สัปดาห์หน้าวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.66 ก็จะได้รู้กันแล้วว่า ผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร พรรคการเมืองใดจะได้เสียงส.ส.ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อมากที่สุด จนเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ผลการลงคะแนนเสียงครั้งนี้ จึงเป็นการชี้ชะตาอนาคตประเทศครั้งสำคัญอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อมาดูที่ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่แวดวงการเมืองเรียกกันว่า พรรคลุงตู่ ก็เป็นอีกหนึ่งพรรคการเมือง ที่ถูกจับตามองอย่างมากว่าจะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค รทสช.จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 หลังการเลือกตั้งหรือไม่?
หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทยและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทีมข่าวไทยโพสต์ถึงภาพรวมนโยบายเศรษฐกิจของพรรค รทสช. โดยเฉพาะ นโยบายหารายได้เข้าประเทศของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดย ม.ล.ชโยทิต ให้ทัศนะว่า ที่ผ่านมาเรามีแต่การขึ้นค่าใช้จ่าย แต่เราไม่เคยปรับเปลี่ยนตัวเราเองเลย ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมภาคการผลิต หรือภาคการเกษตร รัฐบาลชุดปัจจุบันก็มองว่าหากเราไม่เปลี่ยนประเทศ ในแปดปีที่ผ่านมาเราไปไม่ได้ การลงทุนใหม่ๆ ที่สำคัญในประเทศจะไม่มี มีแต่จะกู้มาใช้ กู้มาแจก ที่ไม่ได้ทำให้เกิดผลิตผลอะไรทั้งสิ้น ก็มองกันว่าประเทศไทยจะต้องปักธงหรือต้องทำให้เกิดการลงทุนขึ้น
ช่วงสี่ปีแรกของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ก่อนผมเข้ามา (รัฐบาล คสช.) ก็ตัดสินใจที่จะลงทุนเรื่องโครงสร้างขั้นพื้นฐาน เช่นถนนจากสี่พันกว่ากิโลเมตร ก็เป็นหมื่นกว่ากิโลเมตร มีรถไฟรางคู่เพิ่มขึ้นอีกกว่าสามเท่าในแง่ของตัวราง รวมถึงการพัฒนาเรื่องการขนส่งทางน้ำ การขนส่งทางอากาศ เรื่องเหล่านี้มีการลงทุนไปสามล้านล้านบาท ซึ่งที่บางคนมาบอกว่าทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นนั้น ต้องดูว่ามันไม่ใช่การกู้มาแจก แต่กู้มาลงทุน ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้ลงทุนแบบนี้มานานมากแล้ว
การที่ไทยจะเป็นประเทศเศรษฐกิจสมัยใหม่ ตามทันกระแสโลกได้ หากการคมนาคมของประเทศยังล้าหลัง ก็จะไม่สามารถตักตวงข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของเราได้ เพราะยังไงต่อไป ทุกคนก็ต้องขนของผ่านเราทั้งนั้น เพราะเราอยู่ตรงกลางของแหลมทอง ดังนั้นธุรกิจโลจิสติกส์เราต้องดี แต่หากไม่สร้างถนน ไม่สร้างระบบรางที่ดี แล้วทุกอย่างมันจะดีได้อย่างไร จะขนส่งสินค้าไปจุดต่างๆ ได้อย่างไร อย่างกรุงเทพฯ จะทำให้เป็นมหานครที่สมบูรณ์ ก็ต้องมีระบบขนส่งมวลชนที่สมบูรณ์ ก็เลยทำจากเดิมมีสองสาย (รถไฟฟ้า-รถไฟใต้ดิน) จนเวลานี้ทำไปหลายสีแล้ว ตรงนี้คือการปฏิรูปอย่างใหญ่หลวง ที่ทำให้ประเทศไทยก้าวต่อไปข้างหน้าได้โดยมี infrastructure ที่สมบูรณ์
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการส่งเสริมเรื่องของการทำให้มีโครงสร้างดิจิทัลที่สมบูรณ์ เช่นในช่วงโควิดที่คนไทย 40-50 ล้านคนเข้าถึงหมด จ่ายตรงให้เขาเลย ไม่ต้องผ่านคนกลางให้มันรั่วไหล แสดงให้เห็นว่า Digital Infrastructure ทุกคนเข้าถึงได้ สามารถเข้าถึงการช่วยเหลือต่างๆ จากภาครัฐช่วงโควิด รวมถึงการเข้าถึงองค์ความรู้ในการใช้ Digital Platform เพื่อจับจ่ายใช้สอยและค้าขาย โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง ที่จะเห็นได้ว่าปัจจุบันผู้ผลิตสามารถติดต่อโดยตรงกับผู้ซื้อได้เลย ทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลจะเป็นเสาหลักที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจฟื้นแล้ว
อย่าคิดจะแจกจนประเทศเสี่ยงเจ๊ง
ม.ล.ชโยทิต ยังได้ยกตัวอย่าง ผลงานความสำเร็จของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ในหลายด้าน เช่นเรื่อง อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี ว่าที่ผ่านมา อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของประเทศไทยเราผลิตได้สองล้านคัน เราเป็นเบอร์ 11 ของโลก แต่ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน แล้วจะทำอย่างไรให้เปลี่ยนผ่านการผลิตมาเป็นผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศไทย จึงมีการไปดึงเอานักลงทุนต่างประเทศ โดยมีการโฟกัสถึงอุตสาหกรรมอีวี และอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการท่องเที่ยว รวมถึงดิจิทัล เพื่อดูว่าจะทำให้สิ่งที่มันสมบูรณ์อยู่แล้ว จะทำให้มันสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นจะต้องทำอย่างไร ซึ่งเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าหรืออีวีก็เห็นเป็นประจักษ์แล้ว จากมาตรการที่เราออกมาเพื่อกระตุ้นให้คนไทยใช้อีวี ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นค่ายรถญี่ปุ่นที่มีอยู่แล้ว ค่ายยุโรป ค่ายสหรัฐอเมริกา โดยเราทำนโยบายดังกล่าวที่ได้มีการปรึกษากับเขา ซึ่งเขาบอกว่าหากมีอุปทานในประเทศ แล้วคนไทยอยากจะเปลี่ยนไปใช้รถอีวีกันจริงๆ เขาก็ไม่ไปไหน เขาจะมาลงทุนในประเทศไทย
ปีที่แล้วมีการบริโภคไป 35,000 คัน เป็นรองจีนเท่านั้น ปีนี้ 2566 สามเดือนแรกเราบริโภคไป 52,000 คัน ทำให้ได้เห็น 17 บริษัทมาเซ็นสัญญากับฝ่ายต่างๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพื่อจะรับการสนับสนุน อย่างจีนเข้ามาหกยี่ห้อ ผลิตตั้งแต่แบตเตอรี่จนถึงรถยนต์ไฟฟ้า ตอนนี้เกาหลีก็มานั่งคุยกันอยู่
สิ่งเหล่านี้คือการเริ่มต้นของความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่าน ภายในปี ค.ศ.2030 รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศไทย จะมีสัดส่วน 30 เปอร์เซ็นต์ของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทยทั้งหมดจากที่ผลิตกันปีละสองล้านคัน หรือประมาณหกแสนคันที่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะทำให้เราเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ยั่งยืนต่อไป ทันกับกระแสโลก
เรื่องอุตสาหกรรมรถอีวี ที่เราต้องเร่งทำเรื่องนี้เพราะทุกประเทศพยายามแย่งจากเราหมด โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่เขาบอกว่าประเทศเขามีแร่ธาตุที่จะมาทำแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้ แล้วมาเลเซียก็จะแย่ง เวียดนามก็อยากจะแย่ง หากเรานิ่งนอนใจเราก็จะแพ้เขา แต่วันนี้ไทยไม่แพ้ เราเห็นได้จากนิตยสารและสื่อต่างๆ ที่รายงานเกี่ยวกับเรื่องรถอีวี ต่างบอกว่าประเทศที่ทำเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือประเทศไทย เพราะสามารถเก็บผู้ผลิตทุกคนไว้ที่ประเทศไทยได้ แล้วก็ยังจะมีเพิ่มขึ้นอีก
ม.ล.ชโยทิต บอกว่า เนื่องจากรถอีวีเป็นอิเล็กทรอนิกส์เกือบหมด เช่นแผงควบคุมต่างๆ ที่ต้องใช้ไมโครชิปทั้งสิ้น จึงเป็นธุรกิจที่จะเป็นธุรกิจต่อเนื่องจากรถอีวี ฐานอิเล็กทรอนิกส์ในไทยเราใหญ่ก็จริง แต่เวลานี้โดนเวียดนาม challenge มาก เพราะได้เปรียบเรื่องค่าแรงที่เขาถูกกว่าไทย และสิ่งที่เขาทำ ก็เป็นระดับเบสิกที่เราทำอยู่ คือค่อนข้างจะปลายน้ำ ดังนั้นไทยเราต้องขยับขึ้นไปที่้ต้นน้ำ จึงมีการพยายามชักชวนให้ผู้ผลิตไมโครชิปมาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย ซึ่งเราก็ทำสำเร็จแล้ว แต่บางพรรคยังไม่รู้เลยต้องเริ่มตรงไหน ตอนนี้มีผู้ผลิตไมโครชิปมาส่งเสริมการผลิตจากสำนักงานบีโอไอ โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะเริ่มลงทุน ก็เป็นสเตปที่เราพยายามสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในระยะยาว อุตสาหกรรมอีวี-อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) ที่เป็นอุตสาหกรรมกลางน้ำและต้นน้ำ จะเพิ่มรายได้และทักษะให้ประชาชนคนไทยที่อยู่ใน sector เหล่านี้มหาศาล
ม.ล.ชโยทิต ย้ำว่า สิ่งที่ทำมาทั้งหมดเริ่มเห็นผล วันนี้เศรษฐกิจไทยจากปีที่แล้วที่โตสองเปอร์เซ็นต์กว่า แต่คนก็ยังมาวิจารณ์ว่าโตไม่เท่าเวียดนาม อินโดนีเซีย แต่อย่าลืมว่าสัดส่วนรายได้หลักของประเทศมาจากการท่องเที่ยว ที่หายไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์จากช่วงโควิด การที่หายไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจมันบวกมาได้ ก็แสดงว่าอย่างอื่นในระบบเศรษฐกิจมันโต ซึ่งวันนี้ท่องเที่ยวกลับมาแล้ว เราโตสี่เปอร์เซ็นต์ ถามว่าที่คุณชื่นชมกันหนักหนาเช่นเวียดนาม แต่วันนี้ไปดูปักหัวลงหมด เพราะว่าวันนี้เรามาโตในเรื่องของภาคบริการ 22 เปอร์เซ็นต์ ก็คือเรื่องท่องเที่ยวและจากการบริโภคภายในประเทศอีก 4.5 เปอร์เซ็นต์
สองตัวนี้คือจุดชี้วัดเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะหากคนไม่ฟื้นแล้วเขาจะไปบริโภคได้อย่างไร แล้วจำเป็นต้องไปกระตุ้นกันใหม่ กระตุ้นอย่างใหญ่หลวง แจกทั้งคนรวยคนจน ผมถามว่าจะไปกระตุ้นให้หัวใจระเบิดกันเลยหรืออย่างไร ในเมื่อมันโตแล้ว 4.5 เปอร์เซ็นต์ มันคุ้มไหมที่จะใช้งบห้าแสนกว่าล้านบาท เพื่อจะไปกระตุ้นให้ได้ 5 เปอร์เซ็นต์ ในเมื่อตอนนี้มันโต 4.5 เปอร์เซ็นต์ ที่ก็คืออีกแค่ 0.5 เท่านั้นเอง สู้เอางบไปใช้อย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ แล้วให้เราโตแบบยั่งยืนจะดีกว่าหรือไม่ โตแบบมีการปรับเปลี่ยนตัวเอง เติบโตแบบมีการเพิ่มผลผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของประเทศ
วันนี้ขอย้ำ เศรษฐกิจฟื้นแล้ว เราอย่ามาย่ำอยู่กับที่ เพื่อจะกลับไปกงเกวียนกำเกวียนเดิม ที่จะมานั่งแจก แจกจนเจ๊ง หรือไปส่งเสริมบริโภคนิยมให้คนไทยมีหนี้-ต้องเลิก เราต้องหารายได้ หามิติใหม่ให้คนไทยหารายได้เพิ่มขึ้นอย่างไรต่างหาก เพื่อให้เขาเยียวยาตัวเองได้ ส่วนคนที่เปราะบาง ภาครัฐก็เข้าไปช่วย แต่ช่วยอย่างมีสติ มีวินัย
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ก็มีอีกพวกหนึ่งที่ก็แจกเหมือนกัน แล้วมาบอกว่านโยบายของเขาไม่ต้องกู้เงิน แต่คุณก็ต้องขึ้นภาษี คือประเทศไม่ใช่หนังโรบินฮูด ที่จะไปเอาภาษีจากคนมีฐานะ ไปแจก คือความคิดไม่ได้ผิด แต่มันต้องทำให้เติบโตไปด้วยกัน ไม่ใช่ว่าคุณไปตัดตอนถอนราก ไปปล้นคนรวยมาให้คนเปราะบางคนจน คือตรงนี้นโยบายที่เห็นกัน ไม่กู้มาแจกก็ให้คนบริโภคนิยม หรือไม่ก็ขึ้นภาษีคนมีฐานะเอามาให้คนที่ด้อยกว่า ของพวกนี้อย่าลืมว่าคุณต้องได้รับความเห็นชอบจากเขาด้วย ที่คุณคิดมันไม่ผิดหรอก แต่ว่าวันนี้คนรวยเขาก็จ่ายภาษีมากกว่าคนจนอยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรให้เขาเต็มใจที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เพราะหากเขามีรายได้เพิ่ม เขาก็จ่ายมากขึ้น
วันนี้เราเห็นแล้วคิดแบบซ้ายสุดโต่งแบบนี้ ดูที่ฝรั่งเศสเป็นอย่างไร วันนี้เศรษฐีฝรั่งเศสออกนอกประเทศกันเป็นแถว เอาเงินไปอยู่ทั่วโลก คนหนี คุณอย่าลืมว่าคุณไปล่ามโซ่เขาไว้ไม่ได้ แล้วถ้าเกิดว่าคนที่มีฐานะออกจากประเทศกันไปหมด คุณจะทำยังไง เขาก็ขนเงินของเขาไปด้วยใช่ไหม วันนี้เสถียรภาพอย่างหนึ่งของประเทศไทยคือเรามีเงินออมในประเทศมากกว่าสินเชื่อ แต่ถ้าวันหนึ่งคนที่มีเงินออมบอกว่าอยู่ไม่ไหวแล้วประเทศนี้ เก็บไม่เยอะก็จริง แต่ท้ายที่สุดคุณให้ยาพิษคนแบบนี้ มันก็ต้องเก็บภาษีเยอะขึ้น เพราะก็จะมีเสียงเรียกร้องว่าให้เก็บจากคนรวยเพิ่มขึ้น ไปเก็บจากคนรวย แล้วหากเขาไม่อยู่แล้ว จนเงินออมในประเทศน้อยกว่าสินเชื่อที่มี เขาเอาออกไปอยู่ประเทศอื่นหมด เหมือนอินโดนีเซียที่เงินออมไปอยู่ที่สิงคโปร์ อยากให้เป็นแบบนั้นหรือ แล้วหากเป็นแบบนั้น ต่อไปสถาบันการเงินก็ต้องกู้เงินมา เพื่อเอาเงินมาปล่อยสินเชื่อ คุณอยากกลับไปเป็นเหมือนปี ค.ศ.1998 ที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ที่วันนั้นเงินออมในระบบเราไม่พอ สภาพคล่องในประเทศมีปัญหา อยากให้มันมีโอกาสจะเกิดขึ้นแบบนั้นหรือ แค่คุณคิดก็ผิดแล้วที่จะทำแบบนั้น เพราะทุกคนก็คิดได้ เมื่อคุณเดินลงเหวมันจะกลับขึ้นมายากมาก หากคุณเลือกจะให้แบบดังกล่าว ทำไมไม่มาช่วยทำให้ทุกคนแข็งแรง แข็งแกร่งขึ้น จริงอยู่จะเอาไปดูแลผู้สูงอายุ แต่ไม่ใช่ว่าผู้สูงอายุหลัง 60 ปีแล้วเขาจะเป็นง่อย แต่ควรคิดว่าจะทำอย่างไรให้เขามีอาชีพเสริม เป็นต้น
ถ้าคนไทยไม่ปรับไม่เปลี่ยน คุณก้าวพ้นความยากจนไม่ได้ แล้วถ้าจะแจกกันอย่างนี้จนประเทศเจ๊ง จะเก็บภาษีจนประเทศไม่มีคนที่มีต้นทุนอาศัยอยู่ประเทศเลย ถามว่าเจ๊งไหมครับประเทศ แต่ควรให้ต้องเติบโตไปด้วยกัน อันนี้ก็คือปรัชญาในความคิดของพรรครวมไทยสร้างชาติ
คอนเซปต์นโยบายเศรษฐกิจของรวมไทยสร้างชาติ คือทำให้มีการมาร่วมกันสร้างชาติให้แข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่ไปจิกเงินของใครมาแล้วเอาไปให้คนอื่น หรือกู้มาแจก สิ่งที่เยียวยาเราต้องเยียวยาเพื่อให้คนไทยแข็งแกร่งขึ้นและเราก็หวังว่ามันจะลดน้อยลง ไม่ใช่เพิ่มขึ้น
อย่างที่บอกเมื่อเศรษฐกิจฟื้นแล้ว เราเลยต้องทำต่อ เช่นเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน infrastructure ก็ต้องทำให้เสร็จ วันนี้เสร็จไป 95 เปอร์เซ็นต์แล้ว เหลืออีก 5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเรื่องของการต้องปักธง ผลิตรถอีวีให้ได้ 30 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี ค.ศ.2030 ก็ต้องทำให้เสร็จ เรื่องพลังงานสะอาดที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ก็ต้องทำให้ได้ทำให้เสร็จ
วันนี้ความเห็นของพรรครวมไทยสร้างชาติก็คือ เศรษฐกิจประเทศไทยฟื้นแล้ว เราต้องรีบกลับมาสู่สภาวะปกติ ไม่ใช่ภาวะกระตุ้น เพราะไม่ว่าจะเป็น IMF กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ World Bank ชมเราทั้งนั้น เอาประเทศไทยเป็นประเทศตัวอย่าง จนเขาจะมาประชุม World Bank ที่ประเทศไทย เพื่อจะยกให้ประเทศไทยเป็นประเทศตัวอย่างของโลก ว่าประเทศเราฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจมา ไม่ว่าจะเป็นโควิดหรือช่วงสงครามยูเครน ที่มีผลกระทบ เราไม่บุบสลาย และเราพร้อมจะเดินต่อไปข้างหน้า ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ หรือถอยหลังเข้าคลอง
ม.ล.ชโยทิต บอกว่า หากหลังเลือกตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติได้เข้าไปเป็นรัฐบาล ก็มีหลายเรื่องที่ต้องเร่งเข้าไปทำไปแก้ปัญหา เช่นเรื่อง หนี้ครัวเรือน ที่ต้องทำให้เสร็จ ทำให้ความไม่เป็นธรรมได้รับการดูแลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ไปปลดโซ่ตรวนตรงนั้นและทำเรื่อง infrastructure ต่างๆ ของประเทศ เรื่องพลังงาน อุตสาหกรรมอีวี Smart Electronic ต้องทำเรื่องเหล่านี้ให้เสร็จ เพราะวันนี้หลายประเทศจ้องจะแย่งจากประเทศไทย หากเราไม่มีเอกภาพ มัวแต่ทะเลาะกันอยู่ ฝ่ายหนึ่งบอกว่าเศรษฐกิจประเทศไทยยังนอนอยู่ ต้องกระตุ้นก่อน เราก็จะไปผิดทางได้ เพราะว่าความเป็นจริงเราฟื้นแล้ว รัฐบาลปักธงทุกอย่างไว้แล้ว ตอนนี้ต้องทำให้มันเดิน จะถอยหลังทำไม เรื่องเหล่านี้คือเรื่องเร่งด่วนทั้งสิ้น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม จะแย่งไทยเราอยู่ทุกวันในทุกวันนี้
หากเรายังแตกแยกกัน มาเสนอไอเดียสองขั้วสามขั้ว เราไปไม่ได้หรอก เราต้องการความมีเอกภาพ เราต้องการให้เลิกมาด้อยค่าประเทศ ประเทศไทยเรามีดี มันพิสูจน์ให้เห็นแล้ว เศรษฐกิจเราโตต่อเนื่องตลอด แต่คู่แข่งเราตก เราต้องมีความภาคภูมิใจในประเทศตัวเอง ไม่ใช่มาด้อยค่า ก็รู้ว่าอยากจะด่ารัฐบาล แต่ก็โทษคนทำสิ อย่ามาด้อยค่าประเทศ
มาคุยกันตรงๆ ผมจะได้ตอบ ก็นี่ไงเศรษฐกิจโตสี่เปอร์เซ็นต์ เติบโตแล้ว แต่อย่ามาด้อยค่าประเทศ
เพราะการด้อยค่าประเทศ หากวันหนึ่งคุณเข้ามาบริหาร คุณจะเอากลับขึ้นมาได้ไหม สิ่งที่คุุณเคยด้อยค่าไว้ โดยที่ตัวคุณก็ไม่มีแผนที่ชัดเจน ว่าคุณจะสร้างประเทศให้เติบโตแบบยั่งยืนและมั่นคงได้อย่างไร มีแต่แจก หรือเอาจากกลุ่มนี้มาให้อีกกลุ่มหนึ่ง มีแต่ความขัดแย้ง มีแต่ความบรรลัย มีแต่จะถอยหลังเข้าคลอง
รทสช.สร้างมิติใหม่ทางเศรษฐกิจ
ไม่ใช่ทำให้คนไทยเอาแต่คิดแบมือ
หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่า นโยบายของรวมไทยสร้างชาติ มีครอบคลุมหมด แต่เราช่วยประชาชนเพื่อให้เขายืนขึ้นได้ และให้เขาปรับเปลี่ยนตัวเองในมิติใหม่ของเศรษฐกิจ เพื่อให้เขาแข็งแรงจริงๆ ไม่ใช่สอนให้เขาเป็นง่อยหรือแบมือ วันนี้บางคนกำลังจะสอนอะไร ก็จะแจก แม้แต่กับเด็กอายุ 16 ปี จะสอนให้แบมือตั้งแต่อายุ 16 ปีเลยหรือ แล้วจะเอางบไปกระตุ้นอะไร ตอนนี้เศรษฐกิจประเทศฟื้นแล้ว แล้วไปแจกคนรวยทำไม เก็บงบในส่วนดังกล่าวไปช่วยคนที่ยากไร้ไม่ดีกว่าหรือ
อย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตอนนี้ช่วยอยู่ 14 ล้านคน แต่เงินที่บางคนจะนำไปแจก มันช่วยได้อีกหลายปีเลย แล้วมันมีเหตุผลที่ต้องแจกไหม ในเมื่อเศรษฐกิจประเทศไทยมันฟื้นแล้ว-ก็ไม่มี แล้วจะกระตุ้นอะไร ผมก็อยากบอกประชาชนว่าต้องคิดกัน ไม่มีใครไม่ชอบเงิน แต่ถ้าชอบเงินแล้ว ประเทศเจ๊ง เหมือนคุณมีห่านที่ไข่ออกมาเป็นทองคำ แทนที่จะค่อยๆ เก็บทีละใบ สร้างให้มันแข็งแกร่ง แต่กลับไปฆ่าห่านแล้วนำมากินกัน ก็แฮปปี้ได้แค่วันเดียว แต่ควรทำให้ห่านแข็งแรง จะได้ออกไข่เพิ่ม ให้คนไทยมั่งคั่งยั่งยืน นั่นคือข้อแตกต่างจากพรรคอื่น เราไม่ได้แจกกันแบบไปเอาจากกลุ่มหนึ่งมาแจกให้อีกกลุ่มหนึ่ง แต่เราเน้นการหารายได้ให้ประเทศ นำเงินมาช่วยเหลือเยียวยา ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากต่างประเทศหรือรายได้จากในประเทศ ที่จะเพิ่มขึ้นจากการที่ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำมาหากินของประชาชน นี้คือความเจริญเติบโตที่มีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ยั่งยืน เพราะวินัยการเงินการคลังของประเทศเป็นเรื่องสำคัญ
เราผ่านทุกอย่างมาได้ จนวันนี้เรามีฐานะทางการเงินการคลัง จนถูกนำมาหยิบยกเป็นตัวอย่างของโลก เราต้องเก็บรักษาตรงนี้ไว้ ต้องไม่กลับไปทำเรื่องเดิมๆ เปรียบเทียบ ที่เขาบอกเป็นคนไข้ ผมก็จะบอกว่าเราตื่นแล้ว แต่บางคนบอกจะขอฉีดมอร์ฟีนให้อีก ซึ่งมอร์ฟีนอาจจะดูดี แล้วสุดท้าย เป็นยังไง ก็จะกลับไปโคม่าใหม่อีกรอบ แล้วคราวนี้วิกฤตโลกต่างๆ ที่เกิดขึ้น จากภาคส่วนต่างๆ หากเราเดินผิดไปแค่ก้าวเดียว ทุกอย่างจะกลับมาทวีคูณยิ่งกว่านี้ ถ้าเราไม่มีเงินเยียวยา ไม่มีการเก็บเงินไว้ใช้อย่างมีวินัย แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร ตัวเองก็ไม่ปรับ จะแจกกันเข้าไป หากมีวิกฤตอีกจะแจกกันไหวไหม แจกกันจนเงินหมดคลัง จะเกิดอะไรขึ้นรู้ไหม ก็พิมพ์แบงก์ไง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็ออกมาบอกแล้ว ทุกอย่างที่มีร้อยบาท อาจจะเหลือแค่สิบบาทหรือหนึ่งบาท hyperinflation เคยเห็นหรือยัง ปีละสามพันเปอร์เซ็นต์ แบบเวเนซุเอลา อาร์เจนตินา ก็เพราะทำกันแบบนี้ ถ้าการแจกคือการแก้ปัญหา เขาก็คงรวยที่สุดในโลกไปแล้ว
ที่ผ่านมาเราแก้ปัญหาอย่างมีวินัย ไม่ให้มีผลกระทบกับสถานะการเงินการคลังของประเทศ เพราะนี้คือหม้อข้าวของคนไทยทุกคน และเราต้องรวมไทยกันสร้างชาติ ไม่ใช่เอาจากคนกลุ่มหนึ่งมาให้กับคนอีกกลุ่มหนึ่ง แบบนั้นไม่ใช่การสร้างชาติ แต่เป็นการฉีกชาติเป็นชิ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด บ้านใหญ่ รอเข้าวิน พท.กวาดเยอะ-พรรคส้ม เสี่ยงร่วง
ยิ่งใกล้ถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ. พบว่าการหาเสียงของผู้สมัครนายก อบจ.ทั้งที่ลงในนามพรรคการเมือง และไม่ได้ลงในนามพรรค
ร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม .. ณ จังหวัดนครปฐม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๗ โครงการร้อยใจธรรม สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ที่ดำเนินการโดย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยและวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน
ลึกสุดใจ. ”พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผบ.ตร.” ยึดกฎกติกา ไม่กลัวทุกอิทธิพล
ถึงตอนนี้ "พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ บิ๊กต่าย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" ได้ทำหน้าที่ ผบ.ตร.อย่างเป็นทางการมาร่วมสามเดือนเศษ ส่วนการทำงานต่อจากนี้ ในฐานะ"บิ๊กสีกากี เบอร์หนึ่ง-รั้วปทุมวัน"จะเป็นอย่างไร?
2 สว. “ชาญวิศว์-พิสิษฐ์” ปักธงพิทักษ์รธน. ปกป้องสถาบันฯ พวกเราเป็นอิสระ ไม่มีรับใบสั่ง
กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติเพื่อนำไปสู่การให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูยเพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย ที่ต้องการทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
ก้าวย่างออกจากปัญหา .. ของประเทศ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... คำกล่าวที่ว่า.. “เมื่อสังคมมนุษยชาติขาดศีลธรรม.. ย่อมพบภัยพิบัติ.. เสื่อมสูญสิ้นสลาย..” นับว่าเป็นสัจธรรมที่ควรน้อมนำมาพิจารณา.. เพื่อการตั้งอยู่ ดำรงอยู่ อย่างไม่ประมาท...
เหลียวหลังแลหน้า การเมืองไทย จาก 2567 สู่ 2568 ส่องจุดจบ ระบอบทักษิณภาค 2
รายการ"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด"สัมภาษณ์ นักวิชาการ-นักการเมือง สองคน เพื่อมา"เหลียวหลังการเมืองไทยปี 2567 และแลไปข้างหน้า