ประเทศไทยภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์นั้น ต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคมากมาย ที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งในมุมมองของผู้คนส่วนใหญ่เห็นจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาการขาดรายได้ ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาการว่างงาน ฯลฯ ในอีกด้านหนึ่ง ประเทศไทยเองก็เผชิญกับปัญหาสังคมที่มีความรุนแรงไม่หยิ่งหย่อนไปกว่าปัญหาเศรษฐกิจเลย ไม่ว่าจะเป็น ปัญหายาเสพติด ปัญหาการค้ามนุษย์ ฯลฯ อย่างไรก็ดี ในช่วงระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ปัญหาสังคมที่เขย่าขวัญและนำมาซึ่งความเศร้าสลดเสียใจของผู้คนจำนวนมากเห็นจะเป็นปัญหาความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืน
จากข้อมูลของ World Population Review พบว่า ในปี พ.ศ.2566 ประเทศไทยมีผู้สูญเสียจากการใช้อาวุธปืนมากถึง 3,830 ราย โดยมีเหตุกราดยิงภายในห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงเทพมหานครเป็นเหตุโศกนาฏกรรมสำคัญ นอกจากนี้ เมื่อย้อนไป 2-3 ปีก่อน ก็ยังมีเหตุโศกนาฏกรรมจากการกราดยิงภายในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองนครราชสีมา (พ.ศ.2563) และเหตุกราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จังหวัดหนองบัวลำภู (พ.ศ.2565) อันล้วนแต่เป็นเหตุสะเทือนขวัญ นำไปสู่การเรียกร้องของประชาชนในสังคมให้มีการแก้ไขปัญหาความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม จวบจนปัจจุบัน ยังไม่ปรากฏว่ามีนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาลก็ดี หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ดี ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
GunPolicy.org หน่วยงานในสังกัดมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ได้ประมาณการว่า อาวุธปืนที่พลเรือนครอบครอง (privately owned guns) ในประเทศไทยมีจำนวน 10 ล้านกระบอก โดยแบ่งเป็นอาวุธปืนขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 6 ล้านกระบอก และอาวุธปืนเถื่อน จำนวน 4 ล้านกระบอก คำถามสำคัญ คือ เราจะแก้ปัญหาความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนอย่างไร? มีข้อเสนอต่อการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนมากมายจากทั้งนักวิชาการ ตัวแทนภาคประชาสังคม รวมทั้งสื่อมวลชน ข้อเสนอสำคัญประการหนึ่ง คือ การควบคุมจำนวนอาวุธปืน และการกวาดล้างปืนเถื่อน ซึ่งแน่นอนว่า ข้อเสนอที่กล่าวมานั้นเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ อย่างไรก็ดี การแก้ปัญหาความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนนั้น มีแง่มุมที่ซับซ้อน จึงควรมีการออกแบบนโยบายที่เหมาะสมโดยพิจารณาบริบทของปัญหาแบบองค์รวมด้วย
แม้ประเทศไทยจะมี พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 กำหนดวิธีการและขั้นตอนในการให้อนุญาตการครอบครองปืนก็ตาม การเข้าถึงอาวุธปืนในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องยาก มีการรายงานข่าวในช่วงหลังเหตุสะเทือนขวัญกราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเกี่ยวกับปัญหาโครงการปืนสวัสดิการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นการสร้างช่องทางในการค้าขายอาวุธปืนราคาถูกกว่าท้องตลาด รวมถึงการเพิ่มจำนวนผู้ครอบครองอาวุธปืน ทั้งนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการทุจริตในการจัดหาอาวุธปืน หรือ ปัญหา “สินบนโควต้าปืน” นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมายังมีการศึกษาวิจัยที่พบว่านายทะเบียนอาวุธปืนบางรายในบางท้องที่ใช้ดุลยพินิจในการให้อนุญาตบุคคลให้มีอาวุธปืน ภายใต้แรงกดดันซึ่งอาจมาจากผู้บังคับบัญชาเอง หรือบุคคลผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น นอกจากอาวุธปืนจริงแล้ว การซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืน เช่น บีบีกัน (BB Guns) แบลงค์ กัน (Blank Guns) ซึ่งซื้อหาได้ง่ายมากผ่านทางเว็ปไซต์ ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่จะต้องควบคุมอย่างเร่งด่วน
จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นว่า การควบคุมอาวุธปืน และสิ่งเทียมอาวุธปืนเป็นเรื่องจำเป็น และเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม มีผู้เคยกล่าวไว้ว่า “อาวุธปืนไม่ได้ฆ่าคน คนด้วยกันเองต่างหากที่ฆ่าคน” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของคนใช้ปืนด้วยเช่นกัน ดังนั้น ประเด็นทัศนคติในการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาก็สำคัญไม่หยิ่งหย่อนไปกว่าการควบคุมอาวุธปืน ภาครัฐจะมีนโยบายในการส่งเสริมสังคมให้มีความอดทนอดกลั้นต่อการใช้ความรุนแรงอย่างไร? อันที่จริงแล้ว เหตุความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนจำนวนมากก็มาจากความขัดแย้งของประชาชน ซึ่งความขัดแย้งเหล่านั้นอาจเป็นความขัดแย้งสะสมส่วนตัว หรืออาจเป็นเพียงความเดือดร้อนรำคาญอันมีสาเหตุมาจากการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คนที่มีบ้านเรือนติดกัน หรืออยู่ในบริเวณเดียวกัน นอกจากนี้ สิ่งที่น่าขบคิดต่อ ก็คือ กลไกของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ความเดือดร้อนรำคาญ เป็นทางเลือกให้ประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน
ความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนกลายเป็นภัยร้ายใกล้ตัวไปแล้ว ในขณะที่แนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเท่าที่ผ่านมานั้น กลับมีลักษณะเป็นเพียงมาตรการตอบสนองเฉพาะหน้า หรือตอบสนองเป็นกรณีๆ ไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงขอเสนอให้รัฐบาลพิจารณาถึงความซับซ้อน และแง่มุมแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ทั้งในด้านกฎหมาย และสังคม เพื่อนำไปสู่การออกแบบนโยบายที่มุ่งการแก้ไขปัญหาแบบองค์รวม มิเช่นนั้นแล้ว ความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนจะยังคงสร้างบาดแผลให้กับสังคมไทยต่อไป
รศ.ดร.ติญทรรศน์ ประทีปพรณรงค์
กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘กกต.’ ไม่หวั่นการเมืองหนุนผู้สมัคร อบจ. ชี้ทำบรรยากาศเข้มข้น ไร้สัญญาณรุนแรง
การเลือกตั้งท้องถิ่นถือเป็นรากฐาน ของการพัฒนาการเมืองระดับประเทศ ถ้าท้องถิ่นดีระดับชาติก็จะดีไปด้วย การปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นประชาธิปไตยที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด
ผงะ สังคมไทย! สตรีเหยื่อความรุนแรง แจ้งความพุ่งปีละ 3 หมื่นคน
กสม.ร่อนสาร เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ปี 2567 เรียกร้องรัฐบาลขับเคลื่อนป้องกัน ความรุนแรงในครอบครัวเป็นวาระแห่งชาติ หนุนสังคมต้องช่วยกันดูแลไม่ปล่อยนิ่งเฉย
พบระเบิด 3 ลูกในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา จ.นราธิวาส จนท.เร่งเก็บกู้
กรณีเหตุเมื่อคืนที่ผ่านมา(21 ก.ย.67)ได้มีคนร้ายประมาณ 20-30 คน อำพรางใบหน้าพร้อมอาวุธครบมือ ลอบวางเพลิงอาคารบ้านพักสำนักงานป่าไม้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา บ้านบาลา
'หมอยง' ชี้ 'โควิด' ระบาดหนัก แต่รุนแรงลดลง เข้าใกล้ไข้หวัดใหญ่
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า โควิด 19
สุดสลด ตามรวบผัวโหดตีหัวเมียดับคาที่นอน
สุดโหดผัวใช้ไม้ตีหัวเมียดับคาที่นอน อ้างเมียเอาน้ำร้อนสาดใส่ก่อน สุดท้ายจนมุมเจ้าหน้าที่ตำรวจตามรวบตัวได้ทันควัน
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหาก 'โดนัลด์ ทรัมป์' ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ด้วยวาทกรรม ‘นองเลือด’ ของเขา เวลานี้โดนัลด์ ทรัมป์กำลังยุยงให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นต่อผู้อพยพ รวมถึงโจ ไบเดนคู่แข่