เจริญพรศรัทธาสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาระหว่าง ๒๒-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ได้เดินทางไปประกอบศาสนกิจอันสำคัญยิ่งในชมพูทวีป บนแผ่นดินเกิดพระพุทธศาสนา เนื่องใน วันมาฆบูชาโลก ซึ่งปีนี้ตรงกับ วันเสาร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ เป็น “วันมาฆบูชาปูรณมี”
เมื่อกล่าวถึงวันมาฆบูชาในพระพุทธศาสนา.. เราทั้งหลายจะนึกถึง เวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าประทับท่ามกลางพระอรหันตสาวก ๑,๒๕๐ รูป เพื่อประทานพระโอวาทปาติโมกข์แด่คณะสงฆ์ ด้วยพระประสงค์ให้องค์กรสงฆ์เข้มแข็ง มั่นคง ในการทำหน้าที่สืบเนื่องอายุพระพุทธศาสนา
พระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งในโลก (โลกะวิทู) จึงได้ทรงวาง หลักการ อุดมการณ์ ข้อปฏิบัติ เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้กับคณะสงฆ์ จึงได้ประทานพระโอวาทปาติโมกข์ภายหลังจากการตรัสรู้เพียง ๙ เดือน ทำให้พระพุทธศาสนาได้สืบเนื่องอายุมาจนถึงวันนี้ ยาวนานมากกว่าสองพันปี ผ่านไปหลายช่วงอายุของมนุษย์เรา
การให้ความสำคัญในวันมาฆบูชาของคณะสงฆ์ จึงนับเป็นเรื่องที่ควร.. เพื่อจะได้ทบทวนบทบาท หน้าที่ ของความเป็นภิกษุในพระศาสนา ว่า.. ได้สร้างภูมิรู้ในสารธรรมมาฆบูชา คือ พระโอวาทปาติโมกข์ บ้างหรือไม่..
เพราะความไม่เข้าใจในสาระสำคัญของพระโอวาทปาติโมกข์นี้แหละ.. จึงทำให้องค์กรพระสงฆ์แตกแยกเป็นนิกายต่างๆ มากกว่า ๑๘ นิกาย เพียงแค่ร้อยปีหลังพุทธปรินิพพาน
จึงไม่ต้องกล่าวถึงความไม่ตรงทางของพระสงฆ์ในปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่ยังเดินไปด้วยความสำคัญมั่นหมายของตน ว่า.. นี้คือความถูกต้อง.. โดยขาดความรู้ความเข้าใจในพระธรรมวินัยที่แท้จริง...
ยิ่งคณะสงฆ์พากันหลงทางละทิ้งพระพุทธพจน์ ด้วยความเชื่อในคณาจารย์ ได้ปลอมปนทิฏฐิของตนและหมู่คณะเข้ามาในพระธรรมวินัย จนเกิดพระสัทธรรมเนื้องอกขึ้นมากมาย ผ่านทางภาษาบาลีที่ตีความกันเองอย่างขาดญาณ .. ปัญญา จึงยิ่งเห็นความล้มเหลวขององค์กรสงฆ์ในความมีอยู่ของ พระพุทธศาสนา
การขาดญาณ.. ปัญญา.. ที่นำไปสู่ สัญญา สังขาร.. ก่อเกิดทิฏฐิ อันเป็นเหตุให้เกิดความวิปลาสในธรรม.. อย่างไม่ตั้งใจ.. ไม่รู้ไม่เข้าใจ จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก อันเป็นภัยร้ายที่มาแต่ภายในพระศาสนา
จึงได้เห็นร่องรอยความหายนะขององค์กรพระศาสนา ที่เกิดจากการประพฤติปฏิบัติอย่างไม่เคารพในพระธรรมวินัย.. ไม่ให้ความสำคัญแด่พระโอวาทปาติโมกข์ของผู้อ้างตนว่าเป็นภิกษุในพระศาสนา.. จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่นำไปสู่การไม่ให้ความสำคัญในวันมาฆบูชา...
สมัยที่ได้เดินทางไปสู่ชมพูทวีปในครั้งแรก จึงเกิดความสังเวช เมื่อเวฬุวันมหาวิหาร ที่กลายเป็นสวนป่าเวฬุวันของฮินดูในปัจจุบัน ถูกทอดทิ้งจากชาวพุทธ.. ไร้การเหลียวแล ทั้งๆ ที่เป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่พระพุทธเจ้าประทับถึง ๕ พรรษา ได้แก่ พรรษาที่ ๒-๓-๔-๑๗ และ ๒๐ โดยเฉพาะความเป็นเมืองหลวงของพระพุทธศาสนา.. ที่พระพุทธองค์ทรงตั้งเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา..
การที่ทรงเลือก เวฬุวันมหาวิหาร เป็นสถานที่ประกาศพระโอวาทปาติโมกข์ตามพุทธวิสัย จึงไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ชาวพุทธควรให้ความสำคัญยิ่งในการศึกษา.. หากเราชาวพุทธรักที่จะเข้าใจพระพุทธศาสนาด้วยความศรัทธาเลื่อมใสที่แท้จริง..
ในสมัยนั้น เวฬุวันมหาวิหาร เมื่อถึงวันมาฆบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ กลับตั้งอยู่ในความมืด ไร้เสียงสวดมนต์บูชาพระพุทธองค์ โดยเฉพาะในยามค่ำ ที่ควรจุดแสงเทียน ทำประทักษิณรอบลานพระโอวาทปาติโมกข์ ที่ตั้งอยู่ใจกลางสวนป่าเวฬุวัน
แตกต่างจาก พระศรีมหาโพธิ์ ที่พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธองค์ ที่ทุกคนให้ความสนใจกันมากที่สุด โดยเฉพาะเนื่องใน วันวิสาขบูชาโลก ที่สหประชาชาติประกาศเป็นวันสำคัญของชาวโลก ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่แปลกที่ชาวพุทธทั่วโลกได้ให้ความสำคัญที่สุด เนื่องในความเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธองค์
แต่ที่แปลกคือ การที่คณะสงฆ์ให้ความสำคัญในวันมาฆบูชาน้อยมาก แม้ในประเทศพุทธศาสนาเถรวาท.. จึงไม่ต้องกล่าวถึงพุทธมหายาน.. ที่ไม่รู้จัก พระโอวาทปาติโมกข์.. ไม่รู้ความสำคัญของ เวฬุวันมหาวิหาร เลย
จึงไม่แปลกอีกเช่นกันที่คณะสงฆ์ในพระพุทธศาสนา แม้จะอ้างว่ามาจากพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน จะมีการศึกษาปฏิบัติแตกต่างกันไป จนนำไปสู่การแตกแยกเป็นนิกายต่างๆ ให้ปรากฏเกิดขึ้นที่สืบมาถึงวันนี้
ครั้งหนึ่งได้เข้าประชุมร่วมกับผู้นำพุทธศาสนานานาชาติที่อินเดีย จัดขึ้นโดยรัฐบาลอินเดีย ด้วยนโยบายทางการเมืองของ นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี.. จึงได้มีโอกาสพูดในที่ประชุมผู้นำองค์กรพุทธศาสนานานาชาติจากทั่วโลก ที่มี องค์ทะไล ลามะ เป็นประธาน.. เพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญของพระโอวาทปาติโมกข์ ที่เปรียบดุจธรรมนูญแม่บทของพระธรรมวินัยในพระพุทธศาสนา และได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ เวฬุวันมหาวิหาร ที่ชาวพุทธไม่ควรทอดทิ้งให้เป็นเพียงแค่สวนป่า อุทยานของชาวฮินดู ที่มาเดินออกกำลังกาย.. เที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของหนุ่มสาว.. โดยเฉพาะลานพระโอวาทปาติโมกข์ ที่กลายเป็นสถานที่ตากผ้าของคนงานสวนป่าเวฬุวันในสมัยนั้น...
จำได้ว่า ในการพูดเรื่องวันมาฆบูชา.. พระโอวาทปาติโมกข์และเวฬุวันมหาวิหารในครั้งนั้น ทำให้ท่านองค์ทะไล ลามะ ได้ตื่นตัวหันไปถามผู้ติดตามอย่างสนใจยิ่งในความสำคัญของเวฬุวันมหาวิหาร ซึ่งต่อมานำไปสู่การขอสร้าง สถูปแบบทิเบตในสวนป่าเวฬุวัน ที่เกิดปรากฏภายหลังการพูดเรื่องวันมาฆบูชา ณ เวฬุวันมหาวิหาร ในครั้งนั้น
ด้วยการฟื้นฟูวันมาฆบูชาโลกให้คืนกลับมาบนแผ่นดินเกิด ณ เวฬุวันมหาวิหาร เป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง นับว่าเป็นภารกิจของการสืบอายุพระพุทธศาสนาที่เกิดมาอย่างมี พันธกิจ... จึงนำไปสู่การเดินทางเข้าจำพรรษาบนภูเขารัตนคีรีในปีพุทธศักราช ๒๕๕๒ ของอาตมา (พระอาจารย์อารยวังโส) เป็นการจำพรรษาบนภูเขาที่สูงเหนือภูเขาคิชฌกูฏ อันเป็นที่ตั้งของ ศานติเจดีย์ ซึ่งสร้างขึ้นโดยผู้นำพุทธศาสนา นิกายนิชิเรน.. จากญี่ปุ่น
ในพรรษาดังกล่าวของอาตมา บนแผ่นดินพระนครราชคฤห์ แคว้นมคธในอดีต.. ต้องใช้ความเพียรสูงมากในการเดินขึ้นลงภูเขา ไปบิณฑบาตถึงบริเวณด้านหน้าสวนป่าเวฬุวัน.. จนสืบเนื่องเข้าไปฉันภัตตาหาร ประกอบศาสนกิจ โดยมีพระภิกษุที่ติดตามไปจำพรรษาที่ วัดไทยสิริราชคฤห์ จำนวน ๓ รูป มาร่วมประกอบศาสนกิจ โดยเฉพาะการลงอุโบสถ ฟังสวดปาติโมกข์ ทุกกึ่งเดือน.. ตามพระธรรมวินัยที่พระสงฆ์ต้องปฏิบัติ
และนั่นก็คือ.. ที่มาของการขออนุญาตเข้าพักในเวฬุวันมหาวิหาร.. เพื่อจัดงานวันมาฆบูชาโลกอย่างเป็นทางการ ที่ได้รับ Official Permit จากหน่วยงานป่าไม้ของรัฐบาลท้องถิ่น รัฐพิหาร/อินเดีย ให้สามารถจัดงานวันมาฆบูชาในสวนป่าเวฬุวันหรือเวฬุวันมหาวิหารได้ โดยจัดขึ้นครั้งแรกในปีพุทธศักราช ๒๕๕๓
การจัดงานมาฆบูชาโลกครั้งแรก ต้องใช้กำลังพอสมควร เพราะมีพระสงฆ์จากเถรวาทและมหายาน เดินทางมาร่วมจำนวนมาก โดยมี พระสังฆราชาจากศรีลังกา พุทธศาสนา นิกายสยาม-อุบาลีวงศ์ มาเป็นองค์ประธาน..
หลังจากนั้น การจัดงานในปีต่อมาก็จะเบาลงบ้าง.. จนเข้าสู่ภาวะปกติที่สามารถจัดเป็นธรรมดาๆ เนื่องในวันสำคัญทางพุทธศาสนา ที่หน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของรัฐบาลอินเดีย ได้ยอมรับและประกาศเป็นวันสำคัญ ที่นำไปสู่การเชิญตัวแทนองค์กรพุทธศาสนาทั่วโลก เดินทางมาเยี่ยมเยียนสถานที่สำคัญของพุทธศาสนาในรัฐพิหาร ซึ่งหนึ่งในสถานที่สำคัญของพุทธศาสนานั้น ได้แก่ เวฬุวันมหาวิหาร และวันสำคัญของพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง คือ วันมาฆบูชา.. ที่ก่อนหน้านี้ แม้ชาวพุทธอินเดียก็ไม่เคยได้ยินคำว่า.. วันมาฆบูชาของพุทธศาสนา!!
ในห้วงเวลาไวรัสโควิด-๑๙ แพร่ระบาด จึงได้หยุดการเดินทางไปจัด งานมาฆบูชาที่เวฬุวันมหาวิหาร.. แต่ยังคงสนับสนุนให้เกิด การจัดงานเชิงสัญลักษณ์ของวันมาฆบูชา ณ เวฬุวันมหาวิหาร เพื่อไม่ให้ขาดตอน จนสูญเสียโอกาส
จนเข้าสู่ปีพุทธศักราช ๒๕๖๗.. ที่มีความพร้อมคืนกลับมา ให้สามารถเดินทางมาประกอบศาสนกิจวันมาฆบูชาได้อีกครั้ง ณ เวฬุวันมหาวิหาร จึงได้เห็นภาพคณะสงฆ์.. ศรัทธาญาติโยมจากประเทศไทยและชาวพุทธในอินเดีย ได้ร่วมกันประกอบศาสนกิจดังกล่าว เนื่องในวันมาฆบูชา.. โดยมี รัฐมนตรีแห่งรัฐบาลท้องถิ่น รัฐพิหาร เดินทางมากล่าวต้อนรับและประกาศสนับสนุนการให้ความสำคัญกับเวฬุวันมหาวิหาร ที่ปัจจุบันมีการสวดประกาศเขตอุโบสถ ผูกพัทธ์ ฝังลูกนิมิต สมบูรณ์ ควรค่าแก่พุทธสถานแห่งแรก ที่พระพุทธองค์ทรงกระทำปาริสุทธิอุโบสถ ท่ามกลางพระอรหันตสาวก จำนวน ๑,๒๕๐ รูป ในวันเพ็ญเดือนสาม ก่อนเข้าสู่พรรษาที่ ๒ ของพระพุทธองค์ ที่ต่อมาเรียกว่า วันมาฆบูชา..
การได้มาปรับปรุง ซ่อมแซม ตบแต่ง ทาสี พระอุโบสถโอวาทปาติโมกข์ ณ เวฬุวันมหาวิหาร เพื่อจัดงานวันมาฆบูชาโลก ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗ นับเป็นมหากุศล ที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก จริงๆ .. จึงควรแก่การนำมาบอกกล่าวให้สาธุชนได้มีส่วนร่วม.. ด้วยการ อนุโมทนา..สาธุการ!!.
เจริญพร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เทวฤทธิ์ -กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ เสรีนิยมก้าวหน้า ปฏิรูปสภาสูง
สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ชุดปัจจุบัน 200 คน จะประชุมร่วมกันนัดแรกในวันอังคารนี้ 23 ก.ค. โดยมีระเบียบวาระสำคัญที่จะให้สว.ทั้งหมดร่วมกันประชุมลงมติ นั่นก็คือ
“ศาสนกิจในอินเดีย .. ณ นครปูเน่” น้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ๒๘ ก.ค.๖๗ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่ นครปูเน่ รัฐมหาราษฏระ อินเดีย เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการสร้างวัดแห่งแรกของชาวพุทธในอินเดีย
อังคณา สว. 2567 ภารกิจ-สิ่งท้าทาย สภาสูง กับโมเดลข้อเสนอ สภาเดี่ยว
การทำงานของสมาชิกวุฒิสภาชุดล่าสุด ที่เรียกกันว่า "สว. 2567" กำลังจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากนี้ คาดหมายกันว่า การนัดประชุมวุฒิสภาเพื่อเลือก
บทธรรมถวายเป็นพระราชกุศล .. ในมหามงคลครบ ๖ รอบ “ราชธรรม .. สู่การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” (ตอนที่ ๗)
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. พระพุทธเจ้าได้ตรัส หลักการปกครองตามแบบธัมมิกสูตร ว่า..
ดร.มานะ-ว่าที่ สว. 2567 ความเป็นอิสระไม่มีอยู่จริง เรื่องใบสั่งก็คงมีบ้าง ไม่มีบ้าง
หนึ่งในผู้ผ่านการคัดเลือก 200 รายชื่อให้เตรียมเข้าไปทำหน้าที่ "สมาชิกวุฒิสภา" (สว.) ชุดใหม่ ที่น่าสนใจ ก็คือ "ดร.มานะ มหาสุวีระชัย อดีต สส.ศรีษะเกษ" ที่เคยสังกัดพรรคพลังธรรมและพรรคประชาธิปัตย์ตามลำดับ
บทธรรมถวายเป็นพระราชกุศล .. ในมหามงคลครบ ๖ รอบ “ราชธรรม .. สู่การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” (ตอนที่ ๖)
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ได้เขียนคำกล่าวสอนใจไว้บทหนึ่งว่า.. ถึงมีอำนาจ วาสนา สักปานไหน