2 ปีหลังกรำศึกโควิด-19 บทพิสูจน์ เรามีระบบสาธารณสุข ที่มั่นคงและแข็งแกร่ง

ต่อจากนี้ไปจะเริ่มเข้าสู่ช่วงนับถอยหลังเตรียมอำลาปี  2564 เพื่อเข้าสู่ปีใหม่ 2565 ซึ่งรอบปี 2564 ที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งปีที่ประเทศไทยก็เหมือนกับอีกหลายประเทศทั่วโลก คือคนไทยต้องร่วมกันต่อสู้-ทำศึก สงครามโควิด-19 มาตลอดทั้งปี ที่ต้องถือว่าปีนี้หนักหนาสาหัสยิ่งนัก อย่างไรก็ตามถึงตอนนี้สถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่แต่ละวันเริ่มทรงตัวมาได้หลายสัปดาห์ กระนั้นก็ตาม ในปีหน้า 2565 คนไทยยังคงต้องจับมือร่วมกันต่อสู้กับโควิดต่อไป

เรามั่นใจว่าจากนี้ต่อไปสถานการณ์ในเรื่องโรคระบาดโควิดจะค่อยๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น ขอให้เชื่อมั่นในกระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุข ว่าเราทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ประเทศของเราสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยใช้ระยะเวลาที่เร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์พิเศษ ไทยโพสต์ ถึงการแก้ไขปัญหาวิกฤตโควิด-19 ในช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปีนี้ที่สถานการณ์วิกฤตหนักสุด ภายใต้การเน้นย้ำหลายครั้งในช่วงการให้สัมภาษณ์ว่า การต่อสู้กับโควิดในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันที่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเป็นเพราะ ระบบสาธารณสุขของประเทศไทยมีความแข็งแกร่งและมั่นคง ทำให้สามารถรับมือและต่อสู้กับวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาได้ ตลอดจนพูดถึงการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขทั่วประเทศ เพื่อทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีให้แก่ประชาชน

-จากสถานการณ์โควิดระบาดในประเทศไทยช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมา ได้ให้ประสบการณ์อะไรในการทำงานและการบริหารในฐานะที่เป็นนักการเมือง?

การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ในช่วงการรณรงค์หาเสียง จะพบว่าพรรคภูมิใจไทยออกนโยบายหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงที่คนของพรรคกำกับดูแลเป็นรัฐมนตรีอยู่ในปัจจุบัน  ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเกี่ยวกับ "กัญชา" ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุข, นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่, การรักษาผู้ป่วยมะเร็งได้รับการรักษาโดยครอบคลุมเรื่องค่าใช้จ่ายทุกอย่าง, นโยบายเรื่องแอปพลิเคชันเรียกรถที่ให้บริการหรือ Grab, การพัฒนาโลจิสติกส์, การพัฒนาระบบคมนาคม  เช่น คมนาคมพื้นฐาน ถนนในเส้นทางต่างๆ ต้องเป็นถนนที่ดี, นโยบายด้านการท่องเที่ยว ที่ออกนโยบายเพื่อทำให้มีการใช้ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทยได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้คนจากประเทศต่างๆ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย

ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของพรรคภูมิใจไทย ในการที่พร้อมจะเข้ามาทำงานในด้านต่างๆ ตามนโยบายพรรคที่เคยหาเสียงไว้ การเข้ามากำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไม่ใช่ว่าเข้ามาดูแลกระทรวงต่างๆ ดังกล่าวด้วยการต่อรอง แล้วจากนั้นค่อยคิดเข้าไปทำงานทีหลัง การที่พรรคภูมิใจไทยมีนโยบาย มีการเตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาหลังเลือกตั้งพรรคได้เข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เราจึงบอกกับพรรคแกนนำรัฐบาลว่าจะเข้าไปทำงานในสามกระทรวงหลักดังกล่าว เพราะพรรคได้สัญญากับประชาชนไว้ตอนเลือกตั้ง

จากที่ถามว่า สถานการณ์โควิดในช่วงที่ผ่านมาให้ประสบการณ์อะไรในการทำงานในฐานะที่เป็นนักการเมืองหรือไม่ ผมคงไม่ตอบว่าโควิดให้ประสบการณ์อะไรหรือไม่  เพราะการที่ตั้งใจเข้ามาทำงานในกระทรวงสาธารณสุข ก็เพราะมีความมั่นใจในระบบสาธารณสุขของประเทศเราว่า มีความแข็งแกร่งและมั่นคงมาก จึงพยายามสร้างนโยบายในการที่จะให้บริการครอบคลุมให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจให้มากที่สุด และพยายามดูแลคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเมื่อเรามีพื้นฐานของระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เมื่อไปต่อยอดเรื่องต่างๆ  บนพื้นฐานที่เข้มแข็งก็จะต่อยอดได้ง่ายและมีความยั่งยืน

จากประสบการณ์การเมืองที่ผมได้เข้ามาทำงานในกระทรวงสาธารณสุข ก็คือหากใครที่คิดว่าเข้ามาแล้วจะมาหวังผลประโยชน์ให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องทางการเมือง  หรือผลประโยชน์ของการเข้ามามีอำนาจในกระทรวงแห่งนี้  จะพบว่าไม่เคยรอดสักราย

โรคโควิด-19 ก็คือโรคระบาดอีกโรคหนึ่ง ถามว่าระบบสาธารณสุขในเรื่องการป้องกันโรคระบาด ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากโรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เช่น โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือโรคซาร์ส, โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ หรือเมอร์ส, โรคหวัดนก เพียงแต่ว่าขอบข่ายของการขยายตัวมันรุนแรงมากขึ้น เพราะว่าเป็นโรคระบาดทั่วโลก  และประเทศไทยเราเหมือนกับเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง  เช่น ศูนย์กลางทางการค้า, ศูนย์กลางการขนส่ง, ศูนย์กลางการท่องเที่ยว มีผู้คนเดินทางสัญจรมากมาย ซึ่งโรคโควิด ติดต่อได้จากการเดินทางสัญจรไปมาของผู้คน ทำให้การรับมือกับการแพร่ระบาดเราต้องดูแลคนจำนวนมาก เพราะเป็นโรคที่แพร่ระบาดได้เร็ว

ตอนที่โรคโควิดเริ่มแพร่ระบาดช่วงแรก ประเทศไทยยังมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศที่เป็นต้นกำเนิดคือประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในไทยปีละเกินกว่าสิบล้านคน จึงห้ามไม่ได้ที่เชื้อโควิดจะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ซึ่งสุดท้ายก็เป็นไปตามที่เราเคยคาดการณ์ว่า ภายในเวลาอีกไม่นานเราจะพบการระบาดในไทย ที่คนแรกก็คือคนจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยหากพิจารณาด้วยความเป็นธรรม ประเทศไทยค้นพบผู้ป่วยโควิดรายแรกนอกประเทศจีน ที่ช่วงแรกๆ ยังเรียกโรคหวัดอู่ฮั่น โดยประเทศไทยเรามีระบบที่เปิดเผย ให้ความจริงกับคนในประเทศในทุกเรื่อง เราเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนโดยไม่มีการปิดบังใดๆ

เมื่อพบผู้ป่วยโควิดในประเทศไทย เราประกาศให้ประชาชนและทั่วโลกได้รับรู้ และมีการดูแลรักษาคนที่ติดเชื้อ จนต่อมาเมื่อพบการแพร่เชื้อโควิดในประเทศมากขึ้น   เราก็ต้องใช้เวลาในการหาวิธีการรักษาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ที่ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน อย่างในปี 2563 ที่ผ่านมา จะพบว่ามีการแพร่ระบาดที่เกิดเป็นช่วงๆ เช่น คลัสเตอร์สนามมวย, คลัสเตอร์ผับบาร์ เมื่อพบก็มีการเข้าไปสอบสวนโรคและควบคุมการแพร่ระบาด แต่ช่วงแรกยังแพร่ระบาดไม่มาก การควบคุมและการสอบสวนโรคยังมีความคล่องตัว  เราอยู่กับมันได้เป็นเวลาร่วมครึ่งปีที่ไม่มีการระบาด ไม่มีการติดเชื้อ ไม่พบผู้ป่วยหรือเสียชีวิต จนถึงจุดที่ไม่มีผู้ป่วยโควิดในประเทศไทยเลยในช่วงหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการใช้มาตรการทางสาธารณสุขที่เข้มข้น มีการล็อกดาวน์อยู่ระยะหนึ่งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และเริ่มมีการสั่งซื้อวัคซีนเตรียมพร้อมเอาไว้

จนมาถึงช่วงปลายปี 2563 เริ่มพบคลัสเตอร์จากประเทศเพื่อนบ้านลักลอบเข้ามาในประเทศ เช่นพบที่ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาคร ตอนนั้นเริ่มพบมีการติดเชื้อมากขึ้น แต่ด้วยการที่ประเทศไทยเราวางระบบเตรียมพร้อมไว้ก่อน และมีเครือข่ายสาธารณสุข เราสามารถหาวัคซีนเข้ามาได้ในช่วงต้น และเริ่มฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์-สาธารณสุข กลุ่มหมอ-พยาบาล การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน-ทฤษฎีของการป้องกันและควบคุมโรคระบาด

อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่มีการห้ามผู้คนสัญจรไปมา ซึ่งห้ามไม่ได้เพราะจะทำให้ระบบเศรษฐกิจพัง เราก็มีการผ่อนคลายบ้าง ขณะเดียวกันเริ่มพบจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น  มีสายพันธุ์เดลตาเข้ามา มีผู้อยู่นอกเหนือการควบคุมหรือกลุ่มผู้ลักลอบเข้าเมือง พวกแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามา เพราะประเทศเพื่อนบ้านก็มีปัญหาการติดเชื้อรุนแรงมาก และยังมีปัญหาภายในประเทศของเขา

ประเทศไทยเราเหมือนกับเจอปัญหา 2-3 เด้ง โดยหากเป็นแค่กรณีภายในประเทศเราเองไม่ได้มีปัญหา เพราะระบบสาธารณสุขของเราแข็งแกร่งอยู่แล้ว และสุดท้ายก็มีการระบาด มีประชาชนติดเชื้อจำนวนหลายพันคนจนถึงหลักหมื่น แต่ก็ไม่ได้แตกต่างจากหลายประเทศทั่วโลก ไทยเราไม่ได้ระบาดแค่ประเทศเดียว และไม่ได้ระบาดมากเกินกว่าประเทศอื่นๆ แต่จากประสบการณ์ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดที่เรามีประสบการณ์อยู่ก่อนแล้ว ทำให้เราสามารถรับมือได้

...ต่อมาวัคซีนเริ่มทยอยเข้ามา โดยช่วงแรกมีคนบอกว่าเข้ามาช้าบ้าง หรือไม่ก็บอกว่าวัคซีนไม่ดี วัคซีนเซินเจิ้น แต่สุดท้ายเป็นเพียงวาทกรรม เพราะในเมื่อบุคลากรสาธารณสุข แพทย์-พยาบาล ผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณสุขเขามั่นใจ เขาก็นิ่ง ไม่ได้ตอบโต้อะไร

ต่อมาเมื่อถึงเวลาวัคซีนก็เข้ามาตามกำหนดและสัญญาที่ทำไว้ โดยสัญญาทุกฉบับที่เราเซ็นซื้อวัคซีน ไม่มีการส่งมาช้าจนต้องมีการสั่งปรับ มีแต่มาเร็วขึ้นและมาในปริมาณที่มากกว่าจำนวนที่ตกลงกันไว้ด้วยซ้ำ ทำให้เราสามารถกระจายการฉีดวัคซีนออกไปได้ อันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้จากอัตราการฉีดวัคซีนที่เราวางระบบไว้ จนทำให้ฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้อย่างครอบคลุม มีการกระจายอำนาจออกไปยังจังหวัดทุกจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่เป็นประธานคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัด และมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นเลขานุการร่วมกันทำงาน โดยมีอำนาจเต็มในการตัดสินใจ

สิ่งเหล่านี้คือระบบสาธารณสุขที่มีการวางระบบการกระจายอำนาจในด้านการสาธารณสุขที่กระจายให้แต่ละจังหวัด กระทรวงสาธารณสุขก็มีแต่หน้าที่ส่งวัคซีนไปให้ทัน  ผู้ว่าราชการจังหวัดขอมาในจำนวนเท่าใดก็ต้องส่ง

อนุทิน-รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อไปว่า จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของประเทศไทยก็คือ เรามีสถานพยาบาลที่ผมว่ามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยนอกจากกรุงเทพมหานครแล้ว ในอีก 76 จังหวัดทั่วประเทศ มีโรงพยาบาลจังหวัดทุกจังหวัดในประเทศไทย ซึ่งมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของโรงพยาบาลจังหวัดเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ บางแห่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์คือครบวงจร และมีโรงพยาบาลทั่วไป อย่างในอำเภอขนาดใหญ่ก็เป็นโรงพยาบาลขนาด 300 เตียง ส่วนอำเภอทั่วไปที่มีโรงพยาบาลขนาดเล็กลงมา ก็ประมาณ 60-100 เตียง และยังมีโรงพยาบาลอำเภอ 30 เตียงที่เรียก โรงพยาบาลชุมชน รวมถึงยังมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือ รพ.สต. ที่เหมือนกับคลินิกสำหรับชาวบ้านที่อยู่ตามหมู่บ้าน-ตำบลต่างๆ หนึ่งตำบลจะมี 3-4 แห่ง โดยแต่ละแห่งจะมีแพทย์ พยาบาล เภสัชกร บุคลากรเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคอยกำกับดูแล ทั้งหมดคือความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุข ที่ทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดไม่กระจุกอยู่ที่ใดที่หนึ่ง

ในฐานะที่ผมเป็นรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงคมนาคมและเป็น รมว.สาธารณสุข เมื่อพบว่ามีการระบาดมาก อย่างในบางพื้นที่เช่น กรุงเทพมหานคร,  ชลบุรี, สมุทรปราการ พบมีโควิดระบาดมาก เมืองเหล่านี้จะมีคนนอกพื้นที่มาใช้แรงงาน มารับจ้าง หากปล่อยให้ระบบการดูแลป้องกัน ควบคุมกระจุกตัวในพื้นที่ ระบบการให้บริการทางสาธารณสุขอาจรับไม่ไหว ผมก็หารือกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในเรื่องการจัดระบบการขนส่งนำผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อให้กลับไปรักษายังภูมิลำเนาของตัวเอง  เพราะในแต่ละภูมิลำเนาก็จะมีสถานพยาบาลที่เป็นวงจรเครือข่ายระบบสาธารณสุขที่รองรับได้ ก็มีการดำเนินการต่างๆ เช่น จัดขบวนรถไฟพิเศษนำตัวไปส่งจังหวัดต่างๆ  ตามเส้นทาง เช่น สระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น นครพนม บุรีรัมย์ เป็นต้น ทางเหนือก็ไล่ไปตามเส้นทางขึ้นไปจากนครสวรรค์ ส่วนทางภาคใต้ก็ลงไปถึงหาดใหญ่ จากนั้นระบบสาธารณสุขในพื้นที่ก็มารับตัวไปดูแลรักษา

นอกจากนี้ยังมีการเซตอัประบบการดูแลผู้ติดเชื้อโควิดกลุ่มต่างๆ ที่มีทั้งผู้ไม่มีอาการ คนที่อาการปานกลางและผู้ป่วยอาการหนัก เช่น การสร้างโรงพยาบาลสนามเพื่อผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง หรือผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง มีการสร้างโรงพยาบาลสนามบุษราคัม รองรับผู้ป่วย 4,000-5,000  เตียง ที่เป็นโมเดลของโรงพยาบาลสนามที่ทำให้ภูมิภาคอื่นๆ จัดตั้งขึ้นมา, การสร้างระบบ Home Isolation คือการกักตัวและดูแลตัวเองจากที่บ้าน โดยระบบสาธารณสุขคอยจัดส่งเวชภัณฑ์ ยารักษาโรค มีการทำ Telemedicine เพื่อคอยติดตามตรวจเยี่ยมผู้ป่วย

ทั้งหมดเกิดขึ้นจากประสบการณ์ของคนในระบบสาธารณสุข และที่น่าภาคภูมิใจสำหรับประเทศไทยคือ จัดอาหารสามมื้อให้ผู้ติดเชื้อโควิดที่ดูแลตัวเองอยู่กับบ้านได้ทาน ส่วนกลุ่มที่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามหรือ Hospitel กระทรวงสาธารณสุขคิดทุกมิติ เพราะในช่วงโควิด การท่องเที่ยวหายไป โรงแรมว่าง ก็ไปเจรจากับเจ้าของโรงแรมให้ความมั่นใจว่าโควิดก็คือเชื้อไวรัส ผ่านไปสิบกว่าวันก็หมดไป โดนแสงแดดไม่กี่ชั่วโมงหรือโดนแอลกอฮอล์ก็ตาย ก็เจรจาขอใช้โรงแรมเพื่อส่งผู้ป่วยเข้ามา โดยให้แยกพักรักษาตัวอยู่ที่โรงแรม ซึ่งก็มีโรงแรมมาขึ้นทะเบียนเข้าระบบ  ทำให้โรงแรมยังพอมีรายได้ที่ทำให้เขายังอยู่ได้ พนักงานยังมีงานทำ เป็นการช่วยประคับประคองระบบเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงหลังเปิดประเทศก็ไปคุยกับโรงแรมให้รับคนที่เดินทางเข้ามาเพื่อกักตัว หรือ Alternative State  Quarantine (ASQ) ทำให้โรงแรมมีรายได้ 14 วันเป็นอย่างต่ำ จนปัจจุบันที่เราเปิดประเทศมากขึ้น ผู้โดยสารที่เข้ามาก็จัดให้ไปทำการแยกตัว ทำให้มีรายได้ เกิดความสะดวกไม่แออัด แยกกันไปแล้วก็ไปทำการตรวจ RT-PCR ที่เรียกว่า  Test and go ถึงเวลาก็ไป

"สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่ามีโควิดแล้วค่อยมาคิด แต่เกิดมาจากรากฐานการสาธารณสุขที่เขาเคยประมือกับโรคระบาดต่างๆ ที่เคยเข้ามา ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่าง ไม่ได้มีอะไรที่เกินกำลังที่จะรับมือได้"

สิ่งที่เราต้องปรับในช่วงมีการระบาดของโรคโควิดใหม่ๆ ก็คือเรื่องยา เพื่อดูว่ามียาอะไรที่ใช้ได้ หรือเรื่องของเตียงสำหรับผู้ป่วยมีเพียงพอหรือไม่ วัคซีนจะมีหรือไม่ แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่ง ยาเรามี โดยยาที่เราใช้เป็นยาที่เราใช้ประสบการณ์ของแพทย์นำมารักษา ทั่วโลกไม่รู้จักยานี้ โดยเป็นยาที่รักษาเชื้อหวัดอีกสายพันธุ์หนึ่ง แต่มีผลกับโควิดด้วย แพทย์เราพบว่ายาชนิดนี้มีสรรพคุณที่ดีมาก ชื่อยา "ฟาวิพิราเวียร์" ช่วงก่อนหน้านี้ต้องนำเข้าหมด กระทรวงสาธารณสุขมีหน่วยงานคือ องค์การเภสัชกรรม ไปตรวจสอบดูพบว่าเป็นยาที่ไม่ได้จดสิทธิบัตรไว้ กระทรวงก็ติดต่อไปยังผู้ผลิตว่าเนื่องจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรง จะไปรอสั่งยาเข้ามา เขาบอกว่าต้องผ่านประเทศต่างๆ และไม่สามารถบอกเราได้ว่าจะจัดส่งให้เราได้เมื่อใด เราก็ขอซื้อสูตรและสารตั้งต้นมา องค์การเภสัชกรรมคือองค์กรผลิตยาที่หากเทียบเป็นบริษัทก็เป็นบริษัทใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งองค์การเภสัชกรรมมีเครือข่ายในการไปเจรจาหาสูตร สารตั้งต้นเพื่อไปผลิตยา มีการตรวจเช็กว่าเมื่อนำมาใช้แล้วไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เขาก็เริ่มดำเนินการโดยรัฐบาลให้การสนับสนุน

กระทรวงสาธารณสุขยุคปัจจุบันทำให้เกิดการพึ่งพาตนเองในเรื่องระบบสาธารณสุข อย่างเรื่องของยา เวชภัณฑ์  สมัยก่อนชุด PPE ยังไม่มีต้องสั่งเข้ามา เราก็เจรจากับสมาคมสิ่งทอฯ เพื่อให้มีการผลิตในประเทศจนทำได้สำเร็จ  หรือหน้ากากอนามัยที่ตอนแรกก็นำเข้า พอโควิดระบาด หน้ากากขาดแคลน จากที่เคยขายกล่องละ 50 บาท ขึ้นเป็นแผ่นละ 50 บาท เราเข้าไปทลายระบบผูกขาดจนหมด ทั้งหมดกระทรวงสาธารณสุขทำทั้งนั้น โดยทุกอย่างมีการเข้าระบบตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มข้นจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีการเร่งทำทุกอย่างเพื่อให้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไทย ก็ทำให้ในที่สุดแม้โควิดจะมีสถานการณ์รุนแรงมากขนาดไหน เราก็ยังอยู่กับมันได้

ความนิ่งของแพทย์

ความมั่นคงของรับาล

สุดท้ายชนะข่าวลวง-เสียงปรามาส

-วิกฤตสถานการณ์โควิดทำให้เห็นได้ชัดว่า ระบบสาธารณสุขประเทศไทยเข้มแข็ง ไม่ได้ด้อยกว่าประเทศใดในโลก?

ผมว่ามันพิสูจน์ทราบสำหรับคนที่อยู่นอกระบบสาธารณสุขไทย แต่ผมเชื่อว่าแพทย์ บุคลากรสาธารณสุขประเทศไทยเขาทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว กับคำถามดังกล่าว ในฐานะผมเป็นนักการเมืองที่เข้ามาบริหารกระทรวงสาธารณสุข ผมก็อาจกังวลเพราะผมไม่ได้เป็นแพทย์ ไม่ได้อยู่ในระบบนี้อย่างลึกซึ้งมาก่อน ผมก็กังวลมากกว่าคนอื่น แต่ผมได้เห็นความนิ่งของแพทย์ ได้เห็นการทำหน้าที่ของเขาอย่างเต็มที่ เขาไม่วิตกกังวลจนเกินไปนัก เขาไม่ได้สติแตก มีความอดทนต่อแรงกดดัน

จากสถานการณ์โควิดพิสูจน์ให้เห็นอย่างหนึ่งว่า มีบุคคลจำนวนหนึ่งที่ไม่หวังดี เอาการเมืองเอาทุกอย่างมาจ้องทำลายรัฐบาล ออกข่าวเท็จ ออกข่าวลวง ด้อยค่า ปรามาส สบประมาทบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้เกิดความตื่นตระหนก เกิดความวิตกกังวลและเพื่อให้เกิดความไม่มั่นใจในรัฐบาล

อย่างไรก็ตามด้วยความนิ่งของแพทย์ ด้วยความมั่นคงของรัฐบาล ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงมาถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกคน และด้วยความมั่นใจในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย รวมถึงอำนาจรัฐบาลที่มีในการบริหารราชการแผ่นดิน ที่จะสนับสนุนให้กระทรวงสาธารณสุขเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ ที่สามารถแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะการรักษาชีวิตประชาชนที่ติดเชื้อ รัฐบาลได้เข้าไปดูแลอย่างเต็มที่ รัฐบาลบอกเลยว่าสถานการณ์โควิดทำลายเศรษฐกิจ ทำให้คนเดือดร้อนมาก อย่างเรื่องภาระค่าใช้จ่ายเรื่องวัคซีนรัฐบาลก็รับผิดชอบ โดยปกติทั่วไปการฉีดวัคซีนจะเฉพาะกลุ่มเสี่ยง  แต่ในช่วงโควิดเราบอกเลยว่า สำหรับประชาชนทุกคนถ้ามีความประสงค์ที่จะรับวัคซีนต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาล

ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล มาทำมาจัดวัคซีนให้ประชาชนเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ เรื่องกำไร ก็เป็นปัญหา  คือมาแย่งรัฐบาลทำหน้าที่ อย่างกรณีวัคซีนทางเลือก ทำให้เกิดปัญหามากมาย ทำให้คนเดือดร้อนด้วยไปจองวัคซีน เสียเงินเสียทอง โดยที่รัฐบาลประกาศหลายครั้งว่าวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาเป็นวัคซีนที่ดี มีความปลอดภัย ไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ก็ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งรอไม่ไหว ไม่อยากรอ คาดการณ์ไปว่าอาจจะมีปัญหาเลยไปหาวิธีจองวัคซีนที่จะเข้ามา แล้วสุดท้ายวัคซีนก็ไม่เข้ามาตามช่วงเวลาที่ควรจะเป็น ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง เพราะเขาไม่เชื่อในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย

ทั้งหมดคือเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า เมื่อมีปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ต้องเชื่อในศักยภาพของรัฐบาล เพราะรัฐบาลต้องทำทุกวิถีทางไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม เพื่อทำให้เกิดความมั่นคง เกิดประสิทธิภาพในการดูแลประชาชนในทุกด้าน สิ่งนี้คืออีกจุดหนึ่งที่ทำให้คนได้เห็นว่า เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ใดๆ  ก็ตามในเรื่องสุขภาพ สาธารณสุข ก็ขอให้เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย เพราะรัฐบาลชุดนี้ให้การสนับสนุนระบบสาธารณสุขอย่างเต็มที่

พวกที่บอกเราได้ลำดับที่ 5 ที่ 6 ไปจนถึงลำดับที่ 10  หรือลำดับที่ 50 ของโลก ซึ่งหากถามผม ผมมั่นใจว่าระบบการสาธารณสุขของประเทศไทยในการให้การดูแลประชาชนอยู่ลำดับหนึ่งตลอด ทั้งเรื่องการป้องกัน การรักษา รวมถึงการดูแลหลังเข้ารับการรักษา ทุกชนชั้นทุกกลุ่มอายุ ทุกเพศวัย ทำให้ทุกคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยเข้าถึงระบบสาธารณสุขได้รับการดูแลรักษา มีเวชภัณฑ์ทุกอย่างพร้อมในประเทศ และปัจจุบันก็มีการขยายขอบข่ายของการให้บริการและการดูแลรักษา

...สมัยก่อนเรามี 30 บาทรักษาทุกโรค แต่บางโรคก็ยังไม่สามารถรักษาได้ ซึ่งในยุคที่ผมเข้ามาเป็น รมว.สาธารณสุข พวกกลุ่มโรคหายากหรือ Rare Disease ที่นานๆ เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง สมัยก่อน 30 บาทรักษาทุกโรคจะไม่ครอบคลุม  เราก็ให้ครอบคลุมไปถึง รวมถึงให้ครอบคลุมถึงการรักษาผู้ป่วยโรคไต ที่เดิมไม่ครอบคลุมก็ให้ครอบคลุมไปถึงด้วย  หรือ การรักษาโรคมะเร็ง คนที่เป็นมะเร็งจะต้องรักษาตามเขตสุขภาพที่ตัวเองลงทะเบียนไว้ ก็เปลี่ยนเป็นมะเร็งรักษาได้ทุกที่ ใครป่วยเป็นมะเร็งก็ไม่ต้องส่งตัวให้เข้าไปรักษาที่ไหนก็ได้ จนสุดท้ายพัฒนามาเป็น 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งตอนนี้เราทดลองทำอยู่ แต่ก็ทำไปหลายเขตสุขภาพแล้วมีการขยายไปเรื่อยๆ

ทั้งหมดคือการนำสิ่งที่ดีในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค มาต่อยอดในทุกมิติ โดย 30 บาทรักษาทุกโรคจะยังคงอยู่ต่อไป แตะไม่ได้ แต่กำลังมาดูว่าจะทำให้เปลี่ยนมาเป็น 30 บาทรักษาทุกที่ได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่ามีคนป่วยอยู่ที่จังหวัดชุมพร แต่ชื่อของเขาลงทะเบียนไว้ที่บุรีรัมย์ แล้วจะให้เขาต้องกลับไปรักษาตัวที่บุรีรัมย์ แบบนี้ก็อาจช้าไม่ทันการณ์

สิ่งที่ต้องทำก็คือ ต้องมาพัฒนาระบบข้อมูลที่เรากำลังทำอยู่ โดยหากระบบมีประสิทธิภาพเราจะสามารถให้การดูแลผู้ป่วยทุกคนในประเทศไทยได้ ซึ่งจริงๆ มีอยู่แต่หากเป็นกรณีผู้ป่วยฉุกเฉิน สามวันแรกเข้าไปรักษาที่ไหนก็ได้ จากนั้นก็มีการส่งตัว แต่ก็จะเป็นความยุ่งยาก เพิ่มค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น เช่นบางทีส่งตัวคนไข้จากภาคใต้ไปภาคเหนือ หรือจากภาคเหนือไปภาคอีสาน หรือจากกรุงเทพฯ ไปหาดใหญ่ ค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นเงินภาครัฐทั้งสิ้น เราก็ต้องพัฒนาระบบเพื่อให้ทุกคนสามารถดูแลรักษาตัวเองได้

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นได้เพราะเรามีระบบสาธารณสุขที่มั่นคงแข็งแกร่ง สิ่งที่เรานำเสนอไปคือสิ่งที่เป็นเป็นผล ไม่ใช่ว่าก่อให้เกิดผลเสียกับคนกลุ่มหนึ่ง แล้วไปเกิดผลดีกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ทุกคนได้หมด แพทย์-พยาบาลก็ทำงานสะดวก คนไข้ก็สะดวก ค่าใช้จ่ายก็ลดน้อยลง ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้คือสิ่งที่เราต้องพัฒนาต่อไป อย่างงบประมาณเราก็เห็นแล้ว จากงบเรื่องวัคซีนที่จัดซื้อในช่วงโควิด เมื่อต่อไปสถานการณ์ดีขึ้นแล้วไม่ต้องซื้อวัคซีน ก็นำงบดังกล่าวมาพัฒนาให้ประชาชนได้รับความสะดวกในด้านสาธารณสุข

สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ คุณภาพชีวิตของประชาชนซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่างเราเป็นนักการเมือง เรารักษาเขาไม่ได้  ผมไม่ใช่แพทย์ แต่ผมทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ เราช่วยรักษาสถานะทางเศรษฐกิจของเขาได้ เราต้องทำให้ประชาชนได้รับการดูแลสุขภาพจากรัฐ จากทั้งหมดที่กล่าวข้างต้น หากถามว่าการดำเนินการทำยากหรือไม่ ต้องบอกเลยว่าไม่ยาก เพราะระบบสาธารณสุขของเราแข็งอยู่แล้ว ทำได้หมด

...ทุกอย่างก็กลับมาที่ตรงฝั่งการเมือง หากถามว่าทำไมเราถึงทำได้ ก็ต้องบอกว่าเราต้องให้ความเชื่อมั่นกับข้าราชการประจำ โดยเฉพาะอย่างที่กระทรวงสาธารณสุข ข้าราชการประจำไม่ได้เป็นเพียงแค่พลเรือน แต่เป็นผู้ชำนาญการ เป็นแพทย์ พยาบาล เภสัชกร เป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นนักการสาธารณสุข ที่มีศาสตร์ติดตัวของเขา เราจึงต้องเชื่อว่าเขามีประสบการณ์มากกว่าเรา ซึ่งคนเหล่านี้หากไม่ได้มีเจตนารมณ์เบื้องต้นที่ต้องการทำงานให้กับสังคมให้กับส่วนรวม เขาก็คงไปเป็นแพทย์ภาคเอกชน ไปเปิดคลินิก สร้างโรงพยาบาลส่วนตัว

ดังนั้นการที่เขามาอยู่กระทรวงสาธารณสุข ในเรื่องของอุดมการณ์ หลักการดำเนินชีวิต เขาเลือกแล้วที่จะอยู่ตรงนี้  เราต้องให้ความเชื่อมั่นและสนับสนุนเขา เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้หมด ไม่มีช่องทางไหนที่จะไปก่อให้เกิดประโยชน์กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเลย หรือหากจะมีคนไปฝืนทำ กล้าทำ ก็จะถูกกลับมาตรวจสอบได้ในแต่ละจุด ซึ่งจะไม่มีทางรอดได้ นอกจากจะโกงทั้งระบบ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะผู้ที่อยู่ที่นี่ กระทรวงสาธารณสุข สำหรับสังคมเรา ต้องถือว่าเป็นผู้ที่ถือว่าเก่งที่สุดในประเทศไทยแล้ว เป็นคนที่มีมันสมองปราดเปรื่อง ซึ่งคนที่มีมันสมองปราดเปรื่อง มีการศึกษาสูง มีความตั้งใจรับใช้ประชาชน เราก็ต้อง  assume ก่อนว่าไม่ใช่คนโกงคนจะมาทุจริต

เมื่อผมเข้ามาตรงนี้ เราเห็นเขาทำงานกันแบบนี้ แม้เราไม่ใช่แพทย์แต่สิ่งที่เราทำได้คือ สิ่งที่เขาเสนอมา เขาต้องการการสนับสนุนจากเรา เราก็นำเข้าขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี จัดหางบประมาณให้เขาได้ทำ ปกป้องคุ้มครองเขา คือหากเขาไปรักษาใครแล้วเกิดมีปัญหาขึ้นมาแล้วถูกฟ้อง กระทรวงสาธารณสุขต้องปกป้องเขา กันเขาออกมา แล้วไปทำการเคลียร์ปัญหาต่างๆ เช่นเรื่องคดีความต่างๆ  ทั้งหมดคือการทำงานร่วมกัน จนทำให้ทุกอย่างเดินหน้ามาจนถึงวันนี้

-การแก้ปัญหาต่างๆ ในช่วงโควิดเป็นงานที่ท้าทายและมีความสำคัญ ซึ่งเรื่องการบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารในช่วงโควิดก็มีส่วนสำคัญ เพราะช่วงที่ผ่านมามีเฟกนิวส์เยอะ?

อย่างที่ผมบอก เพราะสุดท้ายแล้วทุกอย่างพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์ อย่างมีคนมาบอกว่าวัคซีนซิโนแวคไม่ดี  ถามว่าไม่ดีอย่างไร มาบอกว่าจัดซื้อวัคซีนเกรดต่ำให้ประชาชน แต่ประเทศจีนเขาฉีดวัคซีนนี้ทั้งนั้น ประเทศเขาประชากร 1,400 ล้านคน แล้วที่ไปพูดกันแบบนั้น ทำให้ประเทศจีนเขาเดือดร้อน จนเขาต้องออกข้อความมาเตือนว่าอย่าได้มาดูถูกดูแคลน เขาไม่ได้มาทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย

จากประสบการณ์การเมืองที่ผมได้เข้ามาทำงานในกระทรวงสาธารณสุข ก็คือหากใครที่คิดว่าเข้ามาแล้วจะมาหวังผลประโยชน์ให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องทางการเมือง หรือผลประโยชน์ของการเข้ามามีอำนาจในกระทรวงแห่งนี้ จะพบว่าไม่เคยรอดสักราย เพราะคุณไปดีลกับใคร ไปดีลกับคนที่เขาไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ในชีวิต และไปดีลกับสิ่งที่พิสูจน์ได้โดยหลักทางวิทยาศาสตร์ บางคนไม่ใช่แพทย์ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ มาวิพากษ์วิจารณ์ด้านเทคนิคในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้มีความรู้ มาดูถูกวัคซีน บางคนมาพูดเหมือนกับว่าเขาสามารถรักษาคนไข้โควิดได้ มาวิเคราะห์มาชี้แนะในสิ่งที่มันสวนทางกับสิ่งที่แพทย์ทำ มาด้อยค่ายา เวชภัณฑ์ในการรักษาโควิดที่แพทย์เขาตัดสินใจแล้ว

สิ่งเหล่านี้ทำให้ประชาชนได้เห็นว่า ใครคือผู้ที่หวังดีต่อบ้านเมือง ใครที่ไม่แยกแยะ ไม่สนใจเลยว่าประชาชนจะเดือดร้อนแสนสาหัสขนาดไหน แค่ขอให้กลุ่มตัวเองได้ประโยชน์ พูดทุกอย่างทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดการโกลาหลวุ่นวาย แต่สุดท้ายความแน่ ความนิ่ง การทำงานจากคนที่รู้จริงและทำงานจริงก็ชนะทุกยก ไม่มีอะไรที่จะมาทำลายเจตนารมณ์ที่ดีของกระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรด้านสาธารณสุขได้

การรับมือโควิดปี 2565

หลังปีนี้ผ่านจุสูสุดมาแล้ว

-กับปีใหม่ 2565 มีอะไรจะฝากถึงประชาชน?

เราผ่านสองปีที่ค่อนข้างจะมีความวุ่นวายสำหรับประเทศไทยของเรา ทำให้เรามีความยากลำบากในการดำเนินชีวิตในทุกๆ ด้าน แต่ว่ารัฐบาลพยายามที่จะควบคุมสถานการณ์ให้มีความเรียบร้อยให้มากที่สุด เรามั่นใจว่าจากนี้ต่อไปสถานการณ์ในเรื่องของโรคระบาดโควิดจะค่อยๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น ขอให้เชื่อมั่นในกระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุข ว่าเราทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้ประเทศของเราสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยใช้ระยะเวลาที่เร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

"ปีใหม่ 2565 ก็ขอให้ประชาชนทุกท่านพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงที่สะสมกันมา ขอให้ทั้งหมดจบสิ้นไปกับปีนี้ และเริ่มปีใหม่ด้วยความที่เป็นสิริมงคล มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง มีสุขภาพที่ดี มีอายุที่ยืนยาว และมาร่วมกันทำประโยชน์ให้บ้านเมือง ร่วมกันทำให้ประเทศไทยของเราก้าวหน้าต่อไป เพราะเรามีศักยภาพที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว"

-การรับมือโควิดในปีหน้า มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน?

ผมว่าปีนี้เราผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว วัคซีนที่ได้นำมาฉีดให้คนไทย เป็นวัคซีนที่มีสรรพคุณตามที่เราได้ทราบข้อมูลมา ป้องกันการติดเชื้อได้ระดับหนึ่ง แต่ป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิตได้ระดับสูงมาก ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถือว่าป้องกันโควิดได้สูงมาก จึงเป็นเหตุผลที่ประชาชนทุกคนต้องฉีดวัคซีน เพราะการฉีดวัคซีนคุ้มค่ากว่าการไม่ได้รับวัคซีนหลายเท่า ประเทศไทยเราเป็นประเทศแรกๆ ที่ผมพูดคำนี้ ผมไม่ได้ไปเทียบอะไรกับใคร  ผมทำทุกอย่างในสิ่งที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดกับประชาชน จะทำก่อนหรือทำหลังไม่ใช่ประเด็น แต่ถ้าทีมงาน เพื่อนร่วมงานของผมบอกว่าเราพร้อมแล้ว เราก็ฉีดเข็มสาม ซึ่งการฉีดวัคซีนเข็มสามเท่ากับการเสริมภูมิคุ้มกันให้ประชาชนทุกคน  โดยหากมีสายพันธุ์ใหม่แปลกปลอมเข้ามา จะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดภัยอันตรายใดๆ กับแต่ละคนได้ ประเทศไทยเราก็ฉีดวัคซีนเข็มสาม และหากจำเป็นต้องมีเข็มสี่ เราก็พร้อมที่จะฉีด วันนี้เราสำรองวัคซีนสำหรับการเสริมภูมิคุ้มกันไว้เป็นจำนวนมากเพียงพอให้กับคนไทยทุกคน

สิ่งที่ต้องขอความร่วมมือ คือขอให้ประชาชนได้มารับวัคซีน วันนี้ไม่ควรมีคนไหนในประเทศไทยที่ไม่ได้รับวัคซีน  ยกเว้นคนที่แพทย์ห้ามจริงๆ เพราะอาจจะมีโรคประจำตัวอะไรอื่นๆ แต่หากเป็นคนทั่วไปต้องได้รับวัคซีนทุกคนแล้ว  เรามีวัคซีนมากเพียงพอและมีวัคซีนที่จะเสริมภูมิคุ้มกันให้เพิ่มมากขึ้น ขอให้ทุกคนได้มั่นใจ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'แก้วสรร' แพร่บทความ 'โครงการกาสิโนของรัฐบาล : ตัวตนและเค้ามูลที่ปรากฎ'

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการด้านกฎหมาย เขียนบทความในรูปถาม- ตอบ เรื่อง "โครงการกาสิโนของรัฐบาล : ตัวตนและเค้ามูลที่ปรากฎ" โดยมีเนื้อหา ดังนี้

นิติวิศวกรรม กับการสืบหา สาเหตุตึก สตง.ถล่ม

การสืบสวนตรวจสอบเหตุ "ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน" (สตง.) ถล่มลงมา ในช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศไทยเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ทำให้มีทั้งผู้เสียชีวิต บาดเจ็บและสูญหาย

'อนุทิน' รับไม่ได้ เยียวยาเสียชีวิตตึกถล่ม แค่ 29,000 บาท ชีวิตคนต้องช่วยเหลือให้มากที่สุด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย แถลงภายหลังจากการประชุมร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอาคารสตง.แห่งใหม่ ย่านจตุจักรถล่ม

สังฆกรรมบนลำน้ำโขง .. หน้าพระธาตุพนม!! (ในร้อยใจไทยฯ จ.นครพนม)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... ตามที่กล่าวไปใน “ปักธงธรรม” ฉบับที่แล้ว ว่า.. ระหว่าง ๒๕-๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ ได้เดินทางไปขับเคลื่อนโครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน...