ขณะที่คนไทยในสายตาของคนต่างชาติ ถูกมองว่าเป็นชนชาติที่มีนิสัยดีงามมากชาติหนึ่ง แต่ถ้าเรามองกันอย่างลึกซึ้งในสายตาคนไทยด้วยกัน จะพบว่ายังมีนิสัยที่ไม่ดีงามหลายประการที่สร้างปัญหาให้แก่สังคมไทยและประเทศชาติอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเกิดจากคนส่วนน้อยของสังคมแต่ก็มีผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่และภาพลักษณ์ของประเทศชาติเป็นอย่างมาก …คำว่านิสัยไม่ดีงามในที่นี้หมายถืงนิสัยที่สร้างความอึดอัด เดือดร้อน รำคาญใจ ไปจนถึงการสร้างความเสียหายให้แก่สังคมและประเทศชาติในวงกว้าง…ประเด็นที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ เป็นเพียงตัวอย่างที่พอเป็นกระจกเงาที่สะท้อนความเป็นจริงของบางส่วนในสังคมไทย ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ในวงการหรือในประเทศ ไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่น ให้ร้ายบุคคล กลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่จะกล่าวถึงแต่ประการใด
1.สิ่งที่ควรจำกลับลืม สิ่งที่ควรลืมกลับจำ
คุณความดีของบุคคลที่มีต่อชาติบ้านเมือง ทั้งในประวัติศาสตร์และปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ควรจดจำ คนไทยบางส่วนกลับลืม แต่บุญคุณส่วนตัวเล็กๆน้อยๆจากคนไม่ดี คนเหล่านี้กลับจดจำ บางคนยอมสนับสนุนคนไม่ดีทำความชั่วเพราะกลัวบาป โดยลืมไปว่าการช่วยคนทำความไม่ดีต่อบ้านเมืองนั้นบาปเสียยิ่งกว่า ดังนั้นคำว่า”ทำดีมีคนเห็น” อาจใช้ไม่ได้เสมอไปสำหรับสังคมไทยยุคนี้ เพราะ“คนที่ทำไม่ดีมากมาย คนไทยกลับยกย่อง”
2.ผู้แทนไทย หรือ ผู้แทนใคร / ผู้แทน หรือ ผู้ถ่วง
“ผู้แทนฯหรือผู้ถ่วง คนทั้งปวงรู้กันทั่ว พฤติกรรมน่าเกลียดกลัว จากความชั่วโผล่ให้เห็น
มุ่งแต่ประโยชน์พวกพ้อง ชาติจึงต้องมาลำเค็ญ ผู้แทนที่คุณเป็น ทำเพื่อชาติหรือเพื่อใคร
เรียกตนผู้ทรงเกียรติ น่ารังเกียจเป็นใหนๆ นี่หรือผู้แทนไทย ทำกันได้แค่ด่ากัน
ชาติจะเจริญกว่านี้ ถ้าไม่มีพวกคุณปั่น ประเทศชาติจะสงบสุขกัน เมื่อชาตินั้นไม่มีพวกคุณ”
ท่านผู้ทรงเกียรติบางคน วันๆพากันนั่งชูคอหาผลประโยชน์ส่วนตัว และขัดขวาง/ถ่วงความเจริญของประเทศชาติอยู่ในสภาตราบใดที่นักเลือกตั้งดังกล่าวยังไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยให้ดีขึ้นคนเหล่านี้ก็จะเป็นได้เพียงแค่ส่วนเกินของสังคมไทยที่หาประโยชน์อันใดมิได้
หนทางแก้มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น คือ การใช้น้ำดีไล่น้ำเสียโดยการเติมคนดีเข้าสู่ระบบการเมืองให้ได้มากที่สุด ส่วนจะทำได้อย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของคนในชาติที่เป็นผู้เลือกว่าจะมีมากน้อยเพียงใด
3.ฝักใฝ่คนชั่ว/มืดบอดมัวต่อคนดี
สังคมไทยเป็นสังคมที่อ่อนไหว หูเบา เชื่อง่าย เบื่อง่าย ลืมง่าย เห็นแก่ได้ และไม่รู้จริง…
สิ่งที่ไม่เคยจางหายไปจากสังคมไทย คือการสรรเสริญคนไม่ดีแบบไม่ลืมหูลืมตา จนกระทั่งคนไม่ดีคิดดว่าตนเป็นคนดี ปัญหาการแยกชั่วดีไม่ออกของคนไทยคือป้ญหาใหญ่ของชาติที่ยากจะแก้ไข ส่วนใหญ่มีต้นเหตุมาจากระดับการรับรู้ อายุ การศึกษา ความเชื่อ ทัศนคติ การอบรมเลี้ยงดู นิสัย สันดาน ผลประโยชน์และความเห็นแก่ได้
4.ไม่รู้จักหน้าที่ / ไม่ยอมทำหน้าที่ จึงมีแต่ความวุ่นวาย
ปัญหาความวุ่นวายของการเมืองไทยที่ดูเหมือนจะไม่มีใครคิดแก้ไข และไม่ใส่ใจที่ต้นตอ นั่นคือ การที่พรรคการเมืองถูกครอบงำจากคนที่มีจิตคิดร้ายต่อชาติบ้านเมือง / ขัดขวางความเจริญและความสงบสุขของชาติ / ทุจริตคดโกงชาติ …คงไม่มีชาติใดที่ปล่อยให้คนไม่ดีครอบงำพรรคการเมืองเพื่อล้มล้างสถาบันหลักของชาติ / ยุยงเยาวชนให้หลงผิด..คงไม่มีชาติใดที่ปล่อยให้นักโทษมาบัญชาการจัดตั้งรัฐบาลนอกคุก ทั้งๆที่มีการกระทำผิด คนรู้กันทั้งประเทศ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับการใส่ใจจากผู้เกี่ยวข้องจนหลายเหตุการณ์ได้บานปลายจนยากแก่การแก้ไข นอกจากนี้ การไม่มีการสอนหน้าที่ผลเมืองดีในโรงเรียน หรือเพราะมีแบบอย่างที่ไม่ดีของนักการเมือง/ผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักหน้าที่ ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนไม่รู้หน้าที่พลเมืองดีของตนอย่างแท้จริง จนปัจจุบันคนในชาติดูเหมือนจะรู้หน้าที่เพียงอย่างเดียวคือการเชียร์พรรคการเมืองที่ตนชอบอย่างเมามัน
5.เมืองไทยเมืองพุทธฆ่ากันง่ายฆ่ากันตายเกือบทุกวัน
“ เมืองพุทธที่ฆ่ากันง่าย ฆ่ากันได้เกือบทุกวันศักดิ์ศรีห้ามหยามหยัน แค่มองหน้ากันเป็นต้องฆ่า
ทั้งเสพยาหงุดหงิดง่าย ไม่ใส่ใจศาสนา หรือผู้ใช้กฎหมายไม่นำพา อาวุธมีให้ฆ่ากันเกลื่อนเมือง”…
สังคมไทยได้กลายเป็นสังคมที่สับสน มีความขัดแย้งอยู่ในตัวเอง…ใจดี ต้อนรับ ยิ้มง่าย แต่โกรธง่าย และฆ่ากันง่าย…นอกจากการฤทธิ์ของเสพยาเสพติดแล้ว หนึ่งในสาเหตุแห่งการฆ่ากันง่ายที่พบได้มากในสังคมไทย คือเรื่องศักดิ์ศรี บ่อยครั้งที่กลุ่มวัยรุ่นวิ่งไล่ฆ่ากันท่ามกลางสายตานักท่องเที่ยวที่ตื่นตระหนกในสถานที่ท่องเที่ยว/นายตำรวจถูกนักเลงฆ่าในงานเลี้ยงท่ามกลางสายตานายตำรวจ 25 นาย ศักดิ์ศรีของคนไทยไม่ใช่แค่การผิดใจ/ถูกมองหน้า/บีบแตรเตือน/ถูกแซงรถ/ขายของข้ามถิ่น ฯลฯ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในพระพุทธศาสนา คือการเป็นคนดีของสังคม ประพฤติดี และเคารพให้เกียรติกันการห่างเหินศาสนากล่อมเกลาจิตใจ/การขาดความยับยั้งชั่งใจ/การได้รับข้อมูลข่าวสารด้านความรุนแรง ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายที่ขาดประสิทธิภาพ เป็นปัจจัยสำคัญของปัญหาการฆ่ากันง่าย….ดังนั้นการขออโหสิกรรมหลังการฆ่าคน จึงยังดูเหมือนจะเป็นทางออกของสังคมไทยต่อไปอีกยาวนาน
6.จักรยานยนต์ไทยทำอะไรได้ทุกอย่าง
“กฎจราจรไม่ใส่ใจ ทางม้าลายกูไม่สน ฝ่าไฟแดงเกือบทุกคน ทุกถนนซ้ายก็แซง
เห็นช่องว่างเป็นไม่ได้ จะแถไปทุกหนแห่ง ซอกเล็กน้อยก็จะแซง ออกตัวแรงอันตราย
จอดรถตามตรอกซอย กูไม่ค่อยจะแคร์ใคร จอดรถโชว์บั่นท้าย ยื่นออกไปกลางถนน
ขับรถสวนย้อนศร กฎจราจรมากูไม่สน กูไม่กลัวใครจะชน ตำรวจก็ไม่สนใจพวกกู…”
ปัญหาจักยานยนต์ไทย นอกจากความคึกคะนอง การขาดจิตสาธารณะแล้ว น่าจะเกิดจากการปล่อยปละละเลยของผู้บังคับใช้กฎหมายแบบเลือกปฏิบัติ
สรุป เพราะเศรษฐกิจสังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงไป การขาดการอบรมเลี้ยงดูที่ดี ระบบการศึกษาที่มุ่งเน้นคนเก่งมากกว่าคนดี ระบบการเมืองที่ไม่เอื้อต่อการสรรหาคนดี ค่านิยมที่ผิดๆ การไร้มโนธรรมสำนึกต่อส่วนรวมและประเทศชาติ การขาดหลักธรรมกล่อมเกลาจิตใจ การขาดความยับยั้งชั่งใจ การขาดแบบอย่างที่ดีในสังคม ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายที่ด้อยประสิทธิภาพ และที่สำคัญที่สุดก็คือสังคมส่วนใหญ่ยังถือว่า”ธุระไม่ใช่” ไม่มีใครกล้าทักท้วงคัดค้านพฤติกรรมที่ไม่ดี…นิสัยที่ก่อให้เกิดปัญหาทั้งหลายในสังคมไทยส่วนใหญ่ไม่ได้สลับซับซ้อนจนเกินไปแต่มันถูกสะสมก่อตัวมานาน จนกลายเป็นปกตินิสัยซึ่งแทบทุกนิสัยที่ไม่ดีนั้นส่วนมากเกิดจากความเห็นแก่ตัวแนวทางแก้ไขส่วนใหญ่มันมีคำตอบอยู่ในตัวของมันเองทั้งสิ้น …นั่นคือการมีจิตสำนึกของเจ้าของปัญหา…แต่ตราบใดที่เจ้าของปัญหาไม่รู้ว่าตัวเป็นตัวปัญหาก็ยากที่จะแก้ไข และการแก้ปัญหามิอาจเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีผู้ใดช่วยสกิดต่อมจิตสำนึกท่านพุทธทาสภิกขุได้กล่าวถึงคำสอนของคุณโยมแม่ของท่านว่า“ไก่ไม่มีเห็บเพราะมันช่วยกันจิกเห็บให้กันและกัน ลูกไก่ตัวเล็กยังช่วยจิกเห็บให้ลูกไก่ตัวใหญ่ตามส่วนของร่างกายที่มันจิกเองไม่ถึง แม้แต่ลิงและสุนัขยังมันยังหาเหาหาหมัดให้กันและกัน”….
ปัญหาดังกล่าวในสังคมไทยจงอย่าถือว่าธุระไม่ใช่ตราบใดที่เรายังไม่ช่วยกันขจัดนิสัยที่ไม่ดีงามออกไป ก็อย่าได้หวังใจว่าสังคมไทยจะดีขึ้นได้เอง….
(คอลัมน์ เวทีพิจารณ์นโยบายสาธารณะ)
โดย นายแพทย์ ชำนาญ ภู่เอี่ยม
กลุ่มนโยบายสาธารณะ เพื่อสังคมและธรรมาภิบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฮือฮา! ทุเรียนลูกละ 1 บาท แห่รับบัตรคิวแน่นตลาด
ตลาดมหาชัยไนท์ต้นสน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ได้จัดมหกรรมทุเรียน ระหว่างวันที่ 4 - 7 กรกฎาคม 2567 สร้างความฮือฮาให้กับผู้ที่มาจับจ่ายใช้สอยที่ตลาด
เปลี่ยนก้อนหิน เป็นดอกไม้..เปลี่ยนความขัดแย้ง เป็นความปรองดอง หลอมรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย พาประเทศก้าวเดินไปข้างหน้า…..
ปีแล้วปีเล่าที่ประเทศอันเป็นที่รักของเรา ต้องติดหล่ม จมอยู่กับความขัดแย้ง และทิ่มแทงกันด้วยถ้อยคำกร้าวร้าวรุนแรง แบ่งฝักฝ่ายขว้างปาความเกรี้ยวกราดใส่กัน ด้วยเหตุจากความเห็นที่แตกต่างกัน และช่องว่างความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงความเป็นธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสลดหดหู่หัวใจอย่างยิ่ง
ตลาดหุ้นกู้ กับ การสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
นช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทเอกชนเข้ามาระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้กันมากขึ้น ตลาดหุ้นกู้จึงเติบโตอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีมูลค่าคงค้างราว 4.5 ล้านล้านบาท จำนวนบริษัทที่ออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนก็เพิ่มขึ้นมาก ไม่จำกัดอยู่เพียงบริษัทขนาดใหญ่เหมือนแต่ก่อน แต่มีทั้งบริษัทขนาดกลางขนาดเล็กเพิ่มมากขึ้น
อดีตบิ๊กข่าวกรอง ปลงอนิจจา ศก.กำลังแย่ คนไทยที่เจ็บไม่เคยจำ แถมขี้ลืม
นันทิวัฒน์ บอกเสียงโอดครวญทุกแห่งหน จะตายอยู่แล้ว เศรษฐกิจแย่ ตลาดเงียบ มีแต่คนขาย คนรุ่นใหม่เริ่มตาสว่าง
โอกาสของการพัฒนาภาคเกษตรไทย
ภาคเกษตรเคยเป็นพระเอกทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นแหล่งอาหารที่เลี้ยงดูประชากรให้มีความอิ่มหนำสำราญ สร้างโอกาสให้คนไปทำงานอื่น ๆ แถมยังสร้างชื่อเสียงเป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศด้วย
โหมโรงของคอร์รัปชันรูปแบบใหม่ในโลกปัจจุบัน
การคอร์รัปชันเป็นปัญหาสำคัญระดับประเทศที่หยั่งรากลึก แพร่กระจาย และบ่อนทำลายความไว้วางใจที่มีต่อรัฐบาล อีกทั้งยังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน และขัดขวางความก้าวหน้าของประเทศในทุกมิติ เมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป โลกเข้าสู่ทศวรรษใหม่ การคาดการณ์ถึงวิวัฒนาการของการคอร์รัปชันเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการเท่าทันความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการคอร์รัปชันสมัยใหม่จะทำให้ทุกภาคส่วน สามารถพัฒนามาตรการรับมือที่มีประสิทธิผล