กว่า 80 ปีของการเมืองไทยที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงปรับสภาพตามกาลเวลา สถานการณ์ และการปรับตัวของผู้คน-สังคมการเมืองไทย ที่มีผลต่อชีวิตในสังคมเศรษฐกิจและการปรับบริบทของการเมืองแต่ละช่วงยุคสมัย!
การเมืองเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญของการเมืองในบ้านเราเคลื่อนไหวจากบน-ลงล่าง เริ่มเคลื่อนไหวจากกลุ่มอำนาจที่กระจุกอยู่ในส่วนบนของสังคมและกลุ่มคนชั้นบน-ชั้นสูงของสังคม สู่กลุ่มชนชั้นกลาง และสู่ประชาชนทั่วไป ตามเงื่อนไขสถานการณ์แต่ละช่วงตอนที่มีทั้งความลื่นไหลและความสูญเสีย เคลื่อนผ่านกาลเวลามาเกือบศตวรรษ!
ในอดีตของการเมืองปฐมบทในสังคมที่เปิดประตูสู่โลกประชาธิปไตย ที่เริ่มจากการเมืองของนัยแคบๆ ที่หมกอยู่ในเรื่องการจัดการอำนาจ-การใช้อำนาจ ขยับเปิดโลกเปลี่ยนผ่านจากระบอบการปกครองยุคเก่าแก่สู่โลกยุคใหม่ จากนั้นความเคลื่อนไหวทางการเมืองก็ค่อยๆ เผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมายจากผู้คนและสังคมกลุ่มต่างๆ ที่ขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนผ่านมาเป็นระยะๆ ปรับสร้างภูมิทัศน์ทางการเมืองขึ้นแต่ละช่วงเวลา มีทั้งรุ่งโรจน์และตกต่ำ มีทั้งสูญเสียและชิตช่วง แต่ก็ส่งผลกระทบต่อผู้คน สังคม เศรษฐกิจอย่างกว้างขวางในบ้านเมืองโดยรวม
ภูมิทัศน์และระบบนิเวศทางการเมืองของบ้านเมืองถูกขับเคลื่อน-จัดปรับความคิด-ประสบการณ์ให้กับผู้คน-สังคมมาโดยตลอดผ่านทุกสถานการณ์-ทุกเหตุการณ์ ไม่ว่าช่วงการเลือกตั้ง หรือช่วงของการปฏิวัติรัฐประหาร ปฏิรูป จากกลุ่มคน-กลุ่มสังคมต่างๆ ที่ในที่สุดก็กลายเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยไปในที่สุด!
การเมืองไทยสมัยใหม่มีความเคลื่อนไหวทั้งในแบบการเมืองแบบพรรคการเมือง การเมืองในรัฐสภา การเมืองในท้องถนน การเมืองเพื่อการแสวงอำนาจ-แสวงประโยชน์ การเมืองอุดมการณ์ การเมืองของคนเล็กคนน้อย การเมืองสีเสื้อ การเมืองเชิงสัญญะ ฯลฯ ทุกความเคลื่อนไหวในสังคมการเมืองไทยได้สร้างการเรียนรู้ ความตระหนักสำนึก และการเปลี่ยนผ่านทางความคิดความเข้าใจและการมีส่วนร่วมในมิติต่างๆ ขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกับผู้คนและรุ่นคนต่างกลุ่มในสังคมบ้านเรา!
ประวัติศาสตร์การเปลี่ยนผ่านจากการเมืองที่กำกับจัดตั้งโดยกลุ่มอำนาจส่วนบนในสังคม หรือกลุ่มผสมผสานกับอำนาจทางการทหาร-กลุ่มทุน ได้ให้บทเรียนที่สาหัสสากรรจ์กับผู้คนและสังคมไม่น้อย เหตุการณ์ 14 ตุลา.จนถึงพฤษภาทมิฬ ได้ส่งผลให้การเมืองเข้าสู่ภูมิทัศน์ใหม่ที่ทำให้ชนชั้นกลางเข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้น แต่ก็อยู่ใต้คลื่นความเคลื่อนไหวของอำนาจและทุนอยู่อย่างมีนัยสำคัญ พรรคการเมืองในยุคนั้นกลายเป็นแหล่งพำนักปกป้องตัวของผู้มีอิทธิพลและกลุ่มคนสีเทา-ดำไปอย่างมีนัยสำคัญ
จากนั้นสังคมการเมืองก็เคลื่อนผู้คนเข้าสู่การเมืองคู่ขนานระหว่างธนกิจการเมือง/บรรษัทการเมือง-การเมืองอำนาจเก่า-การเมืองในถนนพักใหญ่ ยาวนานนับทศวรรษ! ภูมิทัศน์การเมืองและระบบนิเวศการเมืองช่วงนั้นเปิดประตูการมีส่วนร่วมจากทุกชนชั้นขึ้นในมิติต่างๆ ทั้งกลุ่มที่ยอมเอาตัวเข้ารับใช้บรรษัทการเมือง ทั้งกลุ่มตรงข้ามที่รวมกันของจากอำนาจเก่า ทั้งกลุ่มผู้คนที่ร่วมกับการเมืองในถนน ฯลฯ ส่งผลให้ความเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยรวมผลิตซ้ำการมีส่วนร่วมในแบบแผนใหม่ ปรับภูมิทัศน์ทางการเมืองขึ้นใหม่ที่ใกล้ชิดกับผู้คนธรรมดาสามัญมากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยีการสื่อสารคลื่นอุตสาหกรรม 4.0 สร้างการเปลี่ยนแปลงทางการสื่อสารอย่างรุนแรง-ต่อเนื่องและมีพลัง! การปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมืองและระบบนิเวศทางการเมืองที่เกิดจากการสื่อสารและการปรับความคิดทางการเมืองเปลี่ยนไปจากกับดักความคิดเก่าๆ อย่างมีนัยสำคัญ!!!
ผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่กำลังจัดตั้งรัฐบาล เป็นภาพประจักษ์ชัดที่ชี้บอกให้เห็นรูปลักษณ์ภูมิทัศน์ทางการเมืองที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด!
จากการเลือกตั้งไปถึงแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลได้ปรับภูมิทัศน์ของความคิดทางการเมือง และระบบนิเวศทางการเมืองในทิศทางใหม่ที่ต่างไปจากเดิมอย่างมีนัยสำคัญ!....ผลการเลือกตั้งได้ชี้บอกว่าการเมืองได้เปิดประตูสร้างโอกาสใหม่กับกลุ่มคนความคิดใหม่ที่ต่างไปจากเดิม ไม่จมอยู่ในโลกของการเมืองแบบที่มีศักยถาพแค่ปะผุสังคม-แบ่งเค้กผลประโยชน์-แบ่งกระทรวงที่มีนายทุนสนับสนุนเตรียมกอบโกยหลังเสวยอำนาจ มาสู่การเมืองแบบอุดมการณ์-ต่อสู้-แสวงหาความชอบธรรมและจับมือกับทุกกลุ่มคนได้ เป็นการเมืองที่เปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วม สร้างความเคลื่อนไหวในแบบประชาธิปไตยที่ยึดโดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นการเมืองที่เน้นการเปลี่ยนแปลงปรับสร้างระบบใหม่-ไม่ใช่แค่ปะผุสังคมและวางกรอบการแสวงประโยชน์ให้กลุ่มทุนอุปถัมภ์ สร้างกระแสความเคลื่อนไหวที่มุ่งเปลี่ยนวิธีคิด-ภูมิทัศน์-ระบบนิเวศทางการเมืองใหม่ เน้นกติกาประชาธิปไตยแบบสากลมากขึ้น เป็นการเมืองที่ผู้คนมีความหวัง-สร้างแสงสว่างปลายอุโมงค์ให้ผู้คนสัมผัสเห็นได้ชัดขึ้น เป็นการเมืองที่มุ่งสู่การบริหารประเทศที่มีเป้าหมายชัดเจน-เปิดกว้างให้ผู้คนและสังคมตรวจสอบได้ ฯลฯ
สายลมแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้เป็นภาพที่ผมสัมผัสเห็น แต่จะเป็นเช่นไรต่อไปก็ต้องตามดูกันว่าจริงตามที่สัมผัสเห็นวันนี้รึเปล่า? ผู้คนก็คงต้องเลือกเอาว่าในสายลมนี้จะตั้งกำแพงหรือกังหันเพื่อเผชิญกับสายลมแห่งการเปลี่ยนผ่านที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่นี้...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อุทธัจจะ .. ในวังวนแห่งการตื่นธรรม .. ยุคไอที!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระรัตนตรัย... สัทธายะ ตะระติ โอฆัง.. บุคคลข้ามโอฆะได้ด้วยศรัทธา.. โอฆะ หมายถึง ห้วงน้ำ ที่มีกระแสเชี่ยวกราก พัดพาสัตว์ทั้งหลายให้ตกไปในกระแสน้ำนั้น ยากจะข้ามฝั่งไปได้
’ห้าพันตารางกิโลเมตร‘ เท่ากับกี่ตารางนิ้ว ? เงื่อนตายของ MOU 2544 ?
MOU 2544 ไม่ใช่กรอบการเจรจาเพื่อหาข้อตกลง ”แบ่งผลประโยชน์(ปิโตรเลียม)“ เท่านั้น แต่หาข้อตกลง “แบ่งเขตแดน(ทะเล)“ ด้วย !
คำนูณ ผ่าปม 2 ได้ 3 เสีย ถ้าไม่ยกเลิก MOU 2544
ความเคลื่อนไหวและการแสดงความคิดเห็นเรื่อง MOU 2544 ที่เชื่อมโยงถึงเกาะกูด, การหาแหล่งพลังงานแห่งใหม่ในพื้นที่อ้างสิทธิไทย-กัมพูชา ที่มีการประเมินกันว่ามีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านบาท ยั
'แก้วสรร' แพร่บทความ 'นิติสงคราม' คืออะไร?
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “นิติสงคราม” คืออะไร???
อย่าได้ประมาทในธรรม.. “เมื่อใจตรง .. จะตรงใจ”..
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา.. เดินทางกลับมาจากอินเดีย เมื่อ ๗ พ.ย.๒๕๖๗.. ถึงกรุงเทพฯ ๘ พ.ย.๒๕๖๗ หลังจากไปร่วมประชุม “The First Asian Buddhist Summit 2024” ที่นิวเดลี งานนี้จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรมและท่องเที่ยวของรัฐบาลอินเดีย
ขึ้นต้นก็(เขียน)ผิดแล้ว ! ว่าด้วยเส้น “ละติดจูด” ที่ 11° “E” ในเอกสารแนบท้าย MOU 2544
เขียนและพูดเรื่อง MOU 2544 มาหลายปี หลากมุมมอง ล่าสุดช่วงนี้ก็จำแนกข้อดีข้อเสีย รวมทั้งส่วนที่จะได้และส่วนที่จะเสียหากเจรจาสำเร็จ ล้วนหนัก ๆ ทั้งนั้น .