การศึกษาไทยในโลกใบใหม่

การเปลี่ยนแปลงการศึกษา-การสร้างคน ให้สอดคล้องรองรับโลกก้าวหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นเรื่องยากต้องใช้เวลา-ใช้สติปัญญา-ใช้ความเข้าใจ-และมีกระบวนการปฏิบัติการรองรับขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง-เปลี่ยนผ่านอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนไป มีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนช่วยรองรับ-ขับเคลื่อนสร้างความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริงและเท่าทัน!

โลกประจักษ์ชัดว่าความก้าวหน้าในการพัฒนาประเทศใดก็ตามขึ้นกับ “คน” ซึ่งเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญ โดยมีการศึกษาที่มีคุณภาพเป็นเครื่องมือที่ช่วยปรับตัวเคลื่อนไหว สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ ระบบการศึกษาและการสร้างการเรียนรู้ของสังคมเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน “สร้างคน” ที่เป็นทรัพยากรที่สำคัญมากกว่าสิ่งใดทั้งสิ้น บ้านเมืองที่มีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงแข่งขันต้องมีทุนมนุษย์และมีศักยภาพการศึกษาที่แข็งแกร่ง ตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในโลกของความเป็นจริงได้!

การพัฒนาคนและการศึกษาในระบบการศึกษาไทยไม่อาจหลีกจากกติกาพื้นฐานของโลกนี้ได้ คงต้องยอมรับว่าการศึกษาไทยนั้นขยับตัวเปลี่ยนผ่านจากอดีตเข้าสู่โลกยุค 2.0 มานาน จากนั้นก็เหมือนถูกแช่แข็งด้วยระบบการจัดการ ความรู้ หลักสูตร และระเบียบบริหารราชการมาตลอด ลงลึกถึงวิธีคิดและกระบวนการขับเคลื่อนที่เป็นวิสัยทัศน์โลกยุคอุตสาหกรรม 2.0 เพื่อใช้งานตอบโจทย์ในกลุ่มการจัดการองค์กรที่ใช้แรงงานและสติปัญญาของคน หรือ labor intensive เป็นหลัก นี่คือความเคลื่อนไหวของการศึกษาที่ถูกควบคุมอุ้มชูเลี้ยงดูโดยระบบราชการแบบสุดขั้วอย่างต่อเนื่องมาเกือบศตวรรษ!

ถ้าจะจำแนกแยกแยะชีวะพันธุ์การศึกษาไทย อาจจำแนกแยกแยะคุณลักษณะของการศึกษาได้ดังนี้คือ หนึ่ง การศึกษาไทยเป็นมรดกความคิดที่สืบทอดมาแต่โลกยุคเก่า-การศึกษารับใช้เจ้านาย ในโลกยุคใหม่นั้นการศึกษามีความพยายามปรับตัว-สร้างการเปลี่ยนผ่านช่วงต้นทศวรรษ พ.ศ.2530 ที่มีการทุ่มเทปฏิรูปการศึกษาต่อเนื่องถึง 2 ทศวรรษ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ล้มเหลว! ได้แต่กรอบโครงสร้างการบริหาร-การเพิ่มตำแหน่ง-อัตราผู้บริหารครูอาจารย์ในกระทรวง แต่ได้ระบบที่บิดเบี้ยว-พิกลพิการไม่ตอบโจทย์โลกของการศึกษาที่มีภาระบทบาทในการขับเคลื่อนพัฒนาสร้างประเทศ-ชุมชน และผู้คนซึ่งเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญต่อบ้านเมืองอย่างจริงจัง ระบบการศึกษาจึงเป็นแค่ระบบที่ตกวนอยู่ในหลุมพรางกับดักของระบบราชการที่หยุมหยิม-รุ่มรวยกฎระเบียบ แต่ไร้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์! ที่สำคัญคือมีทิศทางที่ไปคนละทิศละทางกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นจริง ส่วนที่ถูกมองว่าเป็นความก้าวหน้าก็เป็นส่วนที่ลอกเลียนตะวันตกมาอย่างเกาะติดแน่น จนเหมือนเป็นทาสความคิดตะวันตกที่มีไว้ใช้เหยียบย่ำคนที่เห็นต่าง-ไม่เดินตามความคิดตำรับตำราเยี่ยงนั้นเท่านั้นเอง!!!

สอง กระบวนการการศึกษาและการเรียนรู้มีสภาวะแปลกแยกจากสำนึกวัฒนธรรม การรับรู้และจิตวิญญาณของชุมชน-สังคม หลักสำคัญเป็นกระบวนการท่องบ่น-ท่องจำ ที่ยัดเยียดจากบนลงล่าง ตอบโจทย์การหล่อหลอมกล่อมเกลาทางสังคมที่ใช้วุฒิการศึกษา-สถาบันการศึกษาเป็นอาภรณ์สำหรับแต่งตัว-ยกตนในสังคม โดยจิตวิญญาณของกระบวนการเรียนรู้ไม่ผูกโยงกับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์-สำนึกรับผิดชอบสังคมและการสร้างอนาคต ที่สำคัญคือขาดการตระหนักค้นคว้านวัตกรรมความก้าวหน้าของเทคโนโลยี จนทำให้ผู้คนในสังคมมีวิธีคิดแบบผู้ใช้-ผู้ซื้อ-ผู้บริโภคเป็นหลักตลอดมา เมื่อเผชิญกับโลกของการเปลี่ยนแปลง

สาม ทรัพยากรคนในระบบการศึกษาจะมีวิสัยทัศน์ วิธีคิดพื้นฐาน การบริหารจัดการ ตลอดจนถึงการปฏิบัติการแบบโลกเก่าที่ยึดโยงกับระบบราชการเป็นสำคัญ การบริหารจัดการจึงเน้นให้ความสำคัญกับอำนาจและตำแหน่งมากกว่าการใช้สติปัญญา ความรู้ หรือ การเข้าถึงมองเห็นเข้าใจโลกของการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าอย่างเป็นจริง เมื่อเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายและความก้าวหน้าของเทคโนโลยี นวัตกรรมก็จะขาดความรู้ความเท่าทันการเปลี่ยนแปลง จึงไม่มีขีดความสามารถพอในการบริหารจัดการ จะอาศัยวาทกรรมเอาตัวรอดไปเรื่อยๆ และมีจำนวนไม่น้อยที่ต่อต้านไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลง เนื่องจากทิศทางความก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงมักจะขัดกับระบบบริหารจัดการที่ยึดโยงกับตำแหน่งและอำนาจที่ครองอยู่ สภาพเช่นนี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการปรับตัวและขัดขวางการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงยิ่ง!

สี่ ระบบการบริหารจัดการโดยรวมจะมีลักษณะเฉพาะของการใช้อำนาจตำแหน่งมากกว่าจะใช้ความคิดสร้างสรรค์ การปรับตัว โดยเฉพาะเป็นที่รู้กันดีว่าการบริหารในกลุ่มงานมิติทางสังคมศาสตร์นั้นต้องการความเคลื่อนไหวปรับตัวสูงเพื่อรับความเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าที่จะเชื่อมสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ดี ขณะที่อำนาจบริหารจัดการเป็นลักษณะของระบบราชการมีสภาพที่กระด้างแข็งทื่อ ไม่ปรับตัวยืดหยุ่น ติดยึดกับกฎระเบียบ จนกระทบต่อการประดิษฐ์คิดสร้าง วิสัยทัศน์ การปรับตัว และการพัฒนาที่อยู่ในกระแสโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับโลกของเทคโนโลยีในยุคอุตสาหกรรม 4.0

ห้า ในองค์ประกอบอื่นๆ จะพบว่าโครงสร้างของระบบการศึกษาที่มีปฏิสัมพันธ์กับสังคมและผู้คน เป็นโครงสร้างแบบสั่งการ-บนลงล่าง-ปิดกั้นความคิดและความเปลี่ยนแปลง เป็นระบบที่ยึดโยงกับอำนาจรวมศูนย์แบบตายตัว การบริหารจัดการปรับตัวลำบาก องค์กรจึงเต็มไปด้วยความขัดแย้งภายในในทุกระนาบ เป็น “สนิมเกิดแต่เนื้อในตน” ของระบบการศึกษาที่ล้าหลังที่ต้องพึงขจัดให้หมดไป นี่เป็นปฏิสัมพันธ์ของสังคมแบบเจ้าขุนมูลนายที่ไม่มีผลผลิตที่ตอบโจทย์ความก้าวหน้าเปลี่ยนแปลง! จึงถูกประท้วงต่อต้านขึ้นในทุกมิติ 3 ทุกระดับในช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านในโลกใบใหม่

นี่คือคุณลักษณะและตัวตนของระบบการศึกษาไทยที่กำลังป่วยไข้พิกลพิการ 3 ต้องการการเยียวยาแก้ไขโดยด่วน การรื้อสร้างระบบการศึกษาใหม่จำเป็นต้องเริ่มทำจากจุดเล็กๆ ที่เป็นไปได้ และค่อยๆ ก่อสร้างความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมหรือกลุ่มการงานที่ก้าวหน้าให้ประสานร่วมมือสร้างพัฒนาการการเปลี่ยนแปลง ทั้งในแง่ของความคิดพื้นฐาน วิสัยทัศน์ จนถึงหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนเพื่อสร้าง “คน” ยุคใหม่ที่ก้าวพ้นออกจากโลก โลกแห่งความล้าหลังที่เป็นมายาคติ ครอบงำผู้คน-ระบบอยู่ทุกวันนี้ให้เข้าสู่โลกใบใหม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด บ้านใหญ่ รอเข้าวิน พท.กวาดเยอะ-พรรคส้ม เสี่ยงร่วง

ยิ่งใกล้ถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ. พบว่าการหาเสียงของผู้สมัครนายก อบจ.ทั้งที่ลงในนามพรรคการเมือง และไม่ได้ลงในนามพรรค

ร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม .. ณ จังหวัดนครปฐม!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๗ โครงการร้อยใจธรรม สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ที่ดำเนินการโดย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยและวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน

ลึกสุดใจ. ”พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผบ.ตร.” ยึดกฎกติกา ไม่กลัวทุกอิทธิพล

ถึงตอนนี้ "พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ บิ๊กต่าย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" ได้ทำหน้าที่ ผบ.ตร.อย่างเป็นทางการมาร่วมสามเดือนเศษ ส่วนการทำงานต่อจากนี้ ในฐานะ"บิ๊กสีกากี เบอร์หนึ่ง-รั้วปทุมวัน"จะเป็นอย่างไร?

2 สว. “ชาญวิศว์-พิสิษฐ์” ปักธงพิทักษ์รธน. ปกป้องสถาบันฯ พวกเราเป็นอิสระ ไม่มีรับใบสั่ง

กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติเพื่อนำไปสู่การให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูยเพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย ที่ต้องการทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น

ก้าวย่างออกจากปัญหา .. ของประเทศ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... คำกล่าวที่ว่า.. “เมื่อสังคมมนุษยชาติขาดศีลธรรม.. ย่อมพบภัยพิบัติ.. เสื่อมสูญสิ้นสลาย..” นับว่าเป็นสัจธรรมที่ควรน้อมนำมาพิจารณา.. เพื่อการตั้งอยู่ ดำรงอยู่ อย่างไม่ประมาท...

เหลียวหลังแลหน้า การเมืองไทย จาก 2567 สู่ 2568 ส่องจุดจบ ระบอบทักษิณภาค 2

รายการ"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด"สัมภาษณ์ นักวิชาการ-นักการเมือง สองคน เพื่อมา"เหลียวหลังการเมืองไทยปี 2567 และแลไปข้างหน้า