ความเคลื่อนไหวตระหนักรับรู้ของประชาคมโลกที่มีต่อเรื่อง “สิ่งแวดล้อม” นั้นมีมายาวนานกว่า 4 ทศวรรษ โดยหมุดหมายสำคัญอยู่ที่การจัดการความอยู่รอดและการพัฒนาคุณภาพชีวิตมนุษย์ เพื่ออยู่ร่วมกับโลกแวดล้อม-สรรพสิ่งทั้งหลายอย่างมีคุณค่าความหมาย-มีการทำลายล้างน้อยที่สุด และใช้ประโยชน์จากทรัพยากร-ส่วนที่ทำลายนั้นให้มากที่สุด-เกิดประโยชน์สุดกับชีวิต-สังคม-และเศรษฐกิจ นี่คือมูลเหตุที่ประชาคมโลกใส่ใจถึงเรื่อง “สิ่งแวดล้อม” ที่มีนัยถึงการอยู่รอดร่วมกันอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด บนฐานความเสมอภาคเท่าเทียม!
การพัฒนาที่ยั่งยืนจะมีมิติ 4 มิติสำคัญคือ หนึ่ง การพัฒนาเติบโตของสังคมเศรษฐกิจที่ไม่บริโภคทรัพยากรแบบทำลายล้าง-ล้างผลาญ-ฟุ่มเฟือยจนเกินขอบเขต สอง ปรับสร้างโอกาสในการพัฒนาที่เปิดโอกาสอย่างเสมอภาคในทุกมิติ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมทุกมุมโลก สาม มีการพัฒนา-จัดการโครงสร้างเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม-ไม่ผูกขาด-เชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิตและส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึงการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเป็นธรรมกับสังคม สี่ มีการจัดการเทคโนโลยีและทรัพยากรที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่-หมุนเวียนใช้ได้ โดยลดความสูญเสียให้มากที่สุด บนมาตรฐานและมาตรการในการอยู่ร่วมกันของสังคมโลก!
วันนี้ประเด็นการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศ หรือ CLIMATE CHANGE กลายเป็นฉันทามติและกฎบัตรสำคัญของประชาคมโลก ที่ผูกโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งกฎบัตรและฉันทามติต่างๆ เหล่านี้ได้รับรู้และดำเนินการผ่านกฎหมายสิ่งแวดล้อม การจัดเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงระบบการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในระบบการค้าโลก ฯลฯ ซึ่งมาตรการ-มาตรฐาน-และข้อกำกับในระบบการค้าโลกต่างๆ ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาการผลิตและบริการในระบบเศรษฐกิจของสังคมโลกอย่างมีนัยสำคัญ!
แน่นอนว่าสิ่งแวดล้อมจะไม่ใช่ของฟรีอีกต่อไป ไม่ว่า น้ำ อากาศ และทรัพยากร ในโลกนี้จะไม่เป็นของฟรี! แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาล เอกชน และประชาคมโลกทุกมุม-ทุกประเทศ ต้องร่วมกันกำกับดูแลและใช้อย่างระมัดระวังตามกติกา-กฎบัตรกฎหมาย-รวมถึงมาตรการ-มาตรฐานต่างๆ ที่จะส่งผ่านมาสู่กระบวนการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของประชาคมโลก เพื่อให้แน่ใจว่าทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในรุ่นคนปัจจุบันจะถูกส่งผ่านให้กับคนรุ่นอนาคตได้อย่างดี นี่คือข้อตกลงที่สังคมโลกร่วมกันรับรอง-ตระหนัก บนหมุดหมายของ “การพัฒนาที่ยั่งยืน”
เศรษฐกิจในโลกยุคใหม่จึงไม่ใช่เศรษฐกิจแบบกำไร-ขาดทุนดิบๆ ที่มุ่งไล่ล่าเอาเปรียบกลุ่มสังคมที่อ่อนแอกว่า ไม่ว่าจะด้านแรงงาน-การค้ามนุษย์ หรือการปล่อยมลพิษที่ไม่รับผิดชอบ ฯลฯ อีกต่อไป ตรงกันข้าม โครงสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ที่ประชาคมโลกรับรองนั้น เป็นเศรษฐกิจที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม-มีมาตรฐานการผลิต-มาตรฐานสินค้า รวมถึงมาตรฐานการบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีการใช้เทคโนโลยีเข้าจัดการ ลดการใช้ทรัพยากร-เพิ่มขีดความสามารถในระบบการผลิต-ช่วยขจัดการงานที่น่าเบื่อหน่าย-ซ้ำซาก-จำเจของมนุษย์ ให้ค่อยๆ หมดไป เศรษฐกิจยุคใหม่จึงเป็นเศรษฐกิจที่ปฏิสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับฐานความรู้ นวัตกรรม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาคุณภาพชีวิต ฯลฯ ที่สภาเศรษฐกิจโลกเรียกรวมๆ ว่าเป็น ยุคอุตสาหกรรม 4.0!
ที่จริงการเคลื่อนไหวของขบวนการสิ่งแวดล้อมโลกนั้นมีมานาน แต่มาเริ่มเคลื่อนไหวอย่างหนัก-เข้มข้นในช่วงราวทศวรรษ ปี พ.ศ.2535 เป็นต้นมา โดยที่ขบวนการสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยก็เคลื่อนไหวหนักในช่วงนั้น โดยเฉพาะช่วงเวลาที่โหมหนักจนถึงกลางทศวรรษ 2540 เป็นช่วงที่ภาคเอกชนไทยมีการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น รับกับที่รองประธานาธิบดีอัลกอร์ ของสหรัฐอเมริกา ได้ทำสารคดีเรื่อง inconvenient truth เผยแพร่จนโด่งดัง สร้างความรับรู้ตระหนักถึงหายนะจากการไม่ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมไปทั่วโลก!
ในช่วงนั้นมีการหาทางออกต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม-ที่เคลื่อนอยู่ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจทุนนิยมที่กำลังกลัดมันกับการเอารัดเอาเปรียบแรงงาน-การบริโภคทรัพยากรแบบล้างผลาญ และการไม่รับผิดชอบต่อการก่อปัญหามลภาวะเกิดขึ้นทั่วโลก โดยสหประชาชาติร่วมกับองค์กรเอกชนร่วมจัดประชุมสุดยอด “เอิร์ธ ซัมมิท” ขึ้นที่กรุงรีโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ในปี พ.ศ.2535 หรือเมื่อกว่า 30 ปีขึ้นมา ที่ประชุมเอิร์ธ ซัมมิท ได้สร้างฉันทามติการดูแลแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมกันของโลก และยกร่างประกาศ “แผนปฏิบัติการ 21” (แผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกันของโลก หรือที่รู้จักกันในชื่อ AGENDA 21) เพื่อให้มีทิศทางในการกอบกู้-แก้ไข-สร้างสรรค์จัดการสิ่งแวดล้อมในทุกระดับ ทั้งระดับโลก ระดับชาติ และระดับท้องถิ่น ซึ่งแผนปฏิบัติการ 21 ถือเป็นเสมือนหนึ่งคัมภีร์ฉบับแรกจากความร่วมมือของชาวโลกในการดูแลสิ่งแวดล้อมในทุกระดับ จากภาพรวมสิ่งแวดล้อมโลกไปถึงทุกพื้นที่!!!
ต่อมามีการพัฒนาความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการเชื่อมโยงให้การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมปรับผสานสู่ความรับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดภาษีสิ่งแวดล้อมและมาตรฐาน-มาตรการต่างๆ ที่ทำให้เรื่องสิ่งแวดล้อมเข้าเป็นส่วนของระบบเศรษฐกิจ ทั้งการผลิตและบริการ จนวันนี้ ประเด็นเรื่อง climate Change หรือการจัดการมลภาวะกลายเป็นฉันทามติของสังคมการค้าโลกในที่สุด ล่าสุดมีการเสนอทางออกรูปเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ที่เรียกกันว่าเศรษฐกิจ BCG (Bio circular และ Green economy) เพื่อเป็นฐานการปรับสร้างเศรษฐกิจใหม่
วันนี้ประเทศไทยยุค 4.0 กำลังขับเคลื่อนใช้เค้าโครงเศรษฐกิจ BCG เป็นการสร้างเศรษฐกิจสู่ความก้าวหน้าใหม่ในกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก บนฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนตามแนวนโยบายไทยแลนด์ 4.0.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อุทธัจจะ .. ในวังวนแห่งการตื่นธรรม .. ยุคไอที!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระรัตนตรัย... สัทธายะ ตะระติ โอฆัง.. บุคคลข้ามโอฆะได้ด้วยศรัทธา.. โอฆะ หมายถึง ห้วงน้ำ ที่มีกระแสเชี่ยวกราก พัดพาสัตว์ทั้งหลายให้ตกไปในกระแสน้ำนั้น ยากจะข้ามฝั่งไปได้
’ห้าพันตารางกิโลเมตร‘ เท่ากับกี่ตารางนิ้ว ? เงื่อนตายของ MOU 2544 ?
MOU 2544 ไม่ใช่กรอบการเจรจาเพื่อหาข้อตกลง ”แบ่งผลประโยชน์(ปิโตรเลียม)“ เท่านั้น แต่หาข้อตกลง “แบ่งเขตแดน(ทะเล)“ ด้วย !
คำนูณ ผ่าปม 2 ได้ 3 เสีย ถ้าไม่ยกเลิก MOU 2544
ความเคลื่อนไหวและการแสดงความคิดเห็นเรื่อง MOU 2544 ที่เชื่อมโยงถึงเกาะกูด, การหาแหล่งพลังงานแห่งใหม่ในพื้นที่อ้างสิทธิไทย-กัมพูชา ที่มีการประเมินกันว่ามีมูลค่าสูงถึง 10 ล้านล้านบาท ยั
'แก้วสรร' แพร่บทความ 'นิติสงคราม' คืออะไร?
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “นิติสงคราม” คืออะไร???
อย่าได้ประมาทในธรรม.. “เมื่อใจตรง .. จะตรงใจ”..
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา.. เดินทางกลับมาจากอินเดีย เมื่อ ๗ พ.ย.๒๕๖๗.. ถึงกรุงเทพฯ ๘ พ.ย.๒๕๖๗ หลังจากไปร่วมประชุม “The First Asian Buddhist Summit 2024” ที่นิวเดลี งานนี้จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรมและท่องเที่ยวของรัฐบาลอินเดีย
ขึ้นต้นก็(เขียน)ผิดแล้ว ! ว่าด้วยเส้น “ละติดจูด” ที่ 11° “E” ในเอกสารแนบท้าย MOU 2544
เขียนและพูดเรื่อง MOU 2544 มาหลายปี หลากมุมมอง ล่าสุดช่วงนี้ก็จำแนกข้อดีข้อเสีย รวมทั้งส่วนที่จะได้และส่วนที่จะเสียหากเจรจาสำเร็จ ล้วนหนัก ๆ ทั้งนั้น .