ก้าวไกล เรตติ้งพุ่ง-ปั่นหรือจริง? กับจุดยืน แก้ 112 และเป้าหมาย 100 ที่นั่งส.ส.!

ใกล้ถึงวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.เข้ามาเรื่อยๆ หลายพรรคการเมืองเร่งหาเสียงกันอย่างหนัก และอีกหนึ่งพรรคการเมืองที่ถูกจับตามองว่าจะได้ส.ส.หลังเลือกตั้งกี่คนและจะมีโอกาสได้เข้าไปเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลังการเลือกตั้งหรือไม่ นั่นก็คือ”พรรคก้าวไกล”ซึ่งตอนยุคเป็นพรรคอนาคตใหม่ ได้ส.ส.81 คนในการเลือกตั้งปี 2562 ส่วน การเลือกตั้งรอบนี้ 2566 พรรคก้าวไกลจะได้ส.ส.มากขึ้นหรือลดลง เป็นเรื่องที่คนทั้งประเทศเฝ้าติดตามกันมาก

“พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์-รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล”ที่แม้เลือกตั้งรอบนี้จะเว้นวรรคด้วยการไม่ลงเลือกตั้ง แต่เขาก็ยังเป็นคีย์แมนคนสำคัญของพรรคในการช่วยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งมุมมองของ”พิจารณ์” มองถึงกระแสนิยมและความสนใจของประชาชนต่อพรรคก้าวไกลเทียบกับพรรคอนาคตใหม่ เมื่อสี่ปีที่แล้วว่า การเลือกตั้งครั้งนี้กับการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ตอนนั้นเป็นพรรคอนาคตใหม่ มีทั้งสิ่งที่เหมือนกันและแตกต่างกัน โดยตอนเลือกตั้งปี 2562 ขณะนั้นยังเป็นพรรคการเมืองตั้งใหม่ ยังไม่มีผลงานด้านใด ตอนนั้นพรรคขายความเป็นพรรคการเมืองใหม่ และนโยบายที่พรรคออกแบบมาในระดับโครงสร้างของประเทศ รวมถึงการมีแกนนำพรรคคือธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และปิยบุตร แสงกนกกุล ที่ประชาชนชื่นชมให้ความไว้วางใจ จนเป็นกระแสของพรรคอนาคตใหม่

แต่ต่อมาเมื่อมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ กลายมาเป็นพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน ก็มีความแตกต่างจากตอนเลือกตั้งปี 2562 เพราะพรรคก้าวไกลมีประสบการณ์การทำงานมาตลอดสี่ปีที่ผ่านมาสำหรับการทำงานในสภาฯ ที่ก็มีเสียงชื่นชมว่าพรรคก้าวไกล เป็นฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดในสภาฯ สมัยที่ผ่านมา ทั้งเวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ การอภิปรายร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ก็เป็นเรื่องของ"นโยบายพรรค"ที่ต้องบอกว่า นโยบายพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีความลึกกว่า กว้างกว่า ตอนยุคพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลมีนโยบายถึง 312 นโยบาย ทั้งนโยบายที่เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้าง และนโยบายที่เป็นประเด็นรายย่อยลงมา จึงเป็นนโยบายที่เข้าถึงคนทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพ

และเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง หลายแห่งก็มีการจัดเวทีดีเบต มีการสัมภาษณ์ต่างๆ ก็ทำให้คนเห็นได้ถึงการที่พรรคก้าวไกลมีแกนนำพรรค และบุคคต่างๆ ที่สามารถขึ้นเวทีดีเบตประชันวิสัยทัศน์ได้อย่างหลากหลายกว่าตอนยุคเป็นพรรคอนาคตใหม่มาก มีทั้งอดีตส.ส. -ว่าที่ผู้สมัครส.ส. และนักวิชาการที่ทำงานอยู่เบื้องหลังเป็นทีม Think Tank ของพรรคก้าวไกล เมื่อมีความหลากหลายตรงนี้ มันก็เข้าถึงกลุ่มโหวตเตอร์ได้มากขึ้นกว่ายุคเป็นพรรคอนาคตใหม่ และยิ่งเข้าสู่วันเลือกตั้งมากขึ้น ประชาชนที่เดิมอาจไม่ได้สนใจการเมืองเท่าใดนัก แต่พอเข้าสู่การเลือกตั้ง ก็หันมาสนใจการเมืองมากขึ้น ก็ทำให้ได้รับฟังและรู้จักพรรคก้าวไกลมากขึ้น พูดง่ายๆ ยิ่งมีเวทีดีเบต เวทีประชันวิสัยทัศน์มากเท่าใด ก็เชื่อว่ากระแสของก้าวไกล ความนิยมในตัวพรรคก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงผลงานในอดีตของพรรคก้าวไกลก่อนหน้านี้ ที่ถูกนำมารีรันอีกครั้งจนนำมาซึ่งการถูกพูดถึง สำหรับกระแสพรรคก้าวไกลที่พุ่งสูงขึ้นตอนนี้ จริงๆ ไม่ได้ประหลาดใจสักเท่าใด เพราะเราก็คาดหวังการที่จะไล่กวดขึ้นมาอยู่แล้ว เพราะเมื่อวันเลือกตั้งยิ่งใกล้เข้ามา เราก็คาดหวังไว้อยู่แล้วว่าความนิยมในตัวพรรคก้าวไกลก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมา

"พิจารณ์"กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ จากการที่ได้ลงพื้นที่หาเสียง ทำให้ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับประชาชน ทำให้สัมผัสได้ว่า ความนิยมในตัวพรรคมีมากขึ้นเรื่อยๆ ที่พบว่ามีอยู่สามเหตุผล คือ

1.ความชัดเจนและความตรงไปตรงมาทางการเมืองของพรรคก้าวไกล อย่างเช่นการที่หัวหน้าพรรค พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พูดชัดว่าจะไม่จับมือกับลุงตู่ ลุงป้อม มีลุงไม่มีเรา ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า ก้าวไกลชัดเจนตรงไปตรงมาในการที่บอกกับประชาชนก่อนเข้าคูหาเลือกตั้ง

2.นโยบายพรรค โดยประชาชนบอกว่านโยบายของก้าวไกลตอบโจทย์ เช่นนโยบายเรื่องสวัสดิการต่างๆ ที่พรรคมีการอธิบายเรื่องที่มาของงบประมาณที่จะนำมาใช้ได้อย่างชัดเจน แม้จะใช้งบค่อนข้างสูง 650,000 ล้านบาท แต่พรรคก็อธิบายชัดเจนว่างบดังกล่าวจะมีที่มาจากแหล่งใด จะไม่ใช่งบประมาณที่จะไปพึ่งพิงหรือสร้างภาระกับงบประมาณรายจ่ายที่มีอยู่เดิม แต่จะมาจากการรีดไขมัน รวมถึงการขยายฐานภาษีเช่นภาษีมั่งคั่ง  เพื่อทำให้รัฐมีรายได้มากขึ้น และทำให้การจัดสรรงบประมาณมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อนำมาใช้กับงบที่จะนำมาจัดสรรเพื่อทำเรื่องสวัสดิการต่างๆ ก็ทำให้โหวตเตอร์ที่สนใจเรื่องนโยบาย ก็จะชื่นชอบนโยบายพรรคก้าวไกล

3.เพราะพรรคก้าวไกล ยังไม่เคยเป็นรัฐบาล พรรคยังไม่เคยเข้าไปมีอำนาจในการบริหาร สี่ปีที่ผ่านมา ก็พิสูจน์ผลงานให้เห็นแล้วในฐานะฝ่ายค้าน ทำให้ประชาชน ก็เลยอยากลอง อยากเปลี่ยนอะไรใหม่ๆ อย่างหลายคน ก็บอกว่า เลือกแต่คนเดิมๆ ก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง ลองเลือกอะไรใหม่ๆ บ้างดีกว่า

ทั้งหมดคือสามเหตุผลที่ เราลงพื้นที่และมีฟีดแบคมาจากประชาชนถึงเหตุผลที่เขาจะเลือกพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งนี้

สุดมั่น ปาร์ตี้ลิสต์ 30

คว้าแชมป์ส.ส.เขตกทม.

สำหรับการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายของพรรคก้าวไกล “พิจารณ์”เปิดเผยว่า จะมีแคมเปญ ที่เป็นลักษณะขบวนคาราวาน ที่จะมาจากแต่ละภาคของประเทศแล้วเดินหน้าเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ซึ่งแคมเปญดังกล่าวจะเริ่มต้นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ โดยแกนนำของพรรคก้าวไกล จะไปอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ เช่นภาคเหนือ อีสาน ภาคใต้ ภาคตะวันออก แล้วก็มุ่งเข้าสู่กรุงเทพ เพื่อพบปะประชาชนผ่านการปราศรัยแบบดาวกระจายจากทุกภูมิภาค

ส่วนการปราศรัยใหญ่นัดสุดท้ายของพรรคก้าวไกล จะจัดวันศุกร์ที่ 12 พ.ค.ที่สนามกีฬาเวสน์ 1 ไทย-ญี่่ปุ่น ดินแดง โดยเหตุที่เราเลือกที่นี่เพราะเป็นการหวนคืนและรำลึกถึงการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายของพรรคอนาคตใหม่ ตอนเลือกตั้งปี 2562 เราเลยอยากให้ประชาชนที่เคยสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ได้มารำลึกบรรยากาศแบบวันนั้นอีกครั้งหนึ่ง โดยสถานที่ดังกล่าว จุคนได้ประมาณ 6,000-7,000 คน  ซึ่งตอนนี้ ก็เริ่มไม่มั่นใจว่าจะจุคนได้พอหรือไม่ ก็อาจมีการปรับสถานที่เช่นการให้มีจอปราศรัยด้านนอกเพื่อรองรับประชาชนได้มากขึ้น

สำหรับความคาดหวังว่าพรรคก้าวไกลจะได้ส.ส.หลังเลือกตั้งกี่คนนั้น พรรคก้าวไกลก็คาดหวังว่าจะทำให้ได้มากกว่าเดิม ตอนช่วงเป็นพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้ส.ส.หลังเลือกตั้งปี 2562 รวม 81 เสียง โดยความ

คาดหวังก็คือ เกิน 100 ที่นั่ง โดยส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ถึงตอนนี้ คิดว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาสจะได้เกิน 30 ที่นั่ง

สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคตั้งเป้าว่าจะได้ส.ส.เขต กทม.มาเป็นอันดับหนึ่ง ได้ส.ส.เกินครึ่งหนึ่งของจำนวนส.ส.กทม.ทั้งหมดที่มีอยู่33 ที่นั่ง นอกจากนี้ พรรคมั่นใจว่าจะมีส.ส.เขต ในทุกภูมิภาค

จากเดิมที่ตอนเลือกตั้งปี 2562 พรรคไม่ได้ส.ส.เขตในภาคใต้เลยสักคน แต่รอบนี้ คิดว่าพรรคมีโอกาสจะได้ส.ส.เขตภาคใต้ และจะได้ครบทุกภาค โดยส.ส.เขต ก็จะไม่ได้มีแค่เฉพาะในพื้นที่เขต 1 อำเภอเมืองของจังหวัด เท่านั้น เพราะอย่างตัวผู้สมัครส.ส.เขต ของก้าวไกล ไม่ได้ทำการเมืองแบบระบบหัวคะแนน มีบ้านใหญ่ เราไม่ได้หาเสียงแบบนั้น ทำให้สิ่งที่ผู้สมัครพรรคก้าวไกลต้องทำ ก็คือ เดินให้เยอะที่สุด หาเสียงให้มากที่สุด และเมื่อประชาชนรู้สึกว่า เขามีความเป็นเจ้าของพรรคก้าวไกลได้ มันเลยเกิดหัวคะแนนโดยธรรมชาติขึ้นมา

-ผลสำรวจโพลหลายสำนัก พบว่าจะมีกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคการเมืองไหนร่วมๆ สามสิบเปอร์เซ็นต์ เสียงของคนกลุ่มนี้ หากออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมาก จะมีผลอย่างไรหรือไม่ ถึงขั้นทำให้พลิก ผลการเลือกตั้งได้ไหม?

ผมเชื่อว่า คนที่ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งรอบนี้น่าจะมากกว่าตอนปี 2562 ซึ่งการทำงานของอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านในรอบสี่ปีที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นความหวังให้กับประชาชน ซึ่งผมมองว่ากลุ่มดังกล่าวจะมาออกเสียงแล้วทำให้ขั้วพรรคฝ่ายค้านเดิมชนะเลือกตั้ง ซึ่งถึงตอนนี้เชื่อว่าอดีตพรรคฝ่ายค้านเดิมรวมเสียงกันแล้วจะได้เกิน 300 เสียง

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยในช่วงนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง ก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ก็เหมือนกับลงไปเตะฟุตบอลก็ต้องมีเสียบสไลด์กัน ต้องมีเบียดมีชนกัน เราคือคู่แข่งทางการเมืองกัน เราไม่ใช่พรรคการเมืองเดียวกัน แต่เพื่อไทยกับก้าวไกลไม่ใช่ศัตรูกัน การแข่งขันกันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ก็ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์จากตรงนั้น และคิดว่าผลการเลือกตั้งที่จะออกมา จะไม่มีตาอยู่ เพราะโมเมนตรัมมาทางอดีตพรรคฝ่ายค้านเยอะ ทำให้เชื่อว่าฝั่งนี้จะได้เกินสามร้อยที่นั่งแน่นอน และเมื่อสภาล่างที่รวมเสียงกันแล้วเกินครึ่งหนึ่ง 250 เสียง จับมือกันให้แน่นๆ ถ้าสมาชิกวุฒิสภาไม่เลือกแคนดิเดตนายกฯตามเจตจำนงของประชาชน โดยไปโหวตสวน จนไปได้รัฐบาลเสียงข้างน้อยมา สุดท้าย ก็ทำงานไม่ได้ และหากสว.ทำให้ที่ประชุมล่มจนโหวตเลือกนายกฯไม่ได้ ประชาชนทั้งประเทศ ก็คงตั้งคำถามว่า มีสว.ไว้ทำไม มันก็จะชัดมากขึ้น ถ้าเป็นแบบนั้น มันจะเป็นเดิมพันที่สูงมาก

-ที่เคยบอกว่า พรรคก้าวไกลจะเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะอะไรถึงคิดแบบนั้น อะไรคือปัจจัย?

ด้วยความที่ก้าวไกลมีความชัดเจนว่า เอาทหารออกจากการเมือง และต้องการปิดสวิทช์ 3 ป. ไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะมีส.ส.หลังการเลือกตั้งกี่เสียง และความที่ก้าวไกลพูดตรงนี้ชัดที่สุด ผนวกกับการมีความนิยมที่ไล่กวดทุกพรรค มีกระแสขึ้นมาเรื่อยๆ ตรงนี้ก็จะทำให้ จำนวนส.ส.ก้าวไกลที่จะได้มาจากการเลือกตั้ง ตัวลุงตู่ ลุงป้อม จะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งหากก้าวไกลมีจำนวนส.ส.ที่มากกว่าหลายพรรคการเมืองในขั้วของฝ่ายรัฐบาล ก็เรียกว่าเป็นการปิดประตู พรรคการเมืองที่อาจจะเรียกว่า ทหารจำแลง หรือเป็นนั่งร้านให้กับเผด็จการ จะไม่สามารถกลับสู่อำนาจได้อีก

-คิดว่าอาจจะมีพรรคการเมืองที่เคยเป็นฝ่ายค้านมาด้วยกันรอบที่แล้ว จะชิ่งไปจับมือกับพรรคฝ่ายรัฐบาลตอนนี้เพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันหรือไม่?

อันนี้มันก็อยู่ที่ดีล หากถามว่ามันจะมีดีลลับอะไรกันหรือไม่ ผมก็คงไม่ไปพาดพิงถึงพรรคการเมืองอื่นว่ามันจะมีหรือไม่อย่างไร แต่หากพูดถึงก้าวไกล เราก็มีจุดยืนที่ชัด ดังนั้นผลการเลือกตั้งที่จะออกมา จำนวนส.ส.ของพรรคก้าวไกล ก็จะเป็นตัวชี้ขาด

-เกรงหรือไม่ว่าจะมีประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จะมีงูเห่าสีส้ม ในพรรคก้าวไกล เกิดขึ้นอีกครั้ง?

เราคัดเลือกผู้ลงสมัครส.ส.ของก้าวไกลรอบนี้ โดยใช้เวลาพิจารณาค่อนข้างนานไม่เหมือนตอนช่วงเป็นพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งตอนนั้นมีเวลาน้อยมาก รอบนี้เรามีเวลามาก และได้มีการทำงานร่วมกันกับผู้สมัครส.ส. แต่แน่นอนละ มันก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์ เราได้มีโอกาสทำงานร่วมกัน ก็เชื่อมั่นว่าด้วยอุดมการณ์ที่เราคัดสรรมาแบบนี้ เรื่องงูเห่าไม่มีแน่นอน

ลดเพดานแก้ 112

ไม่จำเป็นต้องเป็นนโยบายรัฐบาล

-เรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ก็มีการมองกันว่าหลายพรรคการเมือง ก็อยากดึงหรือมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล แต่การที่ก้าวไกลมีนโยบายแก้มาตรา 112 ตรงนี้มันเป็นล็อกทางการเมืองสำหรับพรรคหรือไม่?

เรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ก็เป็นหนึ่งในหลายนโยบายของก้าวไกล คิดว่าก็ต้องพูดคุยกัน ว่าแต่ละพรรคการเมือง จะยอมรับอะไรกันได้มากน้อยแค่ไหน แต่หากดูการให้ความเห็นผ่านเวทีดีเบตอะไรต่างๆ ก็มีบางพรรคการเมืองที่ไม่ได้ถึงกับปฏิเสธนโยบายนี้เลย แต่แน่นอนว่าขั้วอนุรักษ์นิยมหรือขั้วพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลตอนนี้ เขาไม่เอาแน่ แต่ขั้วฝ่ายก้าวหน้าก็ดูจะพูดคุยกันได้ ซึ่งก็ต้องดูหลังเลือกตั้งว่าจะเป็นอย่างไร แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันคงจะไม่ใช่เป็นเงื่อนไขหลักที่จะบอกว่า นโยบายนี้ถ้าไม่รับกัน แล้วพรรคก้าวไกล จะร่วมมือเป็นรัฐบาลร่วมกันไม่ได้ ก็คงไม่ใช่ คงต้องไปดูในภาพใหญ่ว่า จะมีนโยบายอะไรบ้างที่เป็นไปได้ แต่ผมก็เชื่อว่า เพื่อนๆ ที่จะเข้าไปเป็นส.ส.ของพรรคก้าวไกลหลังเลือกตั้ง ในฐานะอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ การแก้ไขกฎหมาย ก็คงเกิดขึ้นแน่นอน การพิจารณาแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ในฐานะการเป็นส.ส.ก็คงเดินหน้าต่อไป

แต่ในรูปแบบว่า จะร่วมรัฐบาล แล้วต้องเป็นนโยบาย ที่จะต้องนำขึ้นมาให้ยอมรับกันว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลหรือไม่ ผมคิดว่ามันคงไม่ต้องเป็นแบบนั้น ไม่ต้องถึงขนาดนั้น อยู่ที่การพูดคุยกันมากกว่า

-หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลก่อนจะเข้าบริหารประเทศ ต้องแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา หากแถลงกันหลายชั่วโมง แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องแก้ 112 แบบนี้ แฟนคลับ กองเชียร์พรรคก้าวไกลจะไม่ผิดหวังหรือ?

ผมก็คิดว่า ก็อยู่ที่จำนวนส.ส.แล้ว อยู่ที่อำนาจในการที่จะต่อรองกับพรรคอื่นๆ แต่ในท้ายที่สุด ก็อยากยืนยันว่า แม้เรื่องนี้จะไม่อยู่ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่จะมีก้าวไกลเข้าไปร่วม แต่ว่า การผลักดันให้มีการแก้ไข 112 ตัวร่างพรบ.ฯ และรวมถึงกฎหมายอื่นๆ อีกห้าฉบับ ที่เกี่ยวกับเรื่องสิทธิในการแสดงออก สิทธิมนุษยชน พรรคก้าวไกล ก็จะผลักดันอยู่แล้วผ่านส.ส.ก้าวไกลในสภาฯ ในการเสนอร่างกฎหมาย

-แต่ยืนยันว่าสามเรื่องที่พรรคก้าวไกลผลักดันมาตลอดคือ ปฏิรูปกองทัพ สมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า ต้องถูกบรรจุเป็นนโยบายรัฐบาล หากก้าวไกลเข้าไปร่วมเป็นพรรครัฐบาล?

อันนี้คือการเรียกร้องที่ต่ำมากแล้ว อย่าง เพื่อไทย ก็พูดเรื่องการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ที่เป็นองค์ประกอบหนึ่งในภาพใหญ่การปฏิรูปกองทัพ เพราะก้าวไกลที่พูดเรื่องปฏิรูปกองทัพ คือการเอาทหารออกจากการเมือง เช่น การแก้ไขพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ฯ-การออกใบแดงให้ทหารระดับนายพล ไม่สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ภายในเจ็ดปีหลังเกษียณ -การลดขนาดกองทัพด้วยการลดจำนวนนายพล ส่วนการลดขนาดกองทัพด้วยการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ลดจำนวนทหารที่จะต้องเข้าไปประจำการในแต่ละกองบัญชาการ ก็เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ พบว่าหลายพรรคการเมืองก็มีการพูด โดยเรื่องการปฏิรูปกองทัพ ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นนโยบายพรรคเช่น การทำให้ธุรกิจของกองทัพมีความโปร่งใส การนำธุรกิจต่างๆ ของกองทัพที่ไม่เคยตรวจสอบได้เลย ก็ให้นำขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ แล้วนำรายได้เข้าสู่แผ่นดิน ส่วนของกองทัพเองก็จัดสรรตามวงเงินงบประมาณไป

มีบางคนมาว่าพรรคก้าวไกล จะมายกเลิกทหาร มาบอกว่ามีความเกลียดชังทหาร จะมาแก้แค้นเอาคืน ซึ่งเอาเข้าจริง พรรคก้าวไกลคือพรรคการเมืองเดียวในสนามเลือกตั้งนี้ ที่เสนอนโยบายสวัสดิการให้ทหาร ที่อยู่ในชุดนโยบายปฏิรูปกองทัพ พูดง่ายๆ ทหาร โดยเฉพาะทหารชั้นผู้น้อย ถ้าเลือกเรา แล้วก้าวไกลเข้าไปเป็นรัฐบาล เข้าไปมีอำนาจ สวัสดิการของพี่น้องทหาร ดีขึ้นแน่นอน จะมีรายได้ที่เหมาะสม สวัสดิการที่ดีขึ้น หรือนโยบายให้มีผู้ตรวจการกองทัพ เพื่อทำให้ระบบการร้องทุกข์ต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้นและคุ้มครองผู้ร้องได้

ส่วนที่ถามว่าหากก้าวไกลจะร่วมรัฐบาล นโยบายต่างๆ อย่างปฏิรูปกองทัพ -การสมรสเท่าเทียม-สุราก้าวหน้า เรื่องเหล่านี้เป็นพื้นฐานมากๆ และยังมีเรื่องใหญ่ๆ ที่ก้าวไกลอยากจะผลักดันให้เกิดขึ้นเช่นการกระจายอำนาจ ซึ่งหากก้าวไกลมีจำนวนส.ส.ที่มากพอ ก็จะเจรจาผลักดันนโยบายของพรรคได้มากขึ้น

-นโยบายของก้าวไกลอย่างเรื่องปฏิรูปกองทัพที่ประกาศออกมา ถ้ามองไปถึงหลังเลือกตั้ง หากก้าวไกลไปเป็นรัฐบาล จะไม่เกิดแรงต้านภายในเกิดขึ้นหรือ?

มีสื่อมวลชน ตั้งคำถามแบบนี้กับผมเยอะมาก ซึ่งผมก็จะตั้งคำถามกลับไปว่า ตกลงเราอยู่ในประเทศแบบไหน การที่นักการเมืองซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ไม่สามารถบริหารประเทศได้หรือ และจะไม่สามารถกำหนดนโยบายที่สุดท้ายแล้ว จะนำไปสู่ผลดีในภาพรวมของคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งทุกการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องมีคนที่ไม่ยอมรับ แต่ว่าในฐานะที่เราได้รับการเลือกตั้งได้รับความไว้วางใจจากประชาชน เราต้องทำได้ เราต้องทำ เราต้องเริ่มนับหนึ่งที่จะทำ

สำหรับนโยบายปฏิรูปกองทัพ ที่พรรคก้าวไกล เสนอรายละเอียดนโยบายดังกล่าวต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าใช้งบประมาณ 12,000 ล้านบาทนั้น งบส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการเพิ่มสวัสดิการให้กับทหาร อย่างหากพรรคก้าวไกลเข้าไปเป็นรัฐบาล ต่อไปก็จะไม่เรียกว่าทหารเกณฑ์ เพราะไม่ต้องเกณฑ์แล้ว ก็เป็นทหารกองประจำการที่จะผลัดเปลี่ยนกันเข้ามา จะให้มีการยกระดับคุณภาพสวัสดิการของเขา ที่ส่วนใหญ่ก็คือทหารชั้นผู้น้อย งบในส่วนนี้ 12,000 ล้านบาท ก็จะเป็นงบที่นำมาใช้เพื่อสร้างสวัสดิการให้กับทหารชั้นผู้น้อยได้มีรายได้ ค่าตอบแทน สวัสดิการที่ดีขึ้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด บ้านใหญ่ รอเข้าวิน พท.กวาดเยอะ-พรรคส้ม เสี่ยงร่วง

ยิ่งใกล้ถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ. พบว่าการหาเสียงของผู้สมัครนายก อบจ.ทั้งที่ลงในนามพรรคการเมือง และไม่ได้ลงในนามพรรค

ร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม .. ณ จังหวัดนครปฐม!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๗ โครงการร้อยใจธรรม สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ที่ดำเนินการโดย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยและวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน

ลึกสุดใจ. ”พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผบ.ตร.” ยึดกฎกติกา ไม่กลัวทุกอิทธิพล

ถึงตอนนี้ "พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ บิ๊กต่าย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" ได้ทำหน้าที่ ผบ.ตร.อย่างเป็นทางการมาร่วมสามเดือนเศษ ส่วนการทำงานต่อจากนี้ ในฐานะ"บิ๊กสีกากี เบอร์หนึ่ง-รั้วปทุมวัน"จะเป็นอย่างไร?

2 สว. “ชาญวิศว์-พิสิษฐ์” ปักธงพิทักษ์รธน. ปกป้องสถาบันฯ พวกเราเป็นอิสระ ไม่มีรับใบสั่ง

กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติเพื่อนำไปสู่การให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูยเพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย ที่ต้องการทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น

ก้าวย่างออกจากปัญหา .. ของประเทศ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... คำกล่าวที่ว่า.. “เมื่อสังคมมนุษยชาติขาดศีลธรรม.. ย่อมพบภัยพิบัติ.. เสื่อมสูญสิ้นสลาย..” นับว่าเป็นสัจธรรมที่ควรน้อมนำมาพิจารณา.. เพื่อการตั้งอยู่ ดำรงอยู่ อย่างไม่ประมาท...

เหลียวหลังแลหน้า การเมืองไทย จาก 2567 สู่ 2568 ส่องจุดจบ ระบอบทักษิณภาค 2

รายการ"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด"สัมภาษณ์ นักวิชาการ-นักการเมือง สองคน เพื่อมา"เหลียวหลังการเมืองไทยปี 2567 และแลไปข้างหน้า