ความหายนะของคนเรา .. เพราะไม่เข้าใจทุกข์!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในกระแสสังคมที่เข้มข้นไปด้วยอำนาจวัตถุนิยม จนสัตว์โลกในยุคสมัย ตกอยู่ภายใต้วัตถุเป็นใหญ่เหนือชีวิต.. มีอิทธิพลบงการให้ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย จะสุข.. จะทุกข์ก็ได้ จึงเป็นเรื่องที่ควรศึกษาอย่างยิ่งว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้...

พระพุทธศาสนา.. ให้นิยามชีวิตว่า.. เป็นกระบวนการทำงานร่วมกันของธรรมชาติ ๕ ประการ ที่ผู้ศึกษาธรรมใช้คำว่า ขันธ์ ๕ ได้แก่ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ที่รวมเรียกว่า รูป-นาม.. หรือกาย จิต โดยแสดงลักษณะที่ว่า.. ความทุกข์เกิดขึ้น เพราะการเข้าไปยึดถือรูปนามหรือขันธ์ ๕ ว่าเป็นตัวตน.. ซึ่งหากรู้ ละ วาง การยึดถือยึดมั่นในรูปนามหรือขันธ์ ๕ ได้ ก็ย่อมเข้าถึงภาวะหลุดพ้นจากขันธ์ ที่เรียกว่า ขันธวิมุตติ ได้ ที่เรียกธรรมชาติดังกล่าวว่า การดับสิ้นซึ่งกิเลสและกองทุกข์อันเกิดจากการรู้และปล่อยวาง.. ตัดอาลัย ไม่ผูกพันในขันธ์ ๕ อีกต่อไป ดังที่นิยมเรียกลักษณะธรรมดังกล่าวว่า.. พระนิพพาน

พระนิพพาน จึงเป็นธรรมชาติที่พ้นจากขันธ์ ๕ เรียกว่า ขันธวิมุตติ ซึ่งจะมีเฉพาะคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนาเท่านั้น.. กล่าวถึงขันธวิมุตติและ วิธีการปฏิบัติให้ถึงขันธวิมุตติ!

จริงๆ แล้ว โดยหลักธรรม.. ที่แสดงความเป็นธรรมดาของความทุกข์.. และความดับทุกข์ จะมีเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น.. ลัทธิศาสนาลัทธิอื่นๆ ส่วนใหญ่จะพูดเรื่อง ความทุกข์และความสุข..

โดยมีการสรรเสริญเยินยอ เจ้าความสุข.. จนสัตว์โลกมุ่งขวนขวาย ไขว่คว้า แสวงหา แต่ความสุขกัน.. ดังที่เกิด ลัทธิสุขนิยม (โลกนิยม) ขึ้น.. โดยอ้างว่าเป็นหนทางเป็นไปเพื่อความดับทุกข์แท้จริง ด้วยการเสพสุขให้เกินขนาด.. จนเอือมระอาเบื่อหน่ายในความสุขนั้นๆ ไปเอง..

จึงดูเหมือนจะเป็นคำสอนขั้นพื้นฐานในลัทธิต่างๆ.. ที่นำไปสู่ศาสนาสุขนิยมไปโดยปริยาย..

ไม่ว่าทำทาน รักษาศีล.. จึงต้องมีคำว่าเป็นไปเพื่อความสุข.. เพื่อสมบัติบุญทั้งปวง

สัตว์โลก.. จึงมุ่งแสวงหาความสุขเป็นที่ตั้งของชีวิต.. ด้วยสัตว์ทั้งหลายไม่มีใครต้องการความทุกข์ นั้นนับเป็นเรื่องปกติ..

แต่ประเด็นของปัญหา.. แท้จริงเกิดขึ้น เพราะการพาเหรดกันเข้าไปแสวงหาความสุข อย่างไร้ความรู้ความเข้าใจในความจริงของธรรมชาติ ซึ่งไม่ได้พิจารณาเลยว่า.. แท้จริงของความสุขเป็นอย่างไร เพื่อจะทำอย่างไรให้ได้มาซึ่งความสุข.. และความสุขที่ต้องการเพื่ออะไรกันแน่!!

ความอีนุงตุงนัง.. โกลาหล จึงเกิดขึ้นในหมู่สัตว์โลกทุกสมัย.. เพราะการเข้าใจคุณค่าความสุขไปตามสภาวะความแตกต่างของธาตุนั้นๆ ที่ตนเองชื่นชอบ.. ที่มีอยู่หลากหลายในโลกนี้

ใครเห็นว่ารูป คือ ความสุข.. ก็แสวงหารูป

ใครเห็นว่าเสียง คือ ความสุข.. ก็แสวงหาเสียง

แม้กลิ่น รส สัมผัส หากใครเห็นว่าเป็นที่มาพบความสุข.. ก็จะนิยมแสวงหาสิ่งนั้นๆ..

คุณค่าความสุข.. รสนิยมที่จะเสพในความสุข จึงแตกต่างกันไปตาม ตัณหา ทิฏฐิ ในจิตของสัตว์ทั้งหลาย โดยเฉพาะ มนุษยชาติ

พระพุทธศาสนาจึงวางหลักคำสอนที่เป็น สัจธรรม ชี้สวนกระแสชาวโลก.. ที่กำลังตาลีตาเหลือก เร่งขวนขวายหาความสุขว่า.. “แท้จริง สิ่งที่ควรรู้.. เมื่อรู้แล้วมีประโยชน์ ไม่เป็นโทษ คือ การรู้จักความทุกข์ต่างหาก..” โดยนิยามว่า สัตว์โลก คือ สัตว์ทุกข์.. โลก คือ ความทุกข์ที่เกิดขึ้น.. ความทุกข์ที่ดับไป.. นอกจากความทุกข์แล้วนั้น.. ไม่มีอะไรเลย!

การมองดูโลก.. สู่ความจริง.. คือ ความทุกข์ จึงเป็นหลักธรรมที่มนุษยชาติ.. ยากยอมรับ.. ด้วยการให้ค่าความหมายและความเข้าใจที่ต่างกัน ดังที่สัตว์โลกให้นิยามกันเองว่า ในโลกมีความสุขให้แสวงหา.. ที่เรียกว่า โลกธรรม ที่แท้จริงมีทั้งสุขและทุกข์เพื่อความสมดุลของโลก ที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปมาภายใต้กฎธรรมชาติ...

การมองดูโลกเพียงด้านเดียว.. จึงเป็นวิสัยทัศน์ของชาวโลก.. ที่เป็นปกติอย่างนี้มานาน

ในวิถีของสัตว์โลก.. จึงก่อเกิดทิฏฐิที่สุดโต่งต่างขั้ว-แบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายสัสสตทิฏฐิและอุจเฉททิฏฐิ.. หรือฝ่ายสุข.. และฝ่ายทุกข์

ในขณะที่พุทธศาสนาชี้ให้เห็นความเป็นจริงว่า โลกไม่ได้มีสุข.. ไม่ได้ไร้ทุกข์ แต่เป็นสภาวธรรมอันหนึ่งที่กำลังดำเนินไปตามเหตุปัจจัยนั้นเอง อันหาความเป็นตัวตนแท้จริงมิได้เลย

ทุกอย่างของคำว่า สุข.. และทุกข์ในโลก.. จึงเป็นค่าสมมติ ตอบสนองความชอบใจ.. ความไม่ชอบใจของสัตว์โลกเท่านั้นเอง..

พุทธศาสนา จึงบัญญัติความหมายของคำว่า “ทุกข์.. คือ อาการที่ยากจะทนทาน..” จะต้องถูกบีบเค้นบีบคั้น หากไปสวนกระแส.. สภาวธรรมที่ไม่เที่ยงแท้.. แปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ที่เรียกว่า อนิจจัง.. ตตาต้กฎธรรมชาติ...ลกาติ

การอยู่กับโลก.. อย่างไม่เข้าใจโลก

การอยู่กับธรรม.. อย่างไม่รู้ธรรม

การมีชีวิต.. อย่างไม่รู้จักการบริหารชีวิต.. จึงทำให้สัตว์โลกสูญเสียโอกาสที่จะรู้ซึ้งถึงนิยามของโลกแท้จริง.. จึงยากที่จะเข้าใจคำว่า “ทุกข์”

“ทุกข์” ในทัศนะของสัตว์โลก จึงถูกแปลไปหลายๆ ความหมาย และมักจะสรุปรวมลงที่ ทุกข์เวทนา

จึงไม่รู้จัก ทุกข์ไตรลักษณ์.. และยากที่จะเข้าใจใน “ทุกข์อริยสัจ ๔”

จึงไม่แปลกที่เรา.. มองทุกข์เป็นตัวตน จึงก่อเกิดค่าวิปลาสทางจิต.. ให้มีทิฏฐิที่เกลียดกลัวความทุกข์.. กันไปอย่างไม่มีประโยชน์ทางธรรมใดๆ เลย

ความไม่รู้ไม่เข้าใจในธรรม.. ความรู้เห็นผิดไปจากธรรม.. จึงเป็นสภาวะทางจิตใจของสัตว์ทั้งหลายที่เป็นปกติต่อการไม่รู้แจ้งในธรรมชาติของชีวิต ด้วยอำนาจกิเลสในรูป โมหจิต ที่ปิดบังความจริงที่เรียกว่า สัจธรรม ก่อให้เกิด..

ความหลงผิด.. ความคิดผิด.. และการทำผิด เพราะไม่รู้ว่า.. ทุกข์คืออะไร อะไรคือทุกข์ และอะไรคือตัวทุกข์.. จึงเป็นนิยามของสัตว์โลกทุกสมัย ที่ดำเนินชีวิตไปภายใต้อำนาจกิเลสประกอบอยู่ในกระแสจิตทุกขณะ.. ทำให้มืดมน เศร้าหมอง เร่าร้อน จึงยากจะรู้สาเหตุของความทุกข์.. ไม่รู้สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ และยากยิ่งที่จะรู้จักธรรมอันเป็นไปเพื่อความดับทุกข์อย่างถาวร.. ที่เรียกว่า พระนิพพาน

จึงไม่แปลกที่คนเราจะมุ่งอาศัยวัตถุสิ่งของ.. บุคคล.. ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว เป็นที่พึ่งพิง จนลืมพัฒนาจิตใจให้มีปัญญา.. ทำให้เกิดความเชื่อที่ผิดๆ เพี้ยนๆ ไปจากความจริง ปลอบประโลมใจไปวันๆ.. จนกว่าจะตายจากโลกนี้ไป.. เพราะความไม่เข้าใจในเรื่อง ความทุกข์ว่า.. คืออะไร.!?...

เจริญพร

[email protected]

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความเสื่อม.. ที่ควรเห็น.. ก่อนตาย!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. มีคำกล่าวเป็นสุภาษิต ว่า ความเสื่อมของมนุษย์ ล้วนมีสาเหตุมาจากมนุษย์.. ความเสื่อมของสิ่งใดๆ .. ก็มีสาเหตุมาจากสิ่งนั้นๆ..

รัฐบาลแพทองธาร อยู่ไม่ครบปี บิ๊กป้อม ยังสู้-พปชร.เดินหน้าต่อ

เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์เศษ ปี 2567 ก็จะผ่านพ้นไปแล้วเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ 2568 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 เป็นอย่างไร และปีหน้า 2568 จะมีทิศทางเช่นไร เรื่องนี้มีมุมมองแนววิเคราะห์จาก

คานถล่ม ผู้บริสุทธิ์จบชีวิต 6 ราย กับ สำนึกของนักการเมืองไทย!

เช้าตรู่วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เกิดโศกนาฏกรรมคานเหล็กยักษ์ที่ใช้สำหรับก่อสร้างทางยกระดับถนนพระราม 2 ถล่ม คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวน 6 ราย

ศึกเลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ. 68 Generation War พท.-ปชน. บารมีบ้านใหญ่ ขลังหรือเสื่อม?

การเมืองท้องถิ่นกับการเลือกตั้ง "นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด" (นายก อบจ.) ซึ่งที่ผ่านมามีการเลือกตั้งกันไปหลายจังหวัด ได้รับความสนใจจากแวดวงการเมืองอย่างมาก