ผู้ว่าฯ ภูเก็ต .. บวชพลีบุญแผ่นดิน .. ก่อนวันเกษียณ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. สัจธรรมที่ไม่เคยผันแปร จากคำกล่าวของพระสารีบุตร เมื่อถูก “พราหมณ์ชัมพุขาทกะ” ถามว่า.. อะไรคือสิ่งที่ทำได้ยากในพระพุทธศาสนา .. ซึ่งตอบว่า การบรรพชาเป็นสิ่งที่ทำได้ยากในธรรมวินัยนี้..

การบรรพชาหรือการบวช.. ในความหมายนี้ หมายถึง การเว้นชั่วทั้งปวง ชื่อว่า ทำได้โดยยาก

เพราะการสละ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข .. การสละกองโภคสมบัติ.. บริวารญาติมิตรที่แวดล้อม ไม่ว่ามากหรือน้อยก็ตาม.. แล้วเข้ามาบวชถวายชีวิตในพระพุทธศาสนา ชื่อว่า.. ยาก .. เพราะกระทำได้โดย ยาก จึงชื่อว่า ทุปฺปพฺพชฺชํ แปลว่า  การบวชทำได้ยาก

การบวชที่แท้จริงคือ การเรียนรู้ศึกษาปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา เพื่อรักษา กาย วาจา ใจ และทิฏฐิให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ปราศจากอาสวกิเลส.. บรรลุคุณธรรมอันวิเศษ คือ พระนิพพาน นั่นเป็นประโยชน์สูงสุดของการบวชในพระพุทธศาสนา

พระนาคเสนได้จำแนกเรื่องการบวช ตอบพระเจ้ามิลินท์.. ไว้ว่า อย่างที่ ๑ เรียกว่า บวชได้กิ่งใบของพรหมจรรย์ คือ บวชแล้วปฏิบัติตนเพียงได้สักการะและสรรเสริญ เมื่อได้ก็พอใจเพียงเท่านั้น

อย่างที่ ๒ เรียกว่า บวชได้กะเทาะเปลือกของพรหมจรรย์ คือ มิได้เป็นไปเพื่อสักการะและสรรเสริญทีเดียว แต่ก็ปฏิบัติในศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ด้วยความพอใจเพียงว่า จะปฏิบัติในศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์เท่านั้น

อย่างที่ ๓ เรียกว่า บวชได้เปลือกของพรหมจรรย์ คือ เมื่อปฏิบัติในศีลให้บริบูรณ์ไว้แล้ว ก็ปฏิบัติสมาธิให้บริบูรณ์ด้วย และก็พอใจเพียงสมาธิให้บริบูรณ์เท่านั้น

อย่างที่ ๔ เรียกว่า บวชได้กระพี้ของพรหมจรรย์ คือ เมื่อปฏิบัติได้สมาธิบริบูรณ์แล้ว ก็ปฏิบัติต่อไปจนเกิดญาณทัสสนะ คือ ความรู้ความเห็นที่ถูกต้องด้วย และพอใจเพียงที่รู้..ที่เห็นนั้น

อย่างที่ ๕ เรียกว่า บวชได้แก่นของพรหมจรรย์ คือ ว่าได้ปฏิบัติจนบรรลุวิมุตติ.. ความหลุดพ้นจากกิเลสและกองทุกข์บางส่วนโดยเอกเทศหรือโดยสิ้นเชิง ซึ่งผลของการปฏิบัติอย่างที่ ๕ นี้ จึงได้ชื่อว่า ได้บรรลุแก่นของพรหมจรรย์ในพระพุทธศาสนา

หากจักประมวลจุดประสงค์จำนงหมายของการบวชแบบไทยๆ ที่โบราณจารย์กล่าวกันมา คงสรุปได้ดังคำโบราณที่ว่า

บวชหนีวัฏสงสาร          บวชผลาญข้าวสุก

บวชสนุกตามเพื่อน        บวชพุทธพานิช

บวชติดเรื่องโลกๆ         บวชนั่งโงกงมแก่

ซึ่งที่มีบวชถูกต้องเฉพาะ ได้แก่ บวชหนีวัฏสงสาร มุ่งผลพระนิพพาน เป็นจุดหมายเท่านั้น ที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ อันสาธุชนควรอนุโมทนา!!

เมื่อ วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา “นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต” ได้ลาราชการเข้าบรรพชา-อุปสมบท ณ วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน โดยได้รับฉายาว่า ณัฏฐะพะโล แปลว่า พลังของนักปราชญ์ โดยมี พระราชวัชรสุทธิวงศ์ (หลวงพ่ออารยวังโส) เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่ามกลางหมู่มิตรที่ไปร่วมอนุโมทนาอย่างสงบ สมกับเป็นการบวชเพื่อการหลีกออก..เว้นออก จากโลกียวิสัย.. บาปอกุศลทั้งปวง

จริงๆ แล้ว เรื่องข้าราชการผู้ใหญ่เข้าบวชในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่แปลกสำหรับวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ ที่เป็นวัดสายปฏิบัติ สืบปฏิปทา หลวงปู่มั่น ตามบัญชาหลวงปู่จันทร์ กุสโล อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

ดังในอดีต ที่มี ดร.ผาสุข กุลละวณิชย์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์/มหาวิทยาลัยบูรพา ที่ได้เข้ามาบวชอยู่ในสังกัด.. ต่อมาได้ไปทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จนถึงแก่มรณภาพไปเมื่อ ๑๙ พ.ย.๒๕๖๕

..พล.ต.ต.รังสิต ญาโณทัย อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม.. นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรัฐมนตรี และอีกมากมายหลายท่านจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ พลเอกจิรเดช กมลเพ็ชร ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก อดีตรองแม่ทัพภาคที่ ๓.. อดีตผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อย จปร. ซึ่งปัจจุบันยังถือเพศเป็นภิกษุอยู่จำพรรษา ณ วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ รวมถึงคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีการศึกษาสูงๆ ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศที่ยังคงครองเพศเป็นสมณะอยู่ โดยมีอุดมการณ์เพื่อการสืบอายุพระพุทธศาสนา

การบวชของท่านผู้ว่าฯ ณรงค์ จึงเป็นเรื่องปกติของวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชยฯ และเป็นธรรมดาที่ชาวลำพูนจะมีความปีติยินดียิ่ง เมื่อบุคคลระดับพ่อเมืองที่ยังรับราชการอยู่ ได้มาบวชเป็นพระภิกษุในจังหวัดลำพูน

แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่ง ที่มีการพูดคุยถึงกันมาก คือ การที่ “พระณรงค์ ณัฏฐะพะโล” ยังคงทำหน้าที่เป็นผู้ว่าราชการภูเก็ตอยู่ มิได้เหมือนกับข้าราชการผู้ใหญ่โดยทั่วไป ที่มักจะเข้ามาสู่การครองผ้ากาสาวพัสตร์เมื่อเกษียณอายุราชการแล้ว..

อะไรเป็นเหตุให้ “ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต” ได้ลาราชการเข้าบรรพชา-อุปสมบทในพระพุทธศาสนา ครองสมณเพศ ณ วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน

จากการได้รับทราบข้อมูลโดยตรงจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ทราบว่า ท่านมีเจตนาที่จะบวชเพื่อพลีบุญแก่แผ่นดินประเทศชาติและประชาชน ในฐานะข้าราชการฝ่ายปกครอง ที่ทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ด้วยความมานะ อดทน เสียสละ.. มายาวนาน

สำคัญยิ่ง.. คือ การถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาอันหาที่สุดมิได้.. ตลอดชีวิตข้าราชการของท่าน ที่ได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่ราชการถวายสถาบันกษัตริย์มาโดยตลอด...

ท่านผู้ว่าฯ ณรงค์ วุ่นซิ้ว .. จึงเห็นควรที่จะบรรพชา-อุปสมบท ในขณะที่ดำรงตำแหน่งที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต.. เพื่อการบำเพ็ญบุญกุศลที่จักได้บูชาคุณสถาบันทั้งสามได้อย่างสมบูรณ์บริบูรณ์ ทั้งในความเป็นนายณรงค์.. และในฐานะ ผู้ว่าราชการจังหวัด

อีกทั้งเพื่อเป็นการบูชาคุณของพ่อแม่.. โดยเฉพาะมารดาที่อยู่ในปัจฉิมวัย ซึ่งได้ให้โอกาสอบรมเลี้ยงดู สนับสนุนให้ได้มีการศึกษา จนมีความก้าวหน้าในชีวิต ประสบความสำเร็จสู่ความเป็นข้าราชการผู้ใหญ่ฝ่ายปกครองของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จนั้น ท่านผู้ว่าฯ ณรงค์ได้น้อมระลึกบูชาคุณของพ่อแม่เป็นที่สุด.. ที่ทำให้ได้มีโอกาสรับราชการจนเจริญก้าวหน้าถึงตำแหน่งความเป็น พ่อเมือง หรือผู้ว่าราชการจังหวัดในปัจจุบัน

เมื่อความเหมาะสมในประโยชน์เกิดขึ้นอย่างเหมาะควรโดยธรรม.. การบรรพชา-อุปสมบทในครั้งนี้ จึงเกิดขึ้น บนความเห็นชอบของครอบครัวและประชาชนชาวภูเก็ต ที่ได้รับทราบข่าวสาร ดังที่ได้มีข้อความเขียนเข้ามาแสดงการอนุโมทนายิ่งกันมากมายกับการบวชของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ และรอคอยการได้เห็น หลวงพ่อณรงค์ เดินทางกลับไปโปรดชาวภูเก็ตให้ได้มีส่วนร่วมในบุญกุศล ในฐานะพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ที่ยังคงดำรงตำแหน่ง “ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต”

การบวชของท่านผู้ว่าฯ ณรงค์ในครั้งนี้ จึงควรแก่การอนุโมทนา เป็นแบบอย่างของข้าราชการผู้ใหญ่ในทุกกระทรวง ทบวง กรม.. ตลอดจนถึงประชาชนชาวไทยในฐานะ “พุทธศาสนิกชน”

ด้วยการบวชบูชาคุณพระพุทธศาสนาในฐานะตำแหน่ง “ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต” .. จึงจะมีกำหนดการเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจ ณ จังหวัดภูเก็ต.. เพื่อให้ข้าราชการ ประชาชน ได้มาร่วมอนุโมทนา ใส่บาตรพระผู้ว่าฯ.. ฟังธรรม.. อบรมจิตภาวนา.. เพื่อร่วมกันพลีบุญให้กับแผ่นดิน.. น้อมถวายเป็นพระราชกุศลโดยพร้อมเพรียงกัน ณ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต.. ในส่วนวันเวลาคงจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบอีกครั้ง!!.

 

เจริญพร

[email protected]

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เทวฤทธิ์ -กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่ เสรีนิยมก้าวหน้า ปฏิรูปสภาสูง

สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ชุดปัจจุบัน 200 คน จะประชุมร่วมกันนัดแรกในวันอังคารนี้ 23 ก.ค. โดยมีระเบียบวาระสำคัญที่จะให้สว.ทั้งหมดร่วมกันประชุมลงมติ นั่นก็คือ

“ศาสนกิจในอินเดีย .. ณ นครปูเน่” น้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ๒๘ ก.ค.๖๗ ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ได้เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจที่ นครปูเน่ รัฐมหาราษฏระ อินเดีย เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการสร้างวัดแห่งแรกของชาวพุทธในอินเดีย

อังคณา สว. 2567 ภารกิจ-สิ่งท้าทาย สภาสูง กับโมเดลข้อเสนอ สภาเดี่ยว

การทำงานของสมาชิกวุฒิสภาชุดล่าสุด ที่เรียกกันว่า "สว. 2567" กำลังจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากนี้ คาดหมายกันว่า การนัดประชุมวุฒิสภาเพื่อเลือก

บทธรรมถวายเป็นพระราชกุศล .. ในมหามงคลครบ ๖ รอบ “ราชธรรม .. สู่การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” (ตอนที่ ๗)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. พระพุทธเจ้าได้ตรัส หลักการปกครองตามแบบธัมมิกสูตร ว่า..

ดร.มานะ-ว่าที่ สว. 2567 ความเป็นอิสระไม่มีอยู่จริง เรื่องใบสั่งก็คงมีบ้าง ไม่มีบ้าง

หนึ่งในผู้ผ่านการคัดเลือก 200 รายชื่อให้เตรียมเข้าไปทำหน้าที่ "สมาชิกวุฒิสภา" (สว.) ชุดใหม่ ที่น่าสนใจ ก็คือ "ดร.มานะ มหาสุวีระชัย อดีต สส.ศรีษะเกษ" ที่เคยสังกัดพรรคพลังธรรมและพรรคประชาธิปัตย์ตามลำดับ

บทธรรมถวายเป็นพระราชกุศล .. ในมหามงคลครบ ๖ รอบ “ราชธรรม .. สู่การเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย” (ตอนที่ ๖)

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ได้เขียนคำกล่าวสอนใจไว้บทหนึ่งว่า.. ถึงมีอำนาจ วาสนา สักปานไหน