นต้องรีบแก้ไข ขจัดปัญหาดังกล่าวให้สิ้นไป ไม่ใช่ปล่อยให้คนทำความผิดลอยหน้าลอยตา พูดออกสื่อเลอะเทอะไปวันๆ.. โดยไม่มีองค์กรใดของพุทธศาสนาที่ชอบธรรมขึ้นมาจัดการปัญหาดังกล่าวให้สิ้นไปในทันทีทันใด ไม่ปล่อยให้กระแสไหลไปในโลกออนไลน์จนวุ่นวายไปทั่ว...

การปล่อยเป็นหน้าที่ของสื่อ.. และบุคคล ไม่ว่าเป็นพระภิกษุหรือคน ออกมาโต้ตอบ วิพากษ์วิจารณ์กันไป อย่างไม่มีรูปแบบการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง ชอบธรรม และชัดเจน.. กลายเป็นการสร้างภาวะผันผวนให้เกิดแรงขึ้นในพระพุทธศาสนา.. มิได้มีผลดีต่อการดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนาที่จะต้องสืบเนื่องต่อไป เพื่อประโยชน์ของมหาชน.. เพื่อประโยชน์สุขของโลกนี้ ไม่...

แน่นอน การส่งเสริมการศึกษาปฏิบัติในคณะสงฆ์ เป็นเรื่องที่ดี.. การเผยแผ่การศึกษาปฏิบัติสู่ประชาชนผู้มีศรัทธาเลื่อมใส เป็นเรื่องที่ควรกระทำ.. แต่นั้นหมายถึง ควรรวมถึงการปกป้องดูแลพระพุทธศาสนาไว้ด้วย จึงควรมุ่งเน้นการสนับสนุนการศึกษาปฏิบัติให้เป็นไปเพื่อความรู้แจ้งแทงตลอดในธรรม.. อันเป็นไปเพื่อพระนิพพาน.. ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นเพียงแค่การได้ผ่านการศึกษาตามลำดับขั้นแบบทางโลก.. แต่หาได้วัดผลคุณค่าทางจิตวิญญาณว่าเจริญด้วยสมณธรรม.. ที่บำรุงชโลมด้วยคุณธรรมความดี ไม่...

การไม่ส่งเสริมให้การศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ให้เป็นไปเพื่อ ความสะอาด สงบ สว่าง.. จึงกลายเป็นการสร้างผลไม้พิษให้เกิดขึ้นในเขตพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการมุ่งน้อมโน้มไปทางโลกธรรม.. รางวัล เกียรติคุณ ชื่อเสียง

ที่น่าเป็นห่วงยิ่ง.. คือ สิ่งตอบแทนแด่ผู้ประสบความสำเร็จในแวดวงพระพุทธศาสนา ที่ดูเหมือนจะเป็นแรงชักจูงโน้มนำให้เกิดความสำคัญต่อการทุ่มเทเพื่อความสำเร็จในการศึกษา ซึ่งหากมองอีกมุมหนึ่ง กลับเป็นการส่งเสริมให้เกิดการศึกษาแบบทางโลกที่มุ่งเน้นลาภสักการะ..​ มากกว่า การสร้างคุณธรรมความดีที่เป็นคุณค่าแท้ของการศึกษาในวิถีศาสนา...

การสร้างคุณค่าจอมปลอมขึ้นมาปิดบังคุณค่าแท้ของพระสัทธรรม นับเป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างยิ่ง.. ซึ่งระบาดแพร่หลายไปทั่วในสังคมยุคไอที.. อย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ การสร้างแฟชั่นการบวชใต้ควงพระศรีมหาโพธิ์ สังเวชนียสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าและออกจาริกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ที่ควรสักการบูชาของพระพุทธศาสนา ก่อนกลับมาลาสิกขาที่วัดสังกัดในพุทธคยา.. ซึ่งออกจะย้อนแย้งกับคุณค่าแท้ของการบรรพชา-อุปสมบทในพระพุทธศาสนา

การบวชใต้ควงพระศรีมหาโพธิ์และออกเดินทางจาริกปฏิบัติธรรมไปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีความรู้ในพระธรรมวินัย จึงนำไปสู่การประพฤติปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เช่น การรับเงินทอง ขบฉันไม่ถูกต้อง และเที่ยวพักในสถานอโคจร คือ โรงแรมทั้งหลาย.. นี้ยังไม่นับการไม่รู้จักความสำรวมและการไม่รู้จักพิจารณาใช้สอยในปัจจัยสี่ ซึ่งเป็นหนึ่งในจตุราปริสุทธิศีลของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา

การสร้างคุณค่าเทียมขึ้นมาครอบคุณค่าแท้ โฆษณาแต่บุญกุศล ว่ามีผลมาก มีอานิสงส์มาก ยิ่งใหญ่มหาศาล ไม่มีประมาณ โดยเฉพาะการบวชในเขตแดนแผ่นดินตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า... นับเป็นเรื่องที่น่าพิจารณาอย่างยิ่งว่า.. ที่สุดของเรื่องจะไปจบอยู่ที่ใด นรก สวรรค์ หรือ พระนิพพาน!!

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น.. ไม่ว่าอะไรจะเป็นไป และไม่ว่าอะไรจะสิ้นไป.. ที่แน่ๆ คือ ประเทศอินเดียร่ำรวย ต่อการท่องเที่ยวของชาวพุทธที่เดินทางไปใช้เงินทองในแผ่นดินของเขาปีละจำนวนไม่น้อย จนที่สุดของรัฐบาลอินเดียที่เชิดชูศาสนาฮินดูเป็นศาสนาประจำชาติ.. ต้องหันกลับมาให้ความสำคัญกับสมบัติของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะสังเวชนียสถานทั้ง ๔ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ทั้ง ๔ รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ.. สถูปเจดีย์ พระศรีมหาโพธิ์ และพระพุทธศิลป์ปางต่างๆ.. ที่ก่อนหน้านี้ถูกทำลายย่อยยับแบบฝังกลบ จนพุทธศาสนาไม่หลงเหลือร่องรอยใดในชมพูทวีป

โชคดีที่สังเวชนียสถานได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง.. โดยการต่อสู้ของชาวพุทธ ทุ่มเททั้งชีวิตจิตวิญญาณ ดังการต่อสู้ให้ได้มาในสิทธิอันชอบธรรมของชาวพุทธต่อพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ประมวลรวมถึงมหาโพธิวิหารและพระสถูปเจดีย์รายรอบมากมาย ซึ่งถูกทำลายสภาพไปพอสมควร.. เพื่อการได้มาดูแลในนามของพุทธศาสนา..

แม้วันนี้ ฟ้าจะเปลี่ยนสี ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย.. มีการแสดงออกถึงการสนับสนุนอุ้มชูพุทธศาสนาในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว.. แต่ชาวพุทธต้องพิจารณาให้เห็นจริงใน คุณค่าแท้.. คุณค่าเทียม จากเรื่องราวนั้นๆ ที่เป็น วิถีทูตทางศาสนา เพื่อความไม่ผิดพลาดต่อการสืบอายุพระพุทธศาสนา...

สำคัญยิ่ง คือ ชาวพุทธทั้งหลาย โดยเฉพาะพระภิกษุ ผู้เป็นเถระทั้งหลาย อย่าได้เข้าไปสร้างคุณค่าเทียมขึ้นมาปิดคุณค่าแท้ของพระพุทธศาสนา จนพระสัทธรรมแท้สูญหาย คงเหลือแต่พระสัทธรรมปฏิรูป.. เพื่อหวังผลแต่โลกธรรมที่พึงจะได้รับ.. อันได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข... เพราะนั่นหมายถึง การสร้างความฉิบหายให้ตนยังไม่พอ.. แต่กำลังช่วยกันทำลายพระพุทธศาสนาให้สิ้นไป.. เป็นบาปมหันต์..จริงๆ!!.

 

เจริญพร

[email protected]

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อุทธัจจะ .. ในวังวนแห่งการตื่นธรรม .. ยุคไอที!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระรัตนตรัย... สัทธายะ ตะระติ โอฆัง.. บุคคลข้ามโอฆะได้ด้วยศรัทธา.. โอฆะ หมายถึง ห้วงน้ำ ที่มีกระแสเชี่ยวกราก พัดพาสัตว์ทั้งหลายให้ตกไปในกระแสน้ำนั้น ยากจะข้ามฝั่งไปได้

คำนูณ ผ่าปม 2 ได้ 3 เสีย ถ้าไม่ยกเลิก MOU 2544

ความเคลื่อนไหวและการแสดงความคิดเห็นเรื่อง MOU 2544 ที่เชื่อมโยงถึงเกาะกูด, การหาแหล่งพลังงานแห่งใหม่ในพื้นที่อ้างสิทธิไทย-กัมพูชา ที่มีการประเมินกันว่ามีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านบาท ยั

'แก้วสรร' แพร่บทความ 'นิติสงคราม' คืออะไร?

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “นิติสงคราม” คืออะไร???

อย่าได้ประมาทในธรรม.. “เมื่อใจตรง .. จะตรงใจ”..

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา.. เดินทางกลับมาจากอินเดีย เมื่อ ๗ พ.ย.๒๕๖๗.. ถึงกรุงเทพฯ ๘ พ.ย.๒๕๖๗ หลังจากไปร่วมประชุม “The First Asian Buddhist Summit 2024” ที่นิวเดลี งานนี้จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรมและท่องเที่ยวของรัฐบาลอินเดีย

ขึ้นต้นก็(เขียน)ผิดแล้ว ! ว่าด้วยเส้น “ละติดจูด” ที่ 11° “E” ในเอกสารแนบท้าย MOU 2544

เขียนและพูดเรื่อง MOU 2544 มาหลายปี หลากมุมมอง ล่าสุดช่วงนี้ก็จำแนกข้อดีข้อเสีย รวมทั้งส่วนที่จะได้และส่วนที่จะเสียหากเจรจาสำเร็จ ล้วนหนัก ๆ ทั้งนั้น .