ฐากร-เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ผมเป็นนักบริหารความจริง กับยุทธศาสตร์”คนไทยต้องชนะ”

“พรรคไทยสร้างไทย”ภายใต้การนำของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นอีกหนึ่งพรรคการเมือง ที่น่าสนใจสำหรับศึกเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะถือได้ว่าเป็นพรรคที่มีความพร้อมทั้งเรื่องตัวบุคคลเช่นผู้สมัครส.ส.ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ รวมถึงนโยบายพรรคที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง

"ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย-ที่เข้าสู่ถนนการเมืองครั้งแรกกับพรรคไทยสร้างไทย หลังก่อนหน้านี้ หลายคนรู้จักเขาดีในฐานะอดีตเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)”

ซึ่ง “ฐากร” เล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ทำงานกับคุณหญิงสุดารัตน์ ที่พรรคไทยสร้างไทยมาร่วม 7-8 เดือน ก่อนที่จะเริ่มเข้ามาทำงานที่พรรคไทยสร้างไทยอย่างเต็มตัวในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยบางคนอาจสงสัย เหตุใดเปิดตัวการเมืองครั้งแรกกับพรรคไทยสร้างไทยด้วยการเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ พรรคไทยสร้างไทย  จากนั้นไม่นาน ก็ขยับมาเป็นเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งในความเป็นจริงทำงานกับพรรคไทยสร้างไทยมาก่อนหน้านี้หลายเดือน

ก่อนหน้าที่จะไปคุยเรื่องนโยบายพรรคไทยสร้างไทย รวมถึงสาเหตุที่ตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมืองกับพรรคไทยสร้างไทย เราถามถึงว่าในฐานะเลขาธิการพรรค ประเมินหรือตั้งเป้าว่า พรรคจะได้ส.ส.หลังเลือกตั้งกี่ที่นั่ง””ฐากร-เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย”บอกว่าในฐานะดูแลภาพใหญ่ อย่างที่ภาคอีสานที่มีส.ส.ร่วมหนึ่งร้อยสามสิบกว่าคน เท่าที่เห็น มีประมาณ 3-4 พรรคการเมืองที่แข่งขันกันอยู่ ที่ประกอบด้วย เพื่อไทย ภูมิใจไทย ก้าวไกล ไทยสร้างไทย ที่สู้กันอยู่ ซึ่งเราคิดว่าผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงยี่สิบกว่าล้านคนในภาคอีสาน เท่าที่พรรคประเมิน มองว่าไทยสร้างไทย ก็ไม่ด้อยกว่าพรรคอื่น เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

..หากโหวตเตอร์ที่จะมาออกเสียง หากมาโหวตเลือกพรรคสัก 20-30 เปอร์เซ็นต์ ก็จะได้ประมาณ 4-5 ล้านเสียง หากดูตามกระแสของพรรคที่ออกมาตอนนี้ ทั้งที่กรุงเทพมหานคร ภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคใต้บางส่วน เราคิดว่าคะแนนของพรรคที่จะออกมา ไม่น่าจะต่ำกว่า 3-4 ล้านคะแนน

ในส่วนของส.ส.เขต ไทยสร้างไทย ส่งลงสมัคร 331 เขตเลือกตั้ง จาก 400 เขต พรรคไม่ได้ส่งทั้งหมด โดยเป้าหมายของเราก็มีหลายจังหวัด ที่เราคิดว่าขณะนี้ผู้สมัครของพรรคจะมาอันดับที่หนึ่ง ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับกระแสในช่วงปลายของการหาเสียงเลือกตั้งด้วย เช่นบางเขตเลือกตั้ง ผู้สมัครของเราตอนนี้อาจอยู่ลำดับที่สอง แต่ไม่แน่วันสุดท้าย วันเลือกตั้ง ก็อาจขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มีอยู่เยอะมากในพรรค มีร่วม 40-50 คน ที่เรียกว่าสูสีกัน ซึ่งพรรคทำโพลมาตลอด เราสู้เต็มที่ พยายามทำให้ดีที่สุด

เท่าที่พรรคประเมินในระบบเขต จากที่ส่งไป 331 คน ผู้สมัครของพรรคที่จะเข้ามาอันดับหนึ่งหรือไม่ก็อันดับสอง แบบมีลุ้นหนึ่งสอง หนึ่งสอง  ไม่ต่ำกว่า 40 เขต ที่ก็เยอะพอสมควร แต่อีกหลายเขต ในช่วงเวลาต่อจากนี้ เขาอาจทำคะแนนของเขาให้มันสูงขึ้นมาอีกก็ได้ ตอนนี้คงยังบอกอะไรไม่ได้ ผู้สมัครก็ต้องรณรงค์หาเสียงกันอย่างเต็มที่

ไม่อยากจะคาดหวัง แล้วบอกว่า จะได้ 30-35 ที่นั่ง หรือ 40 เสียง เพราะหากพูดจะมาบอกว่าเราโม้ แต่กระแสพรรคไทยสร้างไทยวันนี้ พบว่ากระแสพรรค ดีวันดีคืน เราคิดว่าหากโหวตเตอร์ลงคะแนนให้เราสัก 3-4 ล้านเสียง ซึ่งถ้าได้ 4 ล้านคะแนน ก็ทำให้พรรคไทยสร้างไทย ก็อาจจะได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็นเลขสองหลัก 

-พื้นที่เลือกตั้งที่ภาคอีสานหรือกรุงเทพฯ ไทยสร้างไทยจะฝ่ากระแสแลนด์สไลด์ของเพื่อไทยได้หรือไม่?

เราสู้เต็มที่ อย่างภาคอีสาน หากจะแลนด์สไลด์ทั้งหมด ก็คงไม่ใช่ เพราะฐานคะแนนของกลุ่มคนที่หาเสียงตอนนี้ มีอยู่สองกลุ่ม โดยกลุ่มแรกก็คือ กลุ่มขั้วอำนาจเก่า อีกกลุ่มหนึ่งก็คือ กลุ่มประชาธิปไตย

ซึ่งเท่าที่ผมประเมิน กลุ่มในขั้วอำนาจเก่า น่าจะมีฐานคะแนนอยู่ประมาณสัก 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลุ่มประชาธิปไตยน่าจะมีสัก 60-70 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น กลุ่มขั้วอำนาจเก่า ไม่ว่าจะเป็นพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์ เขาก็หาเสียงในกลุ่มของเขา เพราะคนที่จะออกมาลงคะแนนเสียง ไม่ได้เปลี่ยนใจ เพียงแต่ว่าเขาจะลงคะแนนให้พรรคไหนในกลุ่มดังกล่าวนี้

ส่วนในกลุ่มประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็น เพื่อไทย ไทยสร้างไทย ก้าวไกล เสรีรวมไทย ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเท่าที่เราประเมิน มันมีมากกว่ากลุ่มเดิม ทำให้ฐานคะแนน จะแบ่งกันออกไปในพรรคการเมืองกลุ่มนี้้ ไทยสร้างไทย ก็ต้องแบ่งคะแนนมาจากกลุ่มนี้เช่นกัน ส่วนแบ่งแล้วผลจะออกมาได้เท่าไหร่ ตอนนี้ยังบอกไม่ถูก ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของเราในการต่อสู้ เช่น การนำเสนอนโยบายของพรรคกับประชาชน และขอให้ประชาชนตัดสินใจเช่น เรื่องบำนาญประชาชน จะต้องเกิดขึ้น -การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล หรือเรื่องการรักษาพยาบาลต้องมีสวัสดิการตั้งแต่เกิดจนชรา  เราจะให้ทั้งหมด ตลอดจนการบอกกับประชาชนถึงนโยบายการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พรรคมีนโยบายทำให้สำเร็จได้อย่างไร เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเลือกไทยสร้างไทยหรือไม่

"ผมเชื่อมั่นว่าไทยสร้างไทยจะได้ส.ส.เกิน 25 ที่นั่ง เพราะพรรคไทยสร้างไทย กระแสพรรค ดีวันดีคืนขึ้นมาเรื่อยๆ ทั้งผู้สมัครส.ส.ระบบเขต และบัญชีรายชื่อ ตอนนี้คนในพรรคไทยสร้างไทย กำลังใจดีมาก เพราะเราประเมินแล้วว่ากระแสพรรคดีวันดีคืน ดีกว่าเมื่อ 6-7 เดือนก่อนหน้านี้ ตอนนี้กระแสพรรค มีแต่ดีขึ้นทุกวัน ส่วนนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย เรามั่นใจว่านโยบายของพรรค เราสามารถทำได้ และเราจะทำในทันที เพื่อส่งมอบประเทศไทยที่ดีที่สุดให้กับลูกหลานต่อไป"

-ในฐานะเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ทางพรรคมีจุดยืนแนวทางอย่างไร หลังเลือกตั้งในการจัดตั้งรัฐบาล หากมีดีลมาให้ไปร่วมตั้งรัฐบาล ทางไทยสร้างไทยสามารถไปอยู่กับขั้วอย่างพลังประชารัฐ เพื่อหนุนพลเอกประวิตร เป็นนายกฯได้หรือไม่?

ทางหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เราอยู่ในฝั่งของประชาธิปไตยอยู่แล้ว และนโยบายของไทยสร้างไทย สิ่งที่ประกาศออกไป พรรคที่จะเป็นพรรครัฐบาล ที่จะมาร่วมกับเรา ถ้ารับจะทำตามนโยบายของเรา เช่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และหลายนโยบายที่พรรคประกาศออกมา

สิ่งเหล่านี้คือเรื่องที่เราจะนำไปตัดสินใจในการจะร่วมรัฐบาลกับใครหรือไม่ต่อไป เพราะนโยบายที่พรรคประกาศออกไป ถ้าจะร่วมรัฐบาลกัน ต้องทำให้เกิดขึ้นได้จริง ถ้าไม่ทำจริง เราก็ไม่ร่วม เราร่วมไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นขั้วประชาธิปไตย หรือขั้วไหน แต่ถ้าไม่เอานโยบายของพรรคไปทำเป็นนโยบายของรัฐบาล แล้วทำให้เกิดขึ้นจริง เราร่วมรัฐบาลไม่ได้หรอก มันไม่มีทางที่จะร่วมรัฐบาลกันได้เลย อย่างเช่น ถ้าบางพรรคบอกว่า รัฐธรรมนูญก็จะยังไม่แก้ไข สมาชิกวุฒิสภา ยังให้มีอำนาจเลือกนายกฯได้อีก เรื่องนี้ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยได้เคยประกาศแล้วว่า ยังไง เราก็ไม่เอาคุณ เพราะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด มันถึงจะเดินหน้าไปด้วยกันได้

-หากพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลปัจจุบัน หลังเลือกตั้ง เกิดเขายังขาดเสียงอีกสักประมาณยี่สิบกว่าเสียง แล้วมาดีลกับไทยสร้างไทย ให้มาร่วมรัฐบาลโดยประกาศว่าจะนำนโยบายไทยสร้างไทยไปทำเช่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบบนี้ ไทยสร้างไทย จะปิดประตูที่จะอยู่กับขั้วรัฐบาลหรือไม่?

คือเรื่องนี้ ตอนนี้ เราคงยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะว่าวันนี้เรายืนอยู่ขั้วของฝ่ายประชาธิปไตยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เราก็ต้องรณรงค์หาเสียงในฝั่งของประชาธิปไตย ให้เต็มที่ไปก่อน แต่หลังเลือกตั้ง ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไร เราก็ต้องสนับสนุนในการที่จะอยู่ฝั่งประชาธิปไตย เพราะว่ามันอยู่ในกลุ่มที่มาด้วยกัน เพราะคุณหญิงสุดารัตน์ ก็ประกาศชัดเจนแล้วว่า ไม่เอา 3 ลุง เมื่อหัวหน้าพรรคประกาศแบบนั้น ผมในฐานะเลขาธิการพรรค ผมก็ประกาศต่อว่า แต่ผมขอขัดใจหัวหน้าพรรคนิดนึงนะครับ คือวันนี้หัวหน้าพรรคไม่เอา 3 ลุง แต่ผมเอา 3 ป.นะครับ พอผมบอกแบบนี้ หัวหน้าพรรคก็ถามผมว่าทำไมเอา 3 ป. ผมก็เลยบอกว่า ป. แรก ก็คือ ประเทศ ส่วน ป.ที่สอง ก็คือประชาชน ป.ที่สามคือ ประชาธิปไตยครับ ที่ผมเอา 3 ป. คือผมเอา 3 ป.ดังกล่าวนี้ ผมหาเสียง ผมก็เดินแนวนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะเดินต่อไปในอนาคตข้างหน้า ต้องดูผลการเลือกตั้งที่ออกมา

ถ้าเราจะเป็นฝ่ายค้านโดยอยู่ในกลุ่มของประชาธิปไตย เราก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน และยินดี ที่จะเป็น หากพรรคที่จะตั้งรัฐบาลไม่ทำตามนโยบายของพรรคไทยสร้างไทยเลย เราก็ร่วมรัฐบาลกันไม่ได้ เราก็ต้องยอมเป็นฝ่ายค้าน คือไทยสร้างไทย หากประชาชนเลือกมา แล้วนโยบายของพรรค ไม่ได้ถูกนำไปปฏิบัติทั้งหมด เราก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน

จากเลขาธิการกสทช.11 ปี

สู่เก้าอี้แม่ทัพใหญ่ ไทยสร้างไทย

“ฐากร-เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย”เล่าถึงการเข้าสู่ถนนการเมืองด้วยการมาร่วมงานการเมืองกับพรรคไทยสร้างไทย”ว่าจากก่อนหน้านี้ได้เห็นสภาพทางการเมืองของประเทศไทยที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปัญหาและอุปสรรคในด้านต่างๆเยอะมาก โดยก่อนหน้าจะตัดสินใจเข้าสู่การเมือง ได้เคยไปปรึกษาครอบครัวว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากเข้ามาสู่การเมือง เขาก็ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่เขาเห็นว่าผมยังมีความคิด มีสุขภาพที่ดี ครอบครัวก็เห็นว่าก็เห็นด้วยหากจะนำความรู้ ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา มาช่วยพัฒนาประเทศ อย่างลูกๆ ผมก็บอกว่า หากคุณพ่อ อยากจะไปทำงานการเมือง ก็สนับสนุนแต่ขอให้ไปทำสิ่งที่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติจริงๆ เพราะหลายเรื่องที่ค้างคาตอนที่ผมยังเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกสทมช.อยู่เดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การทำบัตรประชาชนใบเดียวสามารถรักษาได้ทุกโรงพยาบาล โดยการทำ"ศูนย์ประวัติคนไข้กลาง"ที่จะรวบรวมประวัติคนไข้ต่างๆ มาไว้ที่ศูนย์ประวัติคนไข้กลาง โดยหากประชาชน-คนไข้ ยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลของตัวเอง ก็นำบัตรประชาชนไปรักษาต่อเนื่องได้เลยที่โรงพยาบาลแห่งดังกล่าวที่จะทำให้ลดขั้นตอนต่างๆ และเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลได้เร็วยิ่งขึ้น

ยกตัวอย่างเช่นผมเคยรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ แล้วผมเดินทางมาที่กรุงเทพฯ พอดีเกิดป่วยไม่สบาย เข้าไปรักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลของรัฐที่กรุงเทพฯ ผมก็ใช้บัตรประชาชนใบเดียวโดยยินยอมให้เปิดเผยข้อมูล เขาก็จะรู้ประวัติการรักษาพยาบาล ประวัติการตรวจสุขภาพของผมเช่นการตรวจเลือด และเคยป่วยเป็นอะไรมาก่อน ไม่ใช่ว่าพอป่วยที่กรุงเทพฯ ไปหาหมอที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ แล้วต้องมาเริ่มต้นตรวจเลือดใหม่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้อาจเพิ่งเจาะเลือดไปเมื่อ 2-3 วันก่อนหน้านั้น

สิ่งที่จะตามมา หากมี "ศูนย์ประวัติคนไข้กลาง ก็คือลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐในการรักษาพยาบาล-เพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาล-อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยหากมีการรวบรวมทำฐานข้อมูลประวัติคนไข้กลาง โดยนำร่องจากการทำในแต่ละจังหวัดของแต่ละภาคให้ได้ก่อน ซึ่งหากทำสำเร็จได้ภายใน 1-2 ปี ก็จะทำให้ประเทศไทยเราเอง เรื่องของระบบการรักษาพยาบาลในโครงการ  30 บาทก็จะเป็น 30 บาทพลัส ที่ก็คือ ไปรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐได้หมดทุกแห่ง ไม่จำเป็นต้องไปที่โรงพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้ เรื่องนี้เป็นแนวคิดนโยบายที่เราคิดกันไว้ อยากจะทำ แต่ยังไม่ได้ทำ

เรื่องที่สองที่อยากจะเห็นก็คือ"การจัดระเบียบสายสื่อสาร"ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ยากอะไรในกรุงเทพฯ เราจะยังไม่อยากนำสายสื่อสารลงดินในขณะนี้ เพราะต้องใช้งบประมาณสูง ที่อาจจะใช้ประมาณหมื่นกว่าล้านบาท อาจถึงหนึ่งหมื่นหกพันล้านบาท โดยเรามองว่าหากนำสายสื่อสารลงดินโดยวางท่อร้อยสายลงไป ซึ่งปัญหาที่ตามมาก็คือ ผู้ประกอบการโทรคมนาคม จะต้องไปเช่าท่อร้อยสายตรงนี้ ซึ่งเดิมที่เขาไว้ตรงเสาไฟฟ้า อาจจ่ายเดือนละ 1,200 บาทต่อเดือน ต่อหนึ่งกิโลเมตร แต่หากรัฐสร้างท่อร้อยสายเอง แล้วให้เอกชนเช่า เดือนหนึ่งก็อาจตกอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาทต่อหนึ่งกิโลเมตรต่อเดือน ซึ่งหากทำแบบนี้จะทำให้ค่าใช้โทรศัพท์ของประชาชนสูงขึ้นหลายเท่าตัว ตรงนี้มันเป็นปัญหาอุปสรรค ที่รัฐต้องลงทุนเยอะในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี

ผมจึงแนะนำว่า เราจัดระเบียบสายสื่อสารที่มีอยู่มากมายบนเสาไฟทั้งหมด ส่วนใหญ่ผมให้เลยร้อยละ 60 เปอร์เซนต์ เขาเรียกว่าเป็นสายตาย หรือสายไม่ได้ใช้งาน ที่มันถูกนำขึ้นมาไว้ในอดีตที่ผ่านมา อย่างสมัยก่อนที่มี packling phonelink ที่ตอนนี้ผ่านมา ไม่ได้ใช้งานกันแล้ว 20-30 ปี แต่สายดังกล่าวก็ยังอยู่บนเสาไฟ และยังมีสายเคเบิ้ลทีวี ที่ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานกันแล้ว ก็ยังพาดไว้บนเสาไฟจำนวนมาก โดยหากเราดึงสายพวกนี้ลงมา มันก็จะทำให้ สายที่พาดอยู่บนเสาไฟฟ้าเหลือน้อยลง โดยนำมามัดรวมแล้วใส่กล่องปิดมิดชิดไว้ให้เรียบร้อย ก็จะเกิดทัศนียภาพที่ดี และเกิดความปลอดภัยต่างๆ

"ฐากร-เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย"กล่าวต่อไปว่านอกจากนี้ เราอยากเห็นการขับเคลื่อนของ"เศรษฐกิจดิจิทัล""คือที่ผ่านมา มีการลงทุนด้านinfrastructure โครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมต่างๆ ไว้เยอะมาก โดยภาครัฐเป็นฝ่ายลงทุน เรามีถนนหนทางที่ดี แต่ถนนอีกทางที่สำคัญ ก็คือถนนดิจิทัล ถนนที่ลอยบนอากาศที่เราไม่เห็น เราอยากเห็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทยให้มันเกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล มันเกิดขึ้นกับคนไทยในช่วงโควิดที่มันพิสูจน์มาแล้ว

หลายคนถามว่า เศรษฐกิจดิจิทัลคืออะไร ผมยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ ก็คือก่อนที่จะเกิดโควิด เราจะจับจ่ายใช้สอยซื้อของตามร้านค้า ห้างร้านต่างๆ แต่ช่วงปี 2563 ที่เกิดวิกฤตโควิด ที่หลายประเทศประกาศระงับการเดินทาง แต่เศรษฐกิจในประเทศยังพอเดินต่อไปได้ ที่เราเริ่มใช้เศรษฐกิจดิจิทัล เช่นการซื้อของผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ มีการเรียนระบบออนไลน์ ตอนนั้นคือการใช้งานของดิจิทัลแบบเต็มรูปแบบ สิ่งนี้คือเศรษฐกิจดิจิทัลที่เราขับเคลื่อนอยู่ในปัจจุบัน เราจึงอยากเห็นภาพนี้ที่มีการขับเคลื่อนเพื่อจะได้มาเปลี่ยนประเทศให้ได้ หลังหลายประเทศขับเคลื่อนเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล จนประเทศเติบโตเช่น จีน เกาหลีใต้ แต่ประเทศไทยเรา ทั้งที่เรามีระบบโทรคมนาคมที่ดีเยี่ยม ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก แต่เรายังไม่มีการขับเคลื่อนในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ไปไกลกว่ากลุ่มประเทศอื่นที่ไม่ได้มีระบบโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่ดีเท่ากับไทยเราเลย เรื่องนี้คือฝันที่เราอยากเข้ามาทำ

เมื่อฝันที่เราอยากจะเห็นในเรื่องพวกนี้ ผมคิดว่าเราจะทำเรื่องพวกนี้ได้สำเร็จ มันจะต้องเข้าไปสู่ถนนการเมือง เพราะว่าเรื่องนี้มันเป็นบูรณาการที่มันยิ่งใหญ่ ถนนที่เราเคยอยู่ในตำแหน่งกสทช. มันเป็นถนนแคบๆ แต่ถนนการเมืองมันเป็นถนนกว้างใหญ่ มันสามารถที่จะบูรณาการในการทำงานกันได้ทุกเรื่อง ในการที่จะทำเรื่องพวกนี้

"ฐากร"เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีหลายพรรคการเมืองมาติดต่อมาพูดคุย เพื่อชักชวนผมให้เข้าไปสู่การเมือง ซึ่งผมก็แบ่งรับแบ่งสู้ แต่สิ่งที่เราตั้งใจ ตั้งเป้าหมายไว้แล้วก็คืออยากจะทำงานการเมืองกับพรรคไทยสร้างไทย โดยการนำของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพราะเห็นว่าคุณหญิงสุดารัตน์ มีประสบการณ์การเมืองที่ดี  ไม่มีข้อเสีย ไม่มีข้อด้อยเลย และผมก็ศรัทธาการทำงานของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่ผ่านมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนเป็นรมช.มหาดไทย -รมช.คมนาคม ซึ่งก็เคยได้ทำงานร่วมกันอยู่ จนกระทั่งคุณหญิงสุดารัตน์ไปเป็น รมว.สาธารณสุข รมว.เกษตรและสหกรณ์ ทำให้คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นคนที่มีความพร้อมมาก โดยเมื่อผมพิจารณาจากหัวหน้าพรรค ผู้นำพรรคการเมืองต่างๆ ที่ดูแล้วเหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็เห็นว่าหากดูจากความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ทางการเมือง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น ไม่แพ้ใครและมีความเหมาะสมมากว่าใคร เมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ทาบทามเข้ามา ผมจึงตัดสินใจสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย

ยุทธศาสตร์ คนไทยต้องชนะ

นโยบายเด่น”บำนาญประชาชน”

สำหรับยุทธศาสตร์การหาเสียงของพรรคไทยสร้างไทย ต่อจากนี้ทาง”ฐากร-เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย”บอกว่า จากที่ในพรรคได้หารือกัน เราจะมีการขึ้นโปสเตอร์-ป้ายหาเสียง โดยจะเป็นรูปคุณหญิงสุดารัตน์ มีเบอร์พรรค 32 เราจะเขียนบอกว่า "คนไทยต้องชนะ"โดยนิยามคำว่าคนไทยต้องชนะ เพราะเราคิดว่าจากปัญหาอุปสรรคต่างๆ เราเห็นว่า จะต้องแก้ไขในแต่ละด้านคือ หลังเลือกตั้ง เมื่อพรรคเข้าไปสู่การเมือง จะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางส่วนที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยเท่าที่ควร เช่นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา  เพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตย

นอกจากนี้ เราจะส่งเสริมเรื่อง”การดูแลคน ตั้งแต่เกิดจนแก่” คือเมื่อผู้หญิงตั้งท้อง เราจะให้ต้องมีการเข้าไปดูแล ด้วยการให้ค่าตอบแทนเดือนละสองพันบาท ตลอดช่วงการตั้งครรภ์เก้าเดือน และเมื่อเขาโตก็จะให้ค่าใช้จ่ายเดือนละสองพันบาทไปจนถึงหกขวบ และเมื่อเข้าสู่การเรียนชั้นประถม จากเดิมที่เรียนกันเจ็ดปี ต่อมาตอนนี้เหลือหกปี แต่ต่อไปจะให้เหลือแค่ห้าปี เช่นเดียวกับชั้นมัธยมศึกษา จากปัจจุบันเรียนกันหกปี คือม.1-ม.6 ก็จะให้ลดลงมาอีกหนึ่งปี และการเรียนระดับปริญญาตรี ก็จะลดลงมาอีกหนึ่งปี ก็จะทำให้การเรียนตั้งแต่ประถมศึกษา-มัธยมศึกษา-ปริญญาตรี จะลดลงมารวมสามปี เพื่อทำให้คนกลุ่มนี้ออกมาทำงานได้เร็วขึ้น จะได้ดูแลพ่อแม่ ผู้ปกครอง ทำให้จากเดิมคนเรียนจบปริญญาตรีอายุ 21-22 ปี แต่ต่อไป จะเหลือแค่ 18-19 ปี ก็สามารถออกมาทำงาน เข้าสู่ตลาดแรงงานได้เร็วขึ้น

นอกจากนี้พรรคมีนโยบาย"บำนาญประชาชน"ที่จะให้กับผู้สูงวัย ที่ไม่ได้เป็นอดีตข้าราชการ เป็นคนธรรมดา โดยจะมีการให้เงินบำนาญประชาชน เดือนละสามพันบาทต่อเดือน โดยตอนนี้พรรคมีการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันลงชื่อในการเสนอร่างพรบ.ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯหลังเลือกตั้ง โดยตอนนี้มีประชาชนร่วมลงชื่อกับพรรคด้วยสองล้านกว่าคน ซึ่งหากกฎหมายมีการประกาศใช้ ทางสำนักงบประมาณจะต้องมีการจัดตั้งงบประมาณในส่วนดังกล่าวไว้ให้กับรัฐบาล ตรงนี้ก็จะเหมือนเงินบำนาญอดีตข้าราชการ เพราะหากเงินบำนาญประชาชนจ่ายไม่ได้ เงินบำนาญข้าราชการก็จ่ายไม่ได้ เพราะมีการออกเป็นพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ พรรคจึงพร้อมทำเรื่องบำนาญประชาชนให้เกิดขึ้นจริง เพื่อให้สังคมผู้สูงอายุอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เขามีเงินพอเลี้ยงตัวเองได้แม้เงินสามพันบาทอาจไม่เยอะมาก

แนวนโยบายตัวอย่างข้างต้นของพรรคไทยสร้างไทย คือสิ่งที่พรรคคิดว่าทำได้ และสามารถทำได้ทันที ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แต่ทำไม ไม่มีใครทำกัน

ดันตั้งกระทรวงจัดซื้อจัดจ้าง

สกัดทุจริตคอรัปชั่น

"ฐากร-เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย"กล่าวต่อไปว่า สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีการเติบโตมากขึ้น ในด้านของเศรษฐกิจมหภาค ที่ผ่านมา เรายังขาดการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาประเทศไทย โดยที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศจะไปลงทุนที่ประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย

โดยสาเหตุใหญ่ที่นักลงทุนต่างประเทศ ไม่มาลงทุนในไทยพบว่าเป็นเพราะติดขัดเรื่องกฎ ระเบียบต่างๆ ที่มีอยู่เยอะมาก อีกทั้งการให้สิทธิพิเศษเพื่อดึงดูดนักลงทุนให้มาลงทุนในไทยก็ให้น้อยกว่าประเทศอื่น เราจึงมีแนวคิดในการยกเว้นกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องดังกล่าวที่มีประมาณ 1,400 ฉบับ ที่เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการมาลงทุนในประเทศไทย ให้ยกเว้นการใช้งานไว้ก่อนเช่น ประกาศคณะรัฐประหารต่างๆในอดีตหรือพรบ.บางฉบับ  แล้วมีการออกระเบียบกลางเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุน โดยจะมีการผลักดันให้มีการออกเป็นพระราชกำหนดขึ้นมาหนึ่งฉบับ เพื่อทำให้กฎหมาย กฎ ระเบียบต่างๆ 1400 ฉบับ ให้ชะลอการบังคับใช้แล้วให้ใช้พระราชกำหนดดังกล่าวที่จะออกมามาบังคับใช้แทน เพราะหากมัวแต่จะไปแก้กฎหมาย กฎ-ระเบียบต่างๆ 1400 ฉบับ แก้ไขอีกยี่สิบปี ก็ไม่แล้วเสร็จ นักลงทุนก็ไม่เข้ามา โดยหากทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยให้มากขึ้น ก็จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจไปได้มาก

"ฐากร-เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย"กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เรื่องการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งพบว่าช่วงที่ผ่านมา เรื่องทุจริตมีมากขึ้น ซึ่งแต่เดิมการทุจริตไม่ได้มากขนาดนี้ เรื่องนี้ไม่ได้โทษรัฐบาลชุดไหน แต่จะพบว่าการทุจริตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ใครเข้ามาปราบโกงก็ปราบยาก จึงอยากเสนอให้มีการจัดตั้ง"กระทรวงจัดซื้อจัดจ้าง"เพื่อรวมศูนย์การจัดซื้อจัดจ้างของทุกกระทรวง ให้มาอยู่ที่กระทรวงดังกล่าวกระทรวงเดียว อย่างกองทัพ หากจะจัดซื้ออะไร ก็เสนองบประมาณเข้ามา หรือกระทรวงคมนาคม จะทำถนนในพื้นที่ต่างๆ ก็ทำเรื่องเสนองบประมาณไปยังกระทรวงจัดซื้อจัดจ้าง แต่เวลาจะมีการจัดซื้อจัดจ้าง ก็ให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงจัดซื้อจัดจ้างเพียงกระทรวงเดียวดูแล โดยให้รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย เพื่อให้มาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างจะได้เหมือนกัน ไม่ใช่แต่ละหน่วยงานมาขอจัดซื้อแก้วน้้ำ แต่ราคาที่จัดซื้อมีความแตกต่างกัน

หากมีการจัดตั้งกระทรวงจัดซื้อจัดจ้าง ก็จะทำให้คนที่เก่งเรื่องจัดซื้อจัดจ้างก็จะมาอยู่ที่กระทรวงแห่งนี้ ให้มีการโอนย้ายบุคลากรจากฝ่ายพัสดุของหน่วยงานต่างๆ มาอยู่ที่กระทรวงดังกล่าวให้หมด ส่วนงานเทคนิค ก็ให้อยู่ที่กระทรวงเดิมเช่น จะทำถนน ก็วางรูปแบบการทำถนนเขียนขึ้นมา ก็ทำให้ประชาชนเวลาจะตรวจสอบงบเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ก็มาที่กระทรวงดังกล่าวได้เลย แม้เรื่องนี้ดูแล้วอาจเกิดยาก แต่หากเกิดขึ้นได้ จะทำให้การทุจริตคอรัปชั่นลดน้อยลงได้

สิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมด ผมเป็นเลขาธิการกสทช.มาเก้าปี และรักษาการอีกสองปี รวมเป็น 11 ปี ผมพูดมาตลอดว่า ผมทำได้จริง ผมไม่ใช่นักบริหารความฝัน แต่เป็นนักบริหารความจริงที่เกิดขึ้น

นักบริหารความจริง คือ ฝันไหนหากมันไม่จริง เราจะไม่พูด ฝันไหนที่มันเป็นจริง เราถึงจะพูด สิ่งที่ทำไม่ได้ เราจะไม่พูด สิ่งไหนที่มันทำได้ แต่เราฝันขึ้นไป เราจะต้องดึงฝันพวกนี้ ทำให้มันเป็นจริงให้ได้ สิ่งที่เราฝันไปข้างหน้า เราจะนำมาพูดเป็นความจริง เป็นนโยบายของเรา เราต้องทำให้มันสำเร็จ ถ้าเราสัญญากับประชาชนแล้ว เราทำไม่สำเร็จ ที่เขาเรียกว่าฝันค้าง มันก็ไม่ดี  การเลือกตั้งครั้งต่อไป เขาก็จะไม่เลือกเรา”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด บ้านใหญ่ รอเข้าวิน พท.กวาดเยอะ-พรรคส้ม เสี่ยงร่วง

ยิ่งใกล้ถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ. พบว่าการหาเสียงของผู้สมัครนายก อบจ.ทั้งที่ลงในนามพรรคการเมือง และไม่ได้ลงในนามพรรค

ร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม .. ณ จังหวัดนครปฐม!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๗ โครงการร้อยใจธรรม สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ที่ดำเนินการโดย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยและวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน

ลึกสุดใจ. ”พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผบ.ตร.” ยึดกฎกติกา ไม่กลัวทุกอิทธิพล

ถึงตอนนี้ "พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ บิ๊กต่าย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" ได้ทำหน้าที่ ผบ.ตร.อย่างเป็นทางการมาร่วมสามเดือนเศษ ส่วนการทำงานต่อจากนี้ ในฐานะ"บิ๊กสีกากี เบอร์หนึ่ง-รั้วปทุมวัน"จะเป็นอย่างไร?

2 สว. “ชาญวิศว์-พิสิษฐ์” ปักธงพิทักษ์รธน. ปกป้องสถาบันฯ พวกเราเป็นอิสระ ไม่มีรับใบสั่ง

กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติเพื่อนำไปสู่การให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูยเพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย ที่ต้องการทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น

ก้าวย่างออกจากปัญหา .. ของประเทศ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... คำกล่าวที่ว่า.. “เมื่อสังคมมนุษยชาติขาดศีลธรรม.. ย่อมพบภัยพิบัติ.. เสื่อมสูญสิ้นสลาย..” นับว่าเป็นสัจธรรมที่ควรน้อมนำมาพิจารณา.. เพื่อการตั้งอยู่ ดำรงอยู่ อย่างไม่ประมาท...

เหลียวหลังแลหน้า การเมืองไทย จาก 2567 สู่ 2568 ส่องจุดจบ ระบอบทักษิณภาค 2

รายการ"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด"สัมภาษณ์ นักวิชาการ-นักการเมือง สองคน เพื่อมา"เหลียวหลังการเมืองไทยปี 2567 และแลไปข้างหน้า