”กบข.”ปรับแผนลงทุนรับปี’65 เพิ่มทางเลือก-สร้างโอกาสผลตอบแทน

ล่าสุดได้ประกาศปรับแผนการลงทุนของสมาชิก “กบข.” ครั้งใหญ่ โดยทำการเปิดตัวแผนการลงทุนใหม่ 2 แผนเพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับสมาชิกมากขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของสมาชิกที่ต้องการกระจายความเสี่ยง และต้องการโอกาสแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศ 

ย้อนไปในช่วงก่อนเกิดไวรัสโควิด-19 ภาคธุรกิจไทยต่างหวาดเกรงกับกระแส “Disruptive Technology” ที่กำลังมาแรง ทำให้ต้องเร่งวางกลยุทธ์ธุรกิจกันใหม่เพื่อไม่ให้ตกขบวน หรือถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่กระแสนี้ยังไม่ทันจะตั้งตัวกันสักเท่าใดนัก การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ก็เกิดขึ้นทั่วโลก ผ่านมา 2 ปีเต็ม และล่าสุดยังพบว่ามีการกลายพันธุ์ “โอมิครอน”

ดังนั้น การมาของไวรัสโควิด-19 ได้ผลักให้ผู้คนต้องปรับพฤติกรรมสู่ วิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal และยังเป็นตัวกระตุ้นให้บทบาทของเทคโนโลยีต่างๆ มีมากขึ้น และกลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน รวมถึงการดำเนินธุรกิจที่ขาดไม่ได้เช่นกัน ประกอบกับเวทีการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ.2564 หรือ COP26 ต่างบรรลุข้อตกลงของประเทศทั่วโลกที่จะเดินหน้าในการลดก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ประกาศมุ่งสู่ "Net Zero" ปี ค.ศ.2050 ส่วนไทยวางเป้าหมายที่ ค.ศ.2065

ด้วยการเร่งเร้าทางเทคโนโลยีที่บางฝ่ายมองว่าคือขั้นตอนการโละอุตสาหกรรมเก่าไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 จึงไม่แปลกที่หลายธุรกิจเริ่มมีการปรับแผนการลงทุน ทั้งธุรกิจพลังงาน สถาบันการเงิน อุตสาหกรรมโทรคมนาคม ฯลฯ ด้วยการทำดีลควบรวมต่อยอดพอร์ต และรวมถึงการลงทุนข้ามสายพันธุ์ เพื่อสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้นให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดล้วนมีเป้าหมายในการทรานฟอร์ม (Transform) ไปสู่เทคคอมพานี (Tech Company) ที่จะรองรับกับโลกที่เปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิทัลนั่นเอง เพราะนี่คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันแบบก้าวกระโดด และสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้นในอนาคต

แม้กระทั่งล่าสุด “กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)” ซึ่งเป็นพอร์ตการลงทุนขนาดใหญ่ของไทยระดับ 1 ล้านล้านบาท ก็ขยับปรับแผนเช่นกัน จึงถือเป็นสัญญาณที่น่าจับตาไม่น้อย โดย ศรีกัญญา ยาทิพย์ ที่เข้ามารับไม้ต่อเป็นเลขาธิการฯ เมื่อ ส.ค.2563 ที่เป็นช่วงวิกฤตโควิด-19 ตลอด 1 ปีได้พิสูจน์ถึงฝีมือของลูกหม้อคนแรกของ “กบข.” ที่สามารถโชว์ผลงานสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดี 

ล่าสุด ได้ประกาศปรับแผนการลงทุนของสมาชิก “กบข.” ครั้งใหญ่ โดยทำการเปิดตัวแผนการลงทุนใหม่ 2 แผนเพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับสมาชิกมากขึ้น สอดคล้องกับความต้องการของสมาชิกที่ต้องการกระจายความเสี่ยง และต้องการโอกาสแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศ คือ 1.แผนหุ้น 65 ซึ่งจะมีการลงทุนในหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ 65% และ 35% ลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ตราสารหนี้ สินทรัพย์ทางเลือก มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 5 เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง

2.แผนหุ้นต่างประเทศ จะลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ หุ้นในตลาดพัฒนาแล้วและหุ้นในตลาดเกิดใหม่ ไม่น้อยกว่า 80% ในรอบระยะเวลาบัญชี มีความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 6 เสี่ยงสูง ซึ่ง กบข.มีการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนในแผนหลัก เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากการบริโภคในประเทศจีน กลุ่มผู้นำนวัตกรรมทางการแพทย์สมัยใหม่ กลุ่มเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลก กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม

ศรีกัญญา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนชื่อแผนการลงทุนเดิม 3 แผน คือ แผนตลาดเงิน “เปลี่ยนเป็น แผนเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้น” แผนผสมหุ้นทวี เปลี่ยนเป็น “แผนหุ้น 35” และแผนตราสารทุนไทย เปลี่ยนเป็น “แผนหุ้นไทย” เพื่อให้สมาชิกเข้าใจแผนการลงทุนของ กบข.ได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ทั้ง 3 แผนยังคงมีนโยบายการลงทุนเหมือนเดิม

ดังนั้น สมาชิก กบข.จึงสามารถเลือกลงทุนที่มี 9 แผน ได้แก่ (1.) แผนสมดุลตามอายุ (2.) แผนเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้น (3.) แผนตราสารหนี้ (4.) แผนหุ้น 35 (5.) แผนหลัก (6.) แผนหุ้น 65 (7.) แผนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย (8.) แผนหุ้นต่างประเทศ (9.) แผนหุ้นไทย หรือสามารถเลือกสัดส่วนการลงทุนได้ด้วยตนเองตามต้องการ โดยผสมแผนการลงทุนจาก 5 แผน คือ แผนเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้น แผนตราสารหนี้ แผนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทย แผนหุ้นต่างประเทศ และแผนหุ้นไทย 

“กบข.พร้อมเปิดกว้างและเพิ่มทางเลือกการตัดสินใจการลงทุนให้กับสมาชิกได้มีโอกาสมีเงินออมในระยะยาวมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อน กบข.ให้เป็นกองทุนชั้นนำ มีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล มุ่งสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดเงิน ตลาดทุนของไทย ให้เติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน” ศรีกัญญา กล่าว

การปรับแผนการลงทุนดังกล่าว นับเป็นการเปิดโอกาสการลงทุนให้สอดรับกับทิศทางที่สอดคล้องกับอนาคตของโลกเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่เริ่มเห็นทิศทางสดใสจากการเปิดประเทศ อย่างไรก็ตามทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกก็ยังคงเปราะบางจากการเข้ามาของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ “โอมิครอน” ที่ต้องติดตามใกล้ชิด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อภิสิทธิ์-อดีตนายกรัฐมนตรี มอง 'จุดเสี่ยง' รัฐบาลเพื่อไทย ระเบิดการเมือง วางไว้เองหลายลูก

แม้ขณะนี้จะไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่สำหรับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์" การแสดงทัศนะหรือความคิดเห็นทางด้านการเมือง

ความเสื่อม.. ที่ควรเห็น.. ก่อนตาย!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. มีคำกล่าวเป็นสุภาษิต ว่า ความเสื่อมของมนุษย์ ล้วนมีสาเหตุมาจากมนุษย์.. ความเสื่อมของสิ่งใดๆ .. ก็มีสาเหตุมาจากสิ่งนั้นๆ..

รัฐบาลแพทองธาร อยู่ไม่ครบปี บิ๊กป้อม ยังสู้-พปชร.เดินหน้าต่อ

เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์เศษ ปี 2567 ก็จะผ่านพ้นไปแล้วเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ 2568 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 เป็นอย่างไร และปีหน้า 2568 จะมีทิศทางเช่นไร เรื่องนี้มีมุมมองแนววิเคราะห์จาก

คานถล่ม ผู้บริสุทธิ์จบชีวิต 6 ราย กับ สำนึกของนักการเมืองไทย!

เช้าตรู่วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เกิดโศกนาฏกรรมคานเหล็กยักษ์ที่ใช้สำหรับก่อสร้างทางยกระดับถนนพระราม 2 ถล่ม คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวน 6 ราย

ศึกเลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ. 68 Generation War พท.-ปชน. บารมีบ้านใหญ่ ขลังหรือเสื่อม?

การเมืองท้องถิ่นกับการเลือกตั้ง "นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด" (นายก อบจ.) ซึ่งที่ผ่านมามีการเลือกตั้งกันไปหลายจังหวัด ได้รับความสนใจจากแวดวงการเมืองอย่างมาก