พิธา-ก้าวไกล ไม่ควรเป็นรัฐบาล เหตุแนวคิดเป็นอันตรายต่อประเทศ

วันพฤหัสบดีที่ 13 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อลงมติพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี จากรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถึงขณะนี้ ยังคงมีแค่ชื่อของ”พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล”ที่แปดพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงส.ส.รวมกัน 312 เสียง จะเสนอชื่อให้ที่ประชุมโหวตเท่านั้น ส่วนพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการเสนอชื่อแข่งหรือไม่ โดยเสียงเห็นชอบบุคคลเป็นนายกฯจะต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภาที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ก็คือ 376 เสียง

การโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เสียงโหวตของ”สมาชิกวุฒิสภา”หรือสว.ถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญทางการเมืองที่จะทำให้ พิธา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หรือจะทำให้การเมืองพลิกขั้ว จนเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล และอาจทำให้แคนดิเดตนายกฯจากเพื่อไทยขึ้นมาเป็นนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทยก็ได้

“ประพันธ์ คูณมี -สมาชิกวุฒิสภา”กล่าวถึงท่าทีของสว.ในการโหวตนายกฯว่า เท่าที่มีการประเมินสถานการณ์และการพูดคุยกันระหว่างเพื่อนสมาชิกสว.ด้วยกัน มีข้อสรุปค่อนข้างชัดเจนว่าเสียงส่วนใหญ่มีแนวโน้มไปในทิศทางใด โดยเสียงส่วนใหญ่มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ไม่ยอมรับนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่ยินดีที่จะให้ความเห็นให้นายพิธา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

โดยเหตุผลสำคัญที่ทำให้สว.ส่วนใหญ่ มองและเห็นตรงกันก็คือ ประเด็นเรื่องแนวคิดและจุดยืนทางการเมืองของนายพิธา เป็นแนวคิดและจุดยืนที่มีปัญหาต่อระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันทรงมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขฯ เพราะมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน

อย่างเรื่องการที่จะพยายามแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และที่มีแนวคิดจะดำเนินการปฏิรูประบบสถาบันกษัตริย์ฯ ตามแนวคิดของพรรคก้าวไกลและกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนเขา ยังดำรงอยู่และมีเป้าหมายที่ชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง รวมถึงจุดยืนและแนวคิดในเรื่องนโยบายการต่างประเทศ ก็เป็นอันตรายต่อประเทศไทย จากที่ไทย เป็นมิตรกับทุกประเทศ คบค้าสมาคมได้กับทุกฝ่าย ก็จะเป็นปัญหาว่าหากนายพิธา ขึ้นมาแนวคิดและแนวนโยบายด้านต่างประเทศก็จะเปลี่ยนไป ส่อไปในทิศทางที่จะชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน และเอนเอียงเข้าข้างมหาอำนาจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เปิดทางให้มหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงครอบงำประเทศ สิ่งเหล่านี้ ทุกคนมีข้อมูลตรงกันว่าเป็นเหตุสำคัญอย่างยิ่ง

และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พรรคก้าวไกลและตัวนายพิธา ยังมีพฤติกรรม ที่ส่อไปในลักษณะที่จะสนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดน พยายามไปบิดเบือนประวัติศาสตร์ พยายามไปปลุกระดมประชาชนและชนเผ่าต่างๆ ให้มีความคิดกระด้างกระเดื่องและแบ่งแยกรัฐออกจากราชอาณาจักรไทย ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายมากที่สุด

นายพิธา ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาเป็นผู้นำในระบอบประชาธิปไตย อันทรงมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ เพราะทุกบทบาท ทุกความเคลื่อนไหวทางการเมืองของเขา ที่เดินสายออกไปทั่วประเทศ ปลุกปั่นยุยงประชาชน สร้างความขัดแย้งแตกแยกให้เกิดขึ้นในประเทศ เป็นนายกฯก็ไม่สามารถสร้างความสามัคคีให้คนมาร่วมมือกันทำงานได้ แม้แต่กับพรรคการเมืองด้วยกัน ก็มีเบือนหน้าหนี กับประชาชน เขาก็เลือกที่จะดูแลหรือปกป้องสนับสนุน กลุ่มด้อมส้มที่สนับสนุนเขาเท่านั้น แต่ไม่เห็นหัวประชาชนส่วนใหญ่ ผู้นำที่่มีวุฒิภาวะแบบนี้ มันไม่สามารถเป็นผู้นำของประเทศได้ ไม่สามารถทำให้คนสามัคคีกันมาร่วมกันพัฒนาบ้านเมือง

"เพราะฉะนั้นพูดถึงเรื่องจุดยืนการที่จะโหวตนายพิธา เป็นนายกฯ หรือไม่ ทุกคนก็เห็นว่าจากเหตุผลต่างๆ ตัวนายพิธา ไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย อันนี้ยังไม่นับถึงปัญหาคุณสมบัติส่วนตัวของเขา การถือหุ้นไอทีวี การมีคุณสมบัติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ การที่มีนโยบายจะแก้ไขยกเลิกมาตรา 112 ในการหาเสียงจนถูกยื่นคำร้องว่าอาจจะกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 49 หรือไม่ ที่ก็เป็นเรื่องใหญ่ในเรื่องคุณสมบัติส่วนตัวและของพรรค ที่ไม่อาจสนับสนุนหรือให้ความเห็นชอบเป็นนายกฯได้"

“ประพันธ์”กล่าวต่อไปว่า คิดว่านายพิธาและพรรคก้าวไกลรู้ตัวเองดีว่าเขาไม่มีโอกาส ที่จะได้เสียงเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาได้ จึงทำให้ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้พยายามยื้อแย่งเก้าอี้ประธานสภาฯให้ได้ เพราะรู้ตัวเองดีว่าจะไม่มีโอกาสได้เป็นนายกฯ เพราะหากได้เก้าอี้ประธานสภาฯ ก็จะใช้สภา เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อน ตามนโยบายและความคิดที่เป็นอันตรายทั้งหลาย เช่นการเสนอกฎหมายหลายฉบับที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งแตกแยก และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ไปคุกคามต่อความมั่นคงของสถาบันชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์

"เพราะฉะนั้นกรณีของนายพิธา จบไปแล้ว มองข้ามไปได้เลยว่า โอกาสที่จะได้เป็นนายกฯ แทบไม่มี ด้วยพฤติกรรมและการกระทำของตัวเขาเอง ไม่มีใครไปกลั่นแกล้ง การดำเนินงานทางการเมืองของเขา การประพฤติปฏิบัติตัวของเขา แนวคิดแนวนโยบายของเขา มันไม่สามารถ ทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศยอมรับได้ "

ในระหว่างนี้ ที่กำลังจะมีการโหวตนายกฯ ก็มีความพยายามที่จะไปเจาะ ไปขอเสียงสนับสนุนจากสว. มีข่าวความเคลื่อนไหวในกลุ่มสว.เช่นเดียวกันว่า มีคนพยายามที่จะใช้เงินไปซื้อเสียงสว. มาสนับสนุน ยกมือให้ ซึ่งสว.มองเห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ ทั้งที่อ้างตนว่าเป็นพรรคประชาธิปไตย เป็นคนรุ่นใหม่ แต่ว่ามันมีกระแสข่าวทำนองนี้ แต่จะเกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกลเป็นคนทำเองหรือไม่ หรือมีกลุ่มทุนที่อยู่เบื้องหลังที่เดินสายเพื่อจะจัดการให้หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามและตรวจสอบของฝ่ายข่าวและฝ่ายความมั่นคง ซึ่งสว.ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเขา มีใครบ้าง ตอนนี้ฝ่ายความมั่นคงเขาติดตาม มาร์กตัวเป็นรายบุคคลเลย

"เมื่อประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว มันจึงไม่มีเหตุผลที่สว.จะให้ความเห็นชอบบุคคลผู้นี้ได้ มองข้ามทางการเมืองไปได้เลยว่าไม่มีโอกาส"

ไม่หวั่น-ไม่ให้ราคา

ม็อบสามนิ้ว กดดันสว.

-ในวันประชุมโหวตนายกฯ อาจมีม็อบนัดหมายไปรวมกันกันที่หน้ารัฐสภา ที่อาจจะเป็นการไปกดดันสว.?

อันนี้ก็เป็นปัญหาหนึ่งของพรรคก้าวไกล เพราะเป็นพรรคการเมืองที่มีวัฒนธรรม ไม่เป็นประชาธิปไตยชัดแจ้ง และไม่ต้องไปอวดอ้างโฆษณากับใครว่าตัวเองเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ เป็นพรรคประชาธิปไตยเพราะพฤติกรรมของพรรคเขา เป็นอนาธิปไตย ไม่เคารพความคิดเห็นคนอื่น ไม่เคารพกฎหมาย ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ

ดูตัวอย่างที่วันประชุมแกนนำแปดพรรคการเมืองร่วมตั้งรัฐบาลเมื่อ 2 ก.ค.ที่พรรคก้าวไกล เขาก็ปล่อยให้มีมวลชนไปตะโกนด่าทอ กดดันแกนนำพรรคการเมืองอื่น ไม่ให้เกียรติ ไม่ให้ความเคารพพรรคอื่น ไปตะโกนด่าทอ โดยที่หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคไม่เคยห้ามปรามมวลชนของตัวเอง ที่มีพฤติกรรมถ่อย ไม่มีมารยาทแบบนี้

พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นได้ อ้างว่ามีเสรีภาพ เป็นประชาธิปไตย ต้องสามารถพูด -แสดงความคิดเห็นได้ ชุมนุมได้ แต่เวลาคนของพรรคตัวเองโดนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความไม่เหมาะสมที่คนของพรรคตัวเองในการจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือการมีนโยบายที่เป็นอันตรายต่อประเทศและสังคม มีคนวิพากษ์วิจารณ์ ถูกต่อต้าน โดนตำหนิ มีคนแสดงความเห็นที่แตกต่างจากเขา ทางหัวหน้าพรรค สมาชิกพรรค มวลชนสนับสนุนพรรคมีวัฒนธรรมเดียวกันคือวัฒนธรรม ถ่อยสถุล สามานย์ทางการเมือง คือไม่เคารพความเห็นคนอื่น มีการด่าด้วยถ้อยคำก้าวร้าว แบบไม่มีเหตุผล

ยิ่งคนของก้าวไกลไปใช้วิธีปลุกระดมมวลชนและใช้มวลชนเหล่านี้ มาแสดงออกมากเท่าไหร่ เท่ากับเป็นการขุดหลุมฝังศพตัวเอง คือเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะอ้างตัวว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่เคยเคารพความเห็นของคนอื่นแล้วก็ไม่ส่งเสริมวัฒนธรรมให้สมาชิกและผู้สนับสนุนพรรค ต้องเคารพความเห็นคนอื่น เห็นได้จากไม่มีมารยาทกับคนอื่นตลอด

วัฒนธรรมแบบนี้คือเหตุผลข้อหนึ่งที่ไม่สมควรให้พรรคนี้เข้าไปเป็นรัฐบาล และตัวพิธา ไม่ควรเป็นนายกฯ เพราะพรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมแบบนี้มีแต่สร้างความแตกแยก สร้างความขัดแย้ง สร้างความปั่นป่วนไม่สงบให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง ทั้งที่ หากคุณจะมาชุมนุมต่อต้านคัดค้าน หากเขาไม่โหวตเลือกหัวหน้าพรรคคุณเป็นนายกฯ เขาทำผิดกฎหมายตรงไหน ในเมื่อเป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แสดงว่าคุณยังไม่ดีพอ คุณยังไม่่สามารถโน้มน้าวให้เกิดการยอมรับจากผู้อื่นได้ ถ้าเป็นแบบนี้ คุณก็ต้องเคารพกฎ กติกาและยอมรับ ไม่ใช่มาเอากฎหมู่มากดดันให้คนอื่น เพราะหากจะได้เป็นคือต้องได้รับการยอมรับจากคนอื่น ไม่ใช่มาจากการแหกปากตะโกน บังคับขู่เข็ญ ที่เป็นพฤติกรรมทางการเมืองที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

เท่าที่สว.พูดคุยกันไม่มีใครให้ราคากับพฤติกรรมของสาวกด้อมส้ม และผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลแม้แต่น้อยเพราะมันเป็นพฤติกรรมและการกระทำที่ไร้เหตุผล ไม่มีสาระควรแก่การรับฟัง คือหากเขามาแสดงความคิดเห็น มีการให้เหตุผล พูดจาด้วยความสุภาพ มีข้อมูลข้อเท็จจริงที่น่ารับฟัง แบบนี้ต่างหากที่สว.จะรับฟัง แต่หากใช้พฤติกรรมแบบมาเย้วๆ ด่าทอ ไร้สาระ ไม่มีเหตุผล มากดดัน มันไม่มีทางจะชนะหรือมาโน้มน้าวให้คนอื่นเขาเห็นด้วย และก็ไม่มีใครเขากลัว เพราะทุกคนทำหน้าที่ตามกฎหมาย-รัฐธรรมนูญ เขาไม่ได้ทำชั่วทำเลวอะไร จึงไม่ต้องมาวิตกกังวลกับพวกเขาเหล่านั้น ยืนยันได้ว่าไม่มีใครให้ราคา ให้ความสำคัญกับพฤติกรรมเหล่านั้น พรรคก้าวไกล -ผู้บริหารพรรค และมวลสมาชิกผู้สนับสนุน ควรต้องปรับปรุงแก้ไขนิสัยของตัวเอง

-หากสุดท้าย พิธา ไม่ได้เป็นนายกฯ กลุ่มผู้สนับสนุน ม็อบต่างๆ เช่นม็อบสามนิ้ว อาจจะลงถนนหรือไม่ ประเมินอย่างไร?

ในโลกนี้ ไม่มีม็อบไหนที่ประสบความสำเร็จในการชุมนุมที่มาเรียกร้องให้คนทำผิดกฎหมาย ให้คนที่ไม่มีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ให้คนที่สภาไม่โหวตยอมรับตามกฎหมายและกติการัฐธรรมนูญเป็นนายกฯ ไม่มีม็อบที่ไหนประสบความสำเร็จเพราะม็อบแบบนี้เขาเรียกว่าม็อบอันธพาล ม็อบที่ไม่เคารพกติกาบ้านเมือง ม็อบที่ไร้ความชอบธรรม แต่ถ้านายพิธา เป็นคนดีคนเก่ง ทำตัวเองให้มาถูกต้องโดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ ไม่มีพฤติการณ์อย่างที่กล่าวมาข้างต้นแล้วถูกกลั่นแกล้งใส่ร้าย ไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้ามีม็อบมาชุมนุมแบบนี้ถึงจะมีความชอบธรรม แต่ถ้าตัวเขาไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐสภา เพราะพฤติกรรมและการรกระทำของเขาไม่เหมาะสม มีคุณสมบัติที่ขัดต่อกฎหมาย จนสมาชิกวุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบ ม็อบที่จะมา ก็เท่ากับมาฆ่าตัวเอง ไม่มีประโยชน์เลย

เรื่องม็อบผมจัดม็อบมาตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2516 มาถึงปัจจุบัน การชุมนุมของประชาชนที่จะประสบความสำเร็จต้องมีความถูกต้องชอบธรรมที่จะเรียกร้อง และต้องได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ของประเทศและข้อเรียกร้องนั้น ต้องปฏิบัติได้ และต้องมาชุมนุมด้วยความสงบ ปราศจากอาวุธ และอยู่ใต้กฎหมาย ซึ่งหากมาชุมนุมโดยไม่มีเหตุผลอย่างที่บอก จะชุมนุมกี่ปี ก็ไม่มีทางชนะ ตอนนี้ตำรวจก็เตรียมเรือนจำไว้รับพวกคุณแล้ว

พร้อมโหวตให้แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย

แต่ต้องไม่เอา”ก้าวไกล”ร่วมรัฐบาล  

-หากพิธา เสียงโหวตไม่ถึง 376 เสียง แล้วเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน โดยอาจเสนอชื่อเศรษฐา ทวีสิน แต่ยังมีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคจัดตั้งรัฐบาล จะเป็นอย่างไรถ้าออกมาแบบนี้?

เรามองข้ามช็อตไปแล้ว คือว่านายพิธากับพรรคก้าวไกล เราไม่ได้มองแค่ว่านายพิธา ไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ ความเห็นส่วนตัวของผม มีความเห็นว่า พรรคก้าวไกล ก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล

ซึ่งเหตุผลนอกเหนือจากที่ผมบอกไว้ข้างต้นว่า จะไม่โหวตให้พิธา เป็นนายกฯแล้ว ก็ยังมีเหตุผลว่า พรรคก้าวไกล มีจุดยืนทางการเมืองที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ ด้วยจากพฤติกรรมที่เขาทำหลายอย่าง เช่นการมีนโยบายจะแก้ไข 112 แล้วใช้นโยบายนี้หาเสียง เพื่อนำไปสู่การยกเลิก 112 ไม่ใช่แค่แก้ไขอย่างเดียว และต้องการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเลย ไม่ว่าจะเป็นหมวด 1 หมวด 2 หมวดพระมหากษัตริย์ หมวดเรื่องราชอาณาจักรไทยเป็นหนึ่งเดียว แบ่งแยกไม่ได้ เขาก็จะแก้ไข เพราะฉะนั้น ลักษณะของพรรค ก็เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย และพรรคก้าวไกล ก็มีเรื่องถูกยื่นคำร้องร้องในประเด็นนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญด้วย

นอกจากนี้นโยบายการต่างประเทศของก้าวไกล ก็เป็นอันตราย ส่อไปในลักษณะชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน อีกทั้งองค์ประกอบคนที่อยู่ในพรรคก้าวไกล นอกจากเป็นพวกที่มีความคิดที่ต่อต้าน ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันฯแล้ว ยังมีอดีตกลุ่มคนในพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย รวมอยู่ในพรรคนี้ด้วย และยังมีกลุ่มการเมืองต่างประเทศ เข้ามาชักใยหนุนหลังพรรคนี้อยู่ด้วย จะเห็นได้จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่มีกลไกจากต่างประเทศเข้ามาสนับสนุนอยู่เบื้องหลังด้วย ซึ่งสอดรับกับนโยบายต่างประเทศของเขาที่ประกาศอย่างชัดเจนว่าเขาจะเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงกับสหรัฐอเมริกา อันนี้ยังไม่พูดถึงนโยบายอื่นๆ ที่พรรคบอกจะแก้ไขเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับสถาบัน มันก็ไม่เหมาะสมที่พรรคนี้จะเข้าไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

แม้เพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ยังเอาก้าวไกลมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก็ยังไม่แน่ว่าสมาชิกวุฒิสภาจะให้ความเห็นชอบแคนดิเดตนายกฯที่มาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่

พูดง่ายๆ พรรคก้าวไกลไปร่วมกับใคร ทุกพรรคก็ส่ายหน้า ไม่อยากเห็นพรรคนี้มาอยู่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เพราะยิ่งมีความคิดแบบนี้ แล้วหากไปกุมอำนาจรัฐ มาคุมกระทรวงศึกษาธิการ มหาดไทย กลาโหม ก็จะมาใช้อำนาจหน้าที่ไปเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปตามแนวคิดและอุดมการณ์ที่เป็นอันตรายของเขา จะไปปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูประบบราชการ รื้อล้างทั้งหมด ตามแนวคิดของเขา ซึ่งไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นแนวคิดที่ต้องการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ลดทอนพระราชอำนาจ ทำทุกอย่าง นี้ขนาดแค่เป็นส.ส.ยังจะทำแบบนี้ แล้วหากเข้าไปเป็นรัฐบาล จะทำมากขนาดไหน ในเรื่องที่จะไปคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ คุกคามต่อสถาบันหลักของบ้านเมือง สร้างความปั่นป่วนเสียหายให้กับประชาชน-ประเทศชาติ จะไปบิดเบือนประวัติศาสตร์ เขียนตำราประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ในลักษณะปลุกความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคม

เพราะฉะนั้นโดยพฤติกรรมของพรรคการเมืองพรรคนี้ จึงไม่สมควรมีโอกาสให้เข้าไปเป็นพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลได้เลยเรามองข้ามช็อตไปแล้ว คือความเห็นของผมตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่สนับสนุนนายพิธา ผมยังเห็นว่าไม่ควรสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วย หากพรรคการเมืองใด จะขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วยังเอาพรรคก้าวไกลมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล เสนอชื่อมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ผมก็ไม่โหวตให้ เพราะผมไม่เห็นชอบกับแนวคิดและนโยบายที่เป็นอันตรายของพรรคการเมืองพรรคนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของบ้านเมือง ซึ่งก็มีสว.หลายคน ก็มีแนวคิดคล้ายกับผมในประเด็นนี้และมีเยอะ เขาไม่ได้มองแค่ตัวบุคคลแล้ว แต่เขามองไปถึงทั้งพรรคแล้วว่ามันเป็นกันทั้งพรรค มันไม่ได้เป็นเฉพาะแค่นายพิธา พรรคนี้มีความคิดและวัฒนธรรมแบบนี้ทั้งพรรค เข้าไปหนุนกลุ่มที่ชุมนุมการเมืองแบบก้าวร้าวรุนแรง พวก ทะลุวัง ทะลุฟ้าทั้งหลาย พวกข้อเสนอปฏิรูปสถาบันสิบข้อ ที่เป็นอันตรายทั้งนั้นแล้วพรรคนี้ไปสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไปประกันตัวให้ จัดทนายไปช่วย ยุยงส่งเสริมให้เด็กออกมาเคลื่อนไหวก้าวร้าว ก่อความรุนแรงซึ่งเป็นกันทั้งพรรค ไม่ใช่แค่ตัวบุคคล เมื่อเป็นแบบนี้ พรรคนี้ก็ไม่เหมาะสมที่จะไปเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาล

-หากเพื่อไทย จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะไปดึงพรรคไหน มาร่วมตั้งรัฐบาลก็ได้ แต่ต้องไม่มีก้าวไกล?

พรรคการเมืองใดก็ได้ ที่จะไปร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ขออย่างเดียว หนึ่ง ต้องไม่มีการแก้ไขมาตรา 112 สอง ต้องไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ที่จะนำไปสู่การลดทอนพระราชอำนาจ และเปิดให้มีการแบ่งแยกประเทศ แบ่งแยกดินแดนทำลายความเป็นราชอาณาจักรไทย ต้องไม่มีนโยบายชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน จะเป็นพรรคไหนก็ได้ ที่ไม่มีนโยบายจะไปส่งเสริมให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน หากไม่มีเรื่องราวนี้ สว.ก็ยินดีสนับสนุนใครก็ได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ หากมีเสียงข้างมากในสภาฯ หลักการคือตรงนี้ มันไม่ใช่เรื่องบุญคุณหรือความแค้นอะไร

พรรคก้าวไกลและพิธา โจมตีด่าทอสว.มาตลอดสี่ปีกว่าที่ผ่านมา หาว่าสว.เป็นกากเดนสังคม แล้ววันนี้จะมาขอความร่วมมือกับเขา คุณด่าเขามาตลอด ประณามเขามาตลอด พรรคการเมืองที่ทำงานการเมืองแบบนี้ คือทำลายตัวเอง ไม่สามัคคีคนอื่นมีแต่ทำลายตัวเองมันก็ยากที่จะได้รับความร่วมมือ จะไปบริหารชาติบ้านเมือง มันก็ยากที่จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน เพราะพฤติกรรมของพวกคุณมันกร่าง ยังไม่ได้เป็นนายกฯเลย ก็อุปโลกน์ตัวเองว่าเป็นนายกฯ ไปบอกว่าตัวเองเป็นว่าที่นายกฯ หากผมไม่ได้เป็น อะไรก็ขัดขวางผมไม่ได้ ไอ้นี้มันชอบเป็นดารา นักแสดงมากกว่า ที่ไหนมีแสงก็กระโดดไป คนจะเป็นนายกฯทำตัวแบบนี้ มันไม่เหมาะสม

ที่สว.จะพิจารณาว่าคุณควรเป็นนายกฯหรือไม่ ควรเป็นพรรครัฐบาลหรือไม่ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นสำคัญ เพราะสว.มีหน้าที่นอกจากกลั่นกรองกฎหมายแล้ว ยังต้องส่งเสริมคนดีให้ปกครองบ้านเมือง ป้องกันคนไม่ดี ไม่ให้มีอำนาจปกครองบ้านเมือง นั่นคืออำนาจในการกลั่นกรองบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งสำคัญๆ ในองค์กรอิสระรวมถึงนายกรัฐมนตรี

สรุปได้ว่า เหตุที่จะไม่โหวตให้พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เพราะเขาไม่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันนี้ชัดเจน และสร้างวัฒนธรรมอาณาธิปไตยให้เกิดขึ้นในประเทศ และเป็นคนที่ไม่มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ สร้างแต่ความนิยมให้กับตัวเอง ปลุกระดมประชาชน ปกปิดความผิดตัวเอง สาม เป็นคนพูดจาโกหก เป็นคนพูดกลับไปกลับมาในเรื่องเดียวกัน เช่นเรื่องมรดกหุ้น เรื่องนโยบายกัญชา พอโดนจับได้ ก็แถไปเรื่อย หาว่าคนอื่นมาใส่ร้ายตัวเอง และโกหกประชาชน  เป็นคนไม่เคารพกฎหมาย  ตัวเองผิด มีคุณสมบัติไม่ตรงตามกฎหมาย แทนที่จะแสดงสปิริตลาออกว่าตัวเองพลาดไปแล้ว กลับแถว่าคนอื่นใส่ร้ายตัวเอง แล้วไปปลุกมวลชนให้มาปกป้องตัวเอง มีนโยบายไปกระตุกสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นกับกลุ่มประชาชน ไปสนับสนุนการเคลื่อนไหวที่ออกมาต่อต้านสถาบัน สร้างให้เกิดความขัดแย้งในหมู่ประชาชน จนจะนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน ไม่รักประเทศไทย ไม่รักวัฒนธรรมไทย ไม่ส่งเสริมคุณค่าของสังคมไทยที่ดีงาม ทำลายหมด ตั้งแต่ครอบครัว ไปจนถึงสถาบันสูงสุด นักเรียนไม่ต้องเคารพครู ลูกไม่ต้องเคารพพ่อแม่ ลูกไม่ต้องกตัญญูกับพ่อแม่  ผู้ใหญ่ก็ไม่ต้องเคารพ สถาบันพระมหากษัตริย์ก็ไม่ต้องเคารพ นี้คือสิ่งที่พวกเขาสร้างให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เหตุผลเหล่านี้มันมากเกินพอที่เราจะไม่โหวตให้เขา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“รองประธานสโมสร เชียงราย ยูไนเต็ด สู่นักการเมืองหญิงแกร่ง”

หลายคนรู้จักกับนักการเมืองรุ่นใหญ่ อย่าง “ยงยุทธ ติยะไพรัช” อดีตประธานรัฐสภา ที่มีลูกสาว “สส.โฮม” ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่ “สส.โฮม” ได้ตัดสินใจลงเล่นการเมือง จากมาดามสู่สส. มีอะไรต้องเปลี่ยนเยอะ และด้วยภาพลักษณ์ที่สดใส เป็นมิตร เฟรนลี่กับทุกคน จึงได้รับคำเรียกเล่นๆว่า ทูตสันถวไมตรี เพราะ “สส.โฮม” เป็นกันเอง ไม่ถือตัวกับทุกคน แต่ใครจะไปรู้ว่าชีวิตของ “โฮม” นั้น ผ่านอะไรมาบ้าง จึงได้ไปสอบถาม

เลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด บ้านใหญ่ รอเข้าวิน พท.กวาดเยอะ-พรรคส้ม เสี่ยงร่วง

ยิ่งใกล้ถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ. พบว่าการหาเสียงของผู้สมัครนายก อบจ.ทั้งที่ลงในนามพรรคการเมือง และไม่ได้ลงในนามพรรค

ร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม .. ณ จังหวัดนครปฐม!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๗ โครงการร้อยใจธรรม สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ที่ดำเนินการโดย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยและวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน

ลึกสุดใจ. ”พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผบ.ตร.” ยึดกฎกติกา ไม่กลัวทุกอิทธิพล

ถึงตอนนี้ "พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ บิ๊กต่าย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" ได้ทำหน้าที่ ผบ.ตร.อย่างเป็นทางการมาร่วมสามเดือนเศษ ส่วนการทำงานต่อจากนี้ ในฐานะ"บิ๊กสีกากี เบอร์หนึ่ง-รั้วปทุมวัน"จะเป็นอย่างไร?

2 สว. “ชาญวิศว์-พิสิษฐ์” ปักธงพิทักษ์รธน. ปกป้องสถาบันฯ พวกเราเป็นอิสระ ไม่มีรับใบสั่ง

กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติเพื่อนำไปสู่การให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูยเพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย ที่ต้องการทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น

ก้าวย่างออกจากปัญหา .. ของประเทศ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... คำกล่าวที่ว่า.. “เมื่อสังคมมนุษยชาติขาดศีลธรรม.. ย่อมพบภัยพิบัติ.. เสื่อมสูญสิ้นสลาย..” นับว่าเป็นสัจธรรมที่ควรน้อมนำมาพิจารณา.. เพื่อการตั้งอยู่ ดำรงอยู่ อย่างไม่ประมาท...