ครบ ๓ ปี มรณกาล เจ้าประคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อวิริยังค์!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๖ เวลา ๒ ทุ่มที่ผ่านมา ได้รับนิมนต์ไปแสดงธรรมในงาน “อาจริยบูชา ครบ ๓ ปี มรณกาล สมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)” ณ วัดศรีรัตนธรรมาราม อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งวัดดังกล่าวก่อตั้งมาถึงปัจจุบันน่าจะครบ ๙ ปี โดยในปี ๒๕๕๗ .. จำได้ว่า เคยไปกราบรับฟังเจ้าประคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อวิริยังค์ บรรยายธรรมอยู่ ๔-๕ วัน จากหลักสูตรสอนพระภิกษุ ๔๕ วัน ได้เห็นปฏิปทาของท่าน ซึ่งแม้จะมีอายุร่วม ๙๐ ปี แต่ก็ยังเข้มแข็ง มั่นคง ในการทำหน้าที่ครูบาอาจารย์ เพื่อถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ กลเม็ดเด็ดพรายในทุกมิติของการพัฒนาจิต ให้กับคณะสงฆ์ประมาณ ๑๘๐ รูป จำได้ว่า มี ท่านเจ้าคุณพระธรรมปาโมกข์ (พระพรหมวชิรากร) วัดราชผาติการามวรวิหาร เป็นประธาน โดยในวันเปิดการอบรมวันแรก มีการยกพานดอกไม้ถวายบูชาครู จึงได้มีโอกาสร่วมกับท่านเจ้าคุณพระพรหมวชิรากร อัญเชิญพานดอกบัวขึ้นถวายบูชาครูบาอาจารย์ เจ้าประคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อวิริยังค์ ที่นั่งอยู่บนเวที ก่อนที่จะมีการบรรยายธรรมในเชิงปฐมนิเทศ

แม้จะมีเวลาได้นั่งร่วมรับฟังเพียง ๔-๕ วัน ด้วยมีกิจเดินทางไปภาคใต้ เพื่อเจริญจิตภาวนาที่ภูเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช แต่ก็ได้รับความรู้ไม่น้อย โดยเฉพาะการได้เห็นปฏิปทาของครูบาอาจารย์ที่สืบสานจิตวิญญาณหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โดยแท้จริง

นับเป็นโอกาสที่ดียิ่ง.. ในการได้เข้าร่วมศึกษาปฏิบัติใกล้ชิด แม้จะเป็นเวลาช่วงสั้นๆ .. ด้วยความเมตตาของท่านที่ได้ให้เข้าพบเป็นการส่วนตัว เพื่อถามไถ่ถึงเรื่องการทำงานสั่งสอนพระศาสนาของอาตมา ที่กำลังจะเดินทางไปแสดงธรรมในภาคยุโรปตามอาราธนาของหลวงปู่อิ่ม (พระพรหมวชิรเมธาจารย์) ซึ่งคาดหวังฝากการเผยแผ่พระศาสนาไว้ให้อาตมาได้เป็นทายาทสืบต่อ ปัจจุบัน หลวงปู่อิ่มหรือพระพรหมวชิรเมธาจารย์ วัดโสมนัสวิหารราชวรวิหาร ได้ละสังขารไปแล้วเมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ขณะที่อาตมาจำพรรษาประวัติศาสตร์อยู่ที่นครตักศิลา แห่งแคว้นคันธาระ ปัจจุบันคือ สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน

จำได้ว่า ในครั้งแรกเมื่อครั้งเดินทางไปวัดป่าสร้างใหม่ของเจ้าประคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อวิริยังค์ ซึ่งใช้เป็นสถานฝึกอบรมกรรมฐานสำหรับพระสงฆ์จำนวน ๑๘๐ รูป ได้มีโอกาสนั่งสนทนาธรรมกับเจ้าประคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อวิริยังค์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมมงคลญาณ ในเต็นท์พักรับรองท่ามกลางเปลวแดด จึงได้เห็นความอดทน เข้มแข็ง ของท่าน ที่นั่งรอพระสงฆ์ทั้งหลายเดินทางมารายงานตัวเข้ารับการศึกษาปฏิบัติธรรมขั้นสูง ขณะระหว่างนั่งรอได้มีการนำผ้าเย็นมาถวายท่าน โดยมีท่านเจ้าคุณพระพรหมวชิรากรนั่งร่วมอยู่ด้วย

เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อวิริยังค์ ใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าตา.. ศีรษะ เรียบร้อย อาตมาก็นึกในใจว่า จะขอผ้าผืนนั้นไว้เป็นที่ระลึกบูชา โดยมิได้เอ่ยคำขอจากปากแต่อย่างใด ปรากฏว่าในทันใดนั้น ท่านก็หยิบยื่นส่งผ้าผืนนั้นมาให้ นับเป็นความเมตตาจากจิตใจของครูบาอาจารย์ที่ทรงภูมิรู้ภูมิธรรม อันควรค่าแก่การถวายความเคารพ

ในวันนั้นจึงได้มีโอกาสถวายการดูแลท่านบ้างตามสมควร ในขณะที่เดินไปสู่ห้องประชุมใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ท่ามกลางท้องทุ่งที่เพิ่งเริ่มปลูกต้นไม้รองรับการก่อสร้างวัดใหม่ นับเป็นครั้งแรกที่มีปีติยินดียิ่ง และต่อมาในช่วงเวลา ๔-๕ วัน ที่ได้เข้ารับฟังการบรรยายธรรม ก็ได้มีโอกาสถวายการอุปัฏฐากท่านอีกหลายครั้ง ดังเมื่อท่านจะต้องลงจากเวทีการสอน เข้าห้องน้ำ ก็ได้เข้าไปถวายการดูแล ด้วยอาตมานั่งอยู่แถวหน้าด้านหน้าท่านพอดี จึงได้เห็นอากัปกิริยาของท่านอย่างชัดเจน จนพระลูกศิษย์ที่ใกล้ชิด ท่านกล่าวกับอาตมาว่า.. “ท่านอาจารย์นั่งตรงข้างหน้านี่แหละดีแล้ว เพราะสื่อจิตกับหลวงพ่อท่านได้..” .. ซึ่งอันที่จริง ไม่ได้สื่อจิตอะไรหรอก เพียงแต่เข้าใจในวาระจิตที่ท่านแสดงออกมาโดยไม่ต้องพูดกล่าว นับเป็นเรื่องปกติ.. ไม่ใช่คุณวิเศษอะไร

ในระหว่างช่วงเวลาการอบรมในครั้งนั้น จำได้ว่า ตรงกับ เทศกาลวันวิสาขบูชาโลก ประจำปี ๒๕๕๗ .. ซึ่งอาตมาได้รับนิมนต์ไปเป็นองค์บรรยายธรรมเนื่องในวันสำคัญดังกล่าว ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ หนึ่งในเจ็ดวัน .. โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อวิริยังค์ เป็นองค์แสดงธรรมในวันหนึ่งเช่นเดียวกัน จึงไม่สามารถนั่งฟังการบรรยายธรรมจากท่านได้.. ด้วยจะต้องเดินทางกลับไปพักวัดที่บางไทร เพื่อเตรียมไปแสดงธรรมในงานวิสาขบูชาโลกของปีนั้น

ด้วยเหตุที่มีกิจนิมนต์.. และต่อมามีกิจเดินทางไปภาวนาใน เขตป่าแถวคีรีวง เขตภูเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช จึงทำให้ตัดสินใจจบการเข้าศึกษาปฏิบัติเพียงเท่านั้น ซึ่งนับว่าน่าเสียดายอย่างยิ่ง ทั้งๆ ที่ได้รับความเมตตาให้เข้าร่วมศึกษาปฏิบัติตามหลักสูตรที่จัดขึ้นเพื่อสอนพระภิกษุเป็นเฉพาะ โดยตัวท่านเองเป็นผู้สอนอย่างต่อเนื่อง ๔๕ วัน เพื่อสร้างทายาทครูกรรมฐานในสายพระป่าให้มีความพร้อมในคุณภาพของความเป็น “ครูสมาธิ” ที่แท้จริง

จึงได้เห็นความตั้งใจให้การอบรมสั่งสอนของหลวงพ่อท่านอย่างเต็มกำลังความรู้ กำลังกาย และกำลังจิต ที่มีเมตตาต่อพระสงฆ์ทั้งหลายที่ร่วมเข้ารับการศึกษาอบรมในครั้งนี้ ซึ่งนอกจากท่านจะรับภาระให้การอบรมสั่งสอนแล้ว หลวงพ่อท่านยังพักอยู่ร่วมกับพระสงฆ์ที่วัดใหม่ดังกล่าว ในกุฏิที่สร้างขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วจำนวนหนึ่ง เพื่อรับรองพระเถระที่มาร่วมการศึกษาอบรมด้วย จึงได้มีโอกาสเข้าพบท่านในยามว่าง เพื่อให้ได้สอบถามในงานเผยแผ่ศาสนาที่กำลังจะไปดำเนินการในยุโรปตามกิจนิมนต์จากหลวงปู่อิ่ม ในฐานะ รองประธานคณะกรรมการบริหาร สำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (ธรรมยุต)

ภายหลังที่อาตมาได้เดินทางไปเจริญภาวนาที่เขาขุนน้ำคีรีวง ซึ่งมีที่พักสงฆ์เล็กๆ ตั้งอยู่บนเนินเขาลูกแรก เชื่อมต่อขึ้นภูเขาหลวง มีลำธารขนาดใหญ่ไหลผ่านด้านหน้า ส่งเสียงน้ำซัดผ่านกระทบหินผาตลอดเวลา และมีเส้นทางเดินลงมาบิณฑบาตในหมู่บ้านคีรีวงได้อย่างไม่ลำบาก เหมาะควรแก่การพักภาวนา นับเป็น “รมณียสถานธรรม” ที่เหมาะควรยิ่งอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย... จำได้ว่า ในวันหนึ่งได้รับการติดต่อจากพระอุปัฏฐากของเจ้าประคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อวิริยังค์ ซึ่งปัจจุบันได้รับสมณศักดิ์เป็น “เจ้าคุณชั้นราช” ว่า.. ให้อาตมากลับขึ้นมาเพื่อร่วมรับใบประกาศสำเร็จการฝึกอบรมที่ได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วรวม ๔๕ วัน โดยมีการสอบข้อเขียนในตอนสุดท้ายด้วย เพื่อวัดผลการศึกษาปฏิบัติว่าอยู่ในเกณฑ์สอบผ่านความเป็นครูกรรมฐานหรือไม่.. ซึ่งนับเป็นมิติใหม่ของการอบรมสั่งสอนพระกรรมฐานที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ นำมาใช้กับพระปฏิบัติ อันควรยิ่ง เพื่อคุณภาพของการศึกษาปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา ที่พระปฏิบัติควรมีความรู้พื้นฐานทางปริยัติด้วย โดยเฉพาะที่อยู่ในกรอบความรู้ของการปฏิบัติตามแบบแผนในพระพุทธศาสนา

เมื่อได้รับการติดต่อมาว่า.. หลวงพ่อมีเมตตาให้อาตมาเข้าร่วมรับประกาศสำเร็จการศึกษาอบรมร่วมกับหมู่คณะ.. แม้จะเข้ารับฟังการบรรยายธรรมเพียงแค่ ๔-๕ วัน จากหลักสูตร ๔๕ วัน.. จึงนับเป็นความซาบซึ้งใจอย่างยิ่งในความเมตตาของท่าน.. แต่เมื่อพิจารณาด้วยตนเองแล้วเห็นว่า เกรงจะไม่เหมาะควร จะเป็นที่ครหาได้ในวันหน้า.. จึงได้เขียนตอบด้วยลายมือ ฝากกราบไปถึงเจ้าประคุณสมเด็จฯ ผ่าน พระอุปัฏฐาก (พระมหาสุพล ขนฺติพโล) ปัจจุบันได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระราชปัญญาวชิโรดม .. เพื่อกราบขอบพระคุณเจ้าประคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อวิริยังค์ ที่มีเมตตา แต่เกรงความไม่เหมาะสม.. จึงไม่ขอเดินทางไปรับใบประกาศร่วมกับหมู่คณะ... ซึ่งต่อมาก็ได้รับการติดต่อกลับมาอีก เพื่อย้ำว่า.. “หลวงพ่อวิริยังค์สั่งให้ขึ้นมารับประกาศ..” .. แต่อาตมาก็ยังเกรงใจอยู่ดี.. และเห็นความไม่เหมาะควร จึงได้เขียนตอบแสดงความเคารพกลับไปถวายท่านตามเจตนามเดิม.. เพียงแต่ขอเก็บความรู้สึกที่ดี ซึ่งได้รับจากหลวงพ่อท่านไว้ว่า.. อาตมาเป็นลูกศิษย์ของท่านรูปหนึ่ง ที่ผ่านการจบหลักสูตรการศึกษาอบรมจากท่านเช่นเดียวกับหมู่คณะ.. ก็นับว่าเป็นพระคุณอันยิ่งที่จะไม่ลืมเลือนไปจากจิตใจ ในฐานะเป็นลูกศิษย์รูปหนึ่งของเจ้าประคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อวิริยังค์

หลังจากนั้น ต่อมา.. ก็ไม่ได้พบกับหลวงพ่อท่านเลย แต่ได้รับทราบข่าวสารว่า หลวงพ่อท่านได้รับการถวายสมณศักดิ์เป็นชั้นพรหม.. และชั้นสมเด็จฯ.. จวบจนท่านละสังขารไป เมื่อ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๓.. ซึ่งครบ ๓ ปี ของการจากไปในปีนี้ ที่อาตมาได้รับนิมนต์ไปแสดงธรรมในวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๖ จึงเต็มใจอย่างยิ่ง... เพื่อจะได้กราบบูชาคุณของเจ้าประคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร ที่มีเมตตายิ่ง ณ วัดศรีรัตนธรรมาราม อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

จึงขอบันทึกเรื่องราวต่างๆ ไว้ อันเนื่องด้วยความเคารพในปฏิปทาและความเมตตาของ เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวชิโรดม (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) ในฐานะศิษย์รูปหนึ่งที่สำนึกในพระคุณอันยิ่ง... อนึ่ง หากสาธุชนท่านใดสนใจจะรับฟังธรรมบรรยายในวันดังกล่าว สามารถเปิดเข้าไปในยูทูบได้.. เพื่อจะได้ร่วมกันสืบสานเจตนาธรรมของเจ้าประคุณสมเด็จฯ หลวงพ่อวิริยังค์ สืบต่อไป..!!.

 

เจริญพร

[email protected]

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เทวฤทธิ์ -กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ เสรีนิยมก้าวหน้า ปฏิรูปสภาสูง

สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ชุดปัจจุบัน 200 คน จะประชุมร่วมกันนัดแรกในวันอังคารนี้ 23 ก.ค. โดยมีระเบียบวาระสำคัญที่จะให้สว.ทั้งหมดร่วมกันประชุมลงมติ นั่นก็คือ

“ศาสนกิจในอินเดีย .. ณ นครปูเน่” น้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ๒๘ ก.ค.๖๗ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่ นครปูเน่ รัฐมหาราษฏระ อินเดีย เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการสร้างวัดแห่งแรกของชาวพุทธในอินเดีย

อังคณา สว. 2567 ภารกิจ-สิ่งท้าทาย สภาสูง กับโมเดลข้อเสนอ สภาเดี่ยว

การทำงานของสมาชิกวุฒิสภาชุดล่าสุด ที่เรียกกันว่า "สว. 2567" กำลังจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากนี้ คาดหมายกันว่า การนัดประชุมวุฒิสภาเพื่อเลือก

บทธรรมถวายเป็นพระราชกุศล .. ในมหามงคลครบ ๖ รอบ “ราชธรรม .. สู่การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” (ตอนที่ ๗)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. พระพุทธเจ้าได้ตรัส หลักการปกครองตามแบบธัมมิกสูตร ว่า..

ดร.มานะ-ว่าที่ สว. 2567 ความเป็นอิสระไม่มีอยู่จริง เรื่องใบสั่งก็คงมีบ้าง ไม่มีบ้าง

หนึ่งในผู้ผ่านการคัดเลือก 200 รายชื่อให้เตรียมเข้าไปทำหน้าที่ "สมาชิกวุฒิสภา" (สว.) ชุดใหม่ ที่น่าสนใจ ก็คือ "ดร.มานะ มหาสุวีระชัย อดีต สส.ศรีษะเกษ" ที่เคยสังกัดพรรคพลังธรรมและพรรคประชาธิปัตย์ตามลำดับ

บทธรรมถวายเป็นพระราชกุศล .. ในมหามงคลครบ ๖ รอบ “ราชธรรม .. สู่การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” (ตอนที่ ๖)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ได้เขียนคำกล่าวสอนใจไว้บทหนึ่งว่า.. ถึงมีอำนาจ วาสนา สักปานไหน