การเปลี่ยนแปลงของชีวิต-การงานวันนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีเทคโนโลยีเป็นระบบนิเวศและพลังขับเคลื่อนที่สำคัญ ซึ่งมันได้เชื่อมถึงชีวิตและการงานทั้งในโลกการพัฒนาคุณภาพชีวิต การดูแลสิ่งแวดล้อม และการแข่งขันธุรกิจการค้า ฯลฯ ทุกความเคลื่อนไหวล้วนมีเทคโนโลยีเข้ากำกับขับเคลื่อน-สร้างความเปลี่ยนแปลงที่มีพลังในเกือบทุกมิติ!
การสนับสนุน-การบริหารจัดการ-การกำกับขับเคลื่อนสังคม เศรษฐกิจ และการดูแลตนเองเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นนั้น จึงไม่อาจใช้แต่ความสามารถโดดๆ ดิบๆ ของผู้คนแต่อย่างเดียว เฉกเช่นวิถีสังคมพึ่งพาแรงงาน-แรงสมองมนุษย์อย่างเข้มข้น (Laboure intensive) แบบยุคที่ผ่านมาได้อีกต่อไป!
ในกระแสการเปลี่ยนผ่านของภาครัฐและเอกชนที่ปฏิสัมพันธ์กับสังคม เศรษฐกิจยุคใหม่วันนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับการเติบโตก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีประเด็นที่น่าพิจารณาว่า ในขณะที่บ้านเมืองและผู้คนกำลังโต้คลื่นเทคโนโลยีอยู่ทุกวันนี้นั้น ผู้คน-สังคมกำลังถูกกลืนกลายเป็นผู้บริโภค-ผู้ใช้-ผู้เสพสมาทานเทคโนโลยีแต่ฝ่ายเดียว-ไม่ก็เป็นแรงงานในโรงงานผลิตสินค้าและบริการ-ที่ยกระดับจากผู้ใช้แรงงานมาเป็นคนทำงานบนแพลตฟอร์มของเทคโนโลยีเท่านั้นหรือ? เราควรต้องพิจารณาจัดวางตำแหน่งแห่งที่ของผู้คนและบ้านเมืองที่กำลังโต้คลื่นเทคโนโลยีในทิศทางใหม่หรือไม่?!?
กรณีนี้ หากศึกษาประสบการณ์การปรับตัวเปลี่ยนแปลงในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ผ่านการบริการสาธารณะ การก่อรูปของเมืองยุคใหม่ การปรับตัวของท้องถิ่นเพื่อรับความเปลี่ยนแปลงยุคใหม่ในมิติของอุตสาหกรรม 4.0 ที่เคลื่อนไปตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะพบว่าการปรับตัวเข้าสู่โลกของอุตสาหกรรม 4.0 นั้นสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เปี่ยมด้วยศักยภาพและพลังทั้งในการผลิต-การบริการ ระบบปฏิบัติการ รวมถึงการปรับสร้างระบบนิเวศแวดล้อมใหม่ในกระบวนการทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนไปบนฐานของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ซึ่งชี้บอกถึงศักยภาพใหม่-ประสิทธิภาพใหม่-คุณภาพใหม่ ที่พึ่งพาการขับเคลื่อนของเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง ตั้งแต่การออกแบบพื้นฐาน-การจัดวาง-การนำใช้เทคโนโลยีในมิติต่างๆ ด้วยฐานข้อมูลขนาดใหญ่-การประมวลผลจากปัญญาประดิษฐ์-และการนำสู่การผลิต-บริการที่มีความจำเพาะได้อย่างดี ฯลฯ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ถูกเรียกว่า “ระบบอัจฉริยะ” ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ ระบบการจัดการอัจฉริยะ และระบบการผลิตอัจฉริยะ ฯลฯ เป็นต้น
ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ระบบการบริหารท้องถิ่น-ระบบการบริหารจัดการของรัฐ รวมถึงภาคเอกชนที่ปฏิสัมพันธ์กับความก้าวหน้าใหม่ จำเป็นต้องปรับตัวพัฒนาบุคลากร-ยกระดับศักยภาพคนให้สามารถทำงานผสานกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี-สามารถสร้าง-คิดค้นนวัตกรรมจากเทคโนโลยี เพื่อก้าวออกจากระบบงานแบบเดิมๆ ที่ใช้ความสามารถของคนเล็ก-คนน้อยที่อยู่ตามที่ว่าการอำเภอ เทศบาล ท่าเรือ สนามบิน หรือหน่วยบริการของรัฐ ฯลฯ ที่เคยชินกันมา!
ตัวอย่างที่อาจทำให้เห็นภาพความเปลี่ยนแปลง-การปรับฐานการบริหารให้ชัดเจนขึ้นบ้าง คือตัวอย่างจากการทำงานของเทศบาลบ้านฉาง จากที่มีการติดตั้งระบบการสื่อสาร 5g เต็มพื้นที่ มีกล้อง-เสาอัจฉริยะ มีการออกแบบจัดเก็บข้อมูล-ประมวลผลเพื่อใช้ในการบริหารท้องถิ่น การดำเนินการที่ปรับเปลี่ยนใหม่นี้ได้ช่วยรักษาความสงบความปลอดภัยในชุมชน ช่วยให้ตำรวจสามารถปิดเคสที่เกิดเหตุต่างๆ ในพื้นที่-จากที่เคยใช้เวลาหลายอาทิตย์-เป็นเดือน มาเหลือเพียง 2-3 ชั่วโมงในทุกกรณี หรือการนำใช้ระบบ AI ปัญญาประดิษฐ์ประมวลผลการจัดระบบจราจรช่วงวันหยุดที่มีการเดินทางหนาแน่น ก็มีการจัดการที่ประสิทธิภาพดีกว่าการใช้ตำรวจไปยืนเป่านกหวีดฝ่าเปลวแดดอยู่ตามสี่แยก ที่มองเห็นแค่สุดลูกหูลูกตาตำรวจเท่านั้น! รวมถึงการประมวลผลเตือนภัยพิบัติ-อุบัติภัยต่างๆ ทำให้การบริหารจัดการเทศบาลยกระดับจากระบบเดิมสู่แพลตฟอร์มดิจิตอล ใช้ข้อมูลประมวลผลเพื่อการบริหารจัดการและบริการท้องถิ่นให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความปลอดภัยทางสังคม มีการดูแลสุขภาพที่ดีในทุกกลุ่มคนในพื้นที่ เป็นต้น
กรณีตัวอย่างนี้ต้องการชี้ให้เห็นว่า ระบบการคิด-การจัดการ-การพัฒนาต้นน้ำของเทคโนโลยีนั้น เรามีผู้คนที่มีศักยภาพอยู่พอสมควร-แต่กระจุกตัวอยู่เฉพาะกลุ่ม ด้วยเงื่อนไขนี้ EEC HDC ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาบุคลากรเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก จึงประสานสร้างเครือข่ายที่ดึงเอานักวิทยาศาสตร์ นักเทคโนโลยีและวิศวกรรมหลากสาขาที่มีผลงาน เชื่อมขึ้นเป็นเครือข่ายเชื่อมจับกับภาคเอกชน-เขตนวัตกรรมบ้านฉาง-ซิลิคอน เทคปาร์ค และอุทยานวิทยาศาสตร์ตะวันออก รวมทั้งบริษัท-องค์กรที่เป็นต้นน้ำด้านเทคโนโลยีมิติต่างๆ เข้าร่วมพัฒนา-ผลิตบุคลากรและพัฒนาต้นน้ำด้านเทคโนโลยี ตลอดจนถึงพัฒนาส่งเสริมระบบนิเวศและระบบปฏิบัติการยุคใหม่ บนเป้าหมาย 3 ประการสำคัญ คือ
1) มุ่งยกระดับปรับฐานท้องถิ่นสู่การบริหารจัดการด้วยระบบข้อมูลบนดิจิตอลแพลตฟอร์ม เพื่อรับกับความเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 2) มุ่งยกระดับการพัฒนาบุคลากรและปรับฐานการพัฒนาประเทศจากการเป็นผู้บริโภคสู่การเป็นผู้ผลิต-ผู้นำนวัตกรรม และ 3) ขับเคลื่อนสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ ที่ยกระดับระบบสนับสนุนและระบบปฏิบัติการบนดิจิตอลแพลตฟอร์ม ที่มีมูลค่าสูงกว่าเศรษฐกิจระดับเดิมๆ ซึ่งวนอยู่ในกลุ่มการผลิตและการบริการยุคเก่า
ทั้งหมดนี้เป็นภารกิจที่สำคัญที่ต้องพัฒนาให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือชุดใหม่ เพื่อประกอบส่วน-เชื่อมประสานสร้างความก้าวหน้าทุกรูปแบบ เพื่อปรับฐาน-ยกระดับความรู้-ทักษะ-ความเข้าใจ-ตลอดจนระบบการปฏิบัติการ ที่มุ่งตอบโจทย์โลกใบใหม่ด้วยกระบวนการความเคลื่อนไหวใหม่ที่ศักยภาพสูงพอจะโต้คลื่นเทคโนโลยีของโลกวันนี้!!!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด บ้านใหญ่ รอเข้าวิน พท.กวาดเยอะ-พรรคส้ม เสี่ยงร่วง
ยิ่งใกล้ถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือนายก อบจ. พบว่าการหาเสียงของผู้สมัครนายก อบจ.ทั้งที่ลงในนามพรรคการเมือง และไม่ได้ลงในนามพรรค
ร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม .. ณ จังหวัดนครปฐม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๗ โครงการร้อยใจธรรม สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ที่ดำเนินการโดย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยและวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน
ลึกสุดใจ. ”พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ผบ.ตร.” ยึดกฎกติกา ไม่กลัวทุกอิทธิพล
ถึงตอนนี้ "พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ บิ๊กต่าย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" ได้ทำหน้าที่ ผบ.ตร.อย่างเป็นทางการมาร่วมสามเดือนเศษ ส่วนการทำงานต่อจากนี้ ในฐานะ"บิ๊กสีกากี เบอร์หนึ่ง-รั้วปทุมวัน"จะเป็นอย่างไร?
2 สว. “ชาญวิศว์-พิสิษฐ์” ปักธงพิทักษ์รธน. ปกป้องสถาบันฯ พวกเราเป็นอิสระ ไม่มีรับใบสั่ง
กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติเพื่อนำไปสู่การให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูยเพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย ที่ต้องการทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
ก้าวย่างออกจากปัญหา .. ของประเทศ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... คำกล่าวที่ว่า.. “เมื่อสังคมมนุษยชาติขาดศีลธรรม.. ย่อมพบภัยพิบัติ.. เสื่อมสูญสิ้นสลาย..” นับว่าเป็นสัจธรรมที่ควรน้อมนำมาพิจารณา.. เพื่อการตั้งอยู่ ดำรงอยู่ อย่างไม่ประมาท...
เหลียวหลังแลหน้า การเมืองไทย จาก 2567 สู่ 2568 ส่องจุดจบ ระบอบทักษิณภาค 2
รายการ"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด"สัมภาษณ์ นักวิชาการ-นักการเมือง สองคน เพื่อมา"เหลียวหลังการเมืองไทยปี 2567 และแลไปข้างหน้า