สแกนหลังบ้าน ‘รทสช.’ ผนึกกำลังปึ้กพร้อมลต.

สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคึกคัก แต่ละพรรคเตรียมพร้อมสำหรับศึกเลือกตั้งที่จะถึงนี้ รวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ตอนนี้ “รวมไทยสร้างชาติ” แต่งตัวเตรียมพร้อมไปสู่สนามการเลือกตั้ง ปี 2566 แล้ว

โดย นายสยาม บางกุลธรรม รองเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ว่า

ถ้าพูดถึงความพร้อม ถ้าทางด้านบุคลากร หากตามสื่อทั่วไปผมว่าประเมินรวมไทยสร้างชาติต่ำเกินไปกว่ามาตรฐาน เพราะว่าในการทำงานของทีมผู้บริหาร ทั้งการประชุมต่างๆ เราทำกันรายอาทิตย์ แต่งานทำทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ซึ่งการทำงานเราทำมานานมากแล้ว ทำมากกว่า 2 ปี แต่ไม่ได้เป็นข่าว เราทำงานเงียบๆค่อยๆไป อะไรที่มีแนวทางร่วมกันได้เราทำกันมานานแล้ว ไม่เหมือนที่เขาว่าเราไปดูด ไม่ใช่ แต่มีคนที่เขามากับเราตั้งนานแล้วเยอะมาก ที่เขาบอกว่ารวมไทยสร้างชาติไปดูด แต่ตอนนี้เขาจะมาดูดเรามากกว่า เพราะเราได้คนเยอะเกินไป

ส่วนการมาร่วมงานกับทางพรรครวมไทยสร้างชาติของเรานั้น เพราะเชื่อมั่นในตัวผู้นำคือ นายพีระพันธุ์ เราเรียนรู้การทำงานจากท่านมาตลอด ที่คนภายนอกมองว่าท่านดุ ท่านเหมือนดุแต่เป็นการสอนมากกว่า สอนเหมือนอาจารย์ ท่านเป็นผู้นำที่ไม่ทิ้งประเด็นอะไรเล็กๆน้อยๆ ทำอะไรด้วยตัวท่านเองหลายอย่าง ประสบการณ์ท่านเยอะ เรื่องเล็กๆเรื่องละเอียดท่านเก็บหมด เราก็เป็นคนละเอียดขึ้นด้วยในการทำงาน ไม่แตกต่างกับที่เราต้องไปทำงานเพื่อประชาชน รายละเอียดเล็กๆต้องเก็บหมด คนที่มาสมัครร่วมงานกับพรรคเราเขาศรัทธาในผู้นำ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ศรัทธาในตัวนายพีระพันธุ์ในการทำงาน เมื่อก่อนผมทำงานอยู่แถวหลัง แต่วันนี้ได้มายืนอยู่ข้างหน้า ซึ่งเป็นการออกมาครั้งแรกที่เชื่อว่าข้างหลังยังแน่น และสบายใจว่าเราทำอะไรจะไม่มีเอฟเฟคอะไรกับพรรค

ส่วนความพร้อมของพรรคในสนามเลือกตั้งที่จะถึงนี้ เราพร้อม และเชื่อว่าทุกพรรคก็พร้อมเช่นกัน แต่พร้อมแบบไหน สิ่งที่เราคิดว่าทางพรรคพร้อมคือตัวบุคคลากร หัวหน้าพรรคเป็นผู้ที่คัดคน ข่าวอาจจะบอกว่ามีการรวมจากที่อื่นมาแล้วเคลียร์กันไม่ลงตัว เรื่องเขตทับซ้อนหรืออะไรต่างๆ ไม่ใช่ ที่ช้าเพราะการตัดสินใจในการคัดเลือกว่าที่ผู้สมัครหรือบุคคลากรต่างๆของพรรคในหน้าที่ต่างๆ มันไม่ได้จบที่คนๆเดียว แต่มีคณะกรรมการคัดสรร ทุกบุคคลากรที่ถูกนำเสนอให้พรรคต้องถูกกางข้อมูลออกมาดู ตั้งแต่ประวัติ ดูจนถึงคะแนน ดูรายละเอียดสาขาวิชาชีพ การทำงานมาทั้งหมด ว่ามีความปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่นั้นหรือไม่ ที่สำคัญไม่ใช่ว่าเป็นนักการเมืองเก่าแล้วจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ คุณสมบัติสำคัญมากเรื่องบุคคลากร และหัวหน้าพรรคให้นโยบายชัดเจนว่าคัดคนทำงานจริงๆที่มีการลงพื้นที่ ยี้ไม่เอา อะไรที่เอามาแล้วประชาชนเสียความรู้สึกท่านไม่เอา

และนั่นทำให้เราได้ส.ส.เกรดเอ แต่คำว่าเอของเราไม่ใช่คะแนนเยอะอย่างเดียว คุณภาพมากกว่า บางทีเกรดบีแต่คุณภาพเยอะแยะ บางคนเป็นเกรดซีแต่ไม่ได้รับการสนับสนุนก็มี ที่เขาบอกว่าไม่ต้องหวังถึงเกรดเอ เพราะจะมีแค่เกรดบีกับซีมาถึงเรา อันนี้เราพิจารณา เพราะเราดูคนไม่ใช่แค่เกรดเอ บี และซี แต่ดูคนที่เหมาะสมกับพื้นที่หรือประชาชนในพื้นที่ยอมรับหรือไม่ เลยทำให้เรามั่นใจเรื่องการคัดสรรคว่าที่ผู้สมัคร และบางท่านที่วิ่งหาพรรคเรา ที่เป็นเกรดบีและซี แล้วคนอื่นเขาไม่เอาก็มี พรรคอื่นไม่คุยด้วย แต่ที่นี่คุย และคุยแล้วทุกอย่างต้องทำตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ดูว่าเขาทำพื้นที่ไว้อย่างไร มีแผนที่คะแนนอย่างไร เขามีใครบ้าง เขาทำอะไรไว้อย่างไร เราสามารถเช็คถึงพื้นที่ว่าเขาทำพื้นที่จริงหรือไม่ ทั้งนี้มีหลายคนที่เข้ามาก่อนที่จะมีกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเราทำงานกันมาก่อนแล้ว 2 ปีกว่า ตอนที่ยังไม่มีกระแสของพล.อ.ประยุทธ์ เราได้ทำงานไปเกิน 80 เปอร์เซ็นแล้ว

ตอนนี้เราได้ตัวว่าที่ส.ส.ครอบคลุมทุกภาค และมีนโยบายที่ชัดเจนว่าเราส่งครบทุกเขต 400 เขต ซึ่งไปมากกว่า 85-90 เปอร์เซ็นแล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่าภาคใต้กระแสดีมาก ก็ต้องยกเครดิตให้กับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค เป็นผู้เริ่มต้นมา เขาทำพื้นที่กันมานานแล้ว ทำพื้นที่กันตลอด สิ่งที่มาเป็นข่าวตอนนี้บรรดาแกนนำพรรคทำกันมานานแล้ว ตอนนี้เราพร้อมทุกอย่าง และเตรียมเปิดนโยบายพรรคเพิ่มเติม โดยโปรเจคของพรรคที่มีนายพีระพันธุ์ ที่เคยเป็นผู้พิพากษามาก่อน ท่านเตรียมเรื่องข้อกฎหมายที่ครอบคลุมในการแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้ประชาชน โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ ท่านให้ความสำคัญเรื่องกฎหมายมาก ว่ากฎหมายจะเปลี่ยนประเทศไทยอย่างไร เพราะจากการเดินสายต่างๆไม่ว่าจะภาคธุรกิจ ภาคเอกชน ประชาชน จะพบว่าติดทางเรื่องกฎหมาย ดังนั้นนโยบายพรรคซึ่งจะมีการเปิดตัวเร็วๆนี้จะเป็นเรื่องของ พ.ร.บ.

“วันนี้ผมเห็นหลังบ้านที่ทำอะไรไว้พร้อมมาก ที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศจริงๆ หัวหน้าพรรคให้นโยบายเราตลอดในการทำงาน เราไม่เล่นการเมือง การเมืองเป็นเรื่องของเกมการเมือง ซึ่งท่านเบื่อ ผมก็เบื่อ เราคุยอย่างเดียวคือเรื่องบ้านเมือง เพราะฉะนั้นเรื่องบ้านเมืองหัวหน้าพรรคจะลงรายละเอียดเลยว่าจะเปลี่ยนอย่างไร ปัญหาของประชาชนในแต่ละกลุ่มที่แตกต่างทำอย่างไร ปัญหาที่เจอเหมือนกันทำอย่างไร กฎหมายตัวไหนที่สามารถเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นกฎหมายที่เป็นยาสามัญประจำบ้านเราก็มี เป็นยาเฉพาะจุดเราก็มี”​

สำหรับบทบาทของผมในการทำงานขอแยกเป็น 2 ส่วน ถ้าในมุมของภาคการเมือง การพูดคุย การเจรจาของตัวบุคคลากรเป็นภารกิจหนึ่งที่ได้รับมอบหมาย ในการคัดสรรคนดีๆ เราอยู่ในภาคการเมืองมานาน เห็นทั้งคนที่ดีและไม่ดี คนไหนที่มีความมานะอุตสาหะ คนไหนที่ขี่คอเพื่อนขึ้นมา หรืออะไรต่างๆเราเห็นหมด เราสามารถบอกได้ว่าใครที่เอามาร่วมงานกันได้ บางคนที่เขาอาจหลงผิดไปแล้วและเมื่อพูดคุยกันให้เห็นว่าเราทำอะไรได้บ้างก็เอามาร่วมกัน ส่วนเรื่องที่สอง ภารกิจในพรรค ซึ่งหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรคมอบหมายให้ก็ดำเนินการทุกเรื่อง งานผู้บริหารทุกคนยุ่งหมด ดังนั้นอะไรที่แบ่งเบาภาระของผู้ใหญ่ได้ทำหมดทุกเรื่อง

ส่วนการทำงานของทีมเลขาธิการพรรค เราทำงานแบบมองตารู้ใจ และผมได้รับมอบหมายให้ดูแลทีมผู้สมัครส.ส.กทม. ซึ่งจะเห็นตามข่าวว่าพรรคเรามีคนเข้ามาจากหลายๆพรรคมารวมกัน ดังนั้นเราได้รับมอบหมายให้ดูแล ให้มีการแลกเปลี่ยนกัน บางคนมีเขตพื้นที่ติดต่อกัน เคยเดินลงสนามแข่งกัน ก็ได้มาพบกันแลกเปลี่ยนกัน เราจะมีกิจกรรมร่วมกัน แต่ละคนได้รับโจทย์ให้คิดนโยบายพื้นที่ ให้ไปทำเวิร์คช้อปกัน และเอาไอเดียมารวมกัน ทั้งหมดทำเป็นวิชาการและท้ายสุดจะถูกรวบรวมเข้ากรรมการบริหารพรรค

อีกอันหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของทีมกทม. ทุกคนนำเสนอในกรรมการคัดสรร เนื่องจากนโยบายที่ชัดเจนของหัวหน้าพรรค ทำให้เรามีคนเคมีเดียวกันมารวมกัน ทำให้การทำงานง่าย และเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยทำให้คุยง่าย ทำให้การทำงานไม่มีปัญหา และมีส.ส.หน้าใหม่ด้วยที่ไม่เคยลงเลย แต่มีไอเดียดี ที่นี่เราเลือกคนสู้ ลุย ลงพื้นที่สู้ไม่ถอย มาได้หมด อย่างนี้มีมาหลายคน คนรุ่นใหม่ที่เป็นตัวดีและใช้ได้ เราพิจารณาแม้กระทั่งแผนที่คะแนน ไปจนถึงหมู่บ้าน ว่าเขาถึงไหม แต่บางเขตพื้นที่เรามีผู้สมัครที่เป็นหน้าใหม่ แต่เรามีทีมสก. สข. เดิมอยู่ เราก็โชคดี เพราะเขาประกบลงไปทำงานกันแล้ว

เราไม่เห็นจำเป็นต้องดูดใคร บางคนมีข่าวจะมานี่แต่ไปที่อื่นก็เยอะแยะ คนที่อยากทำงานมีเยอะ คนที่เดินมาสมัครยังมีเรียกมาคุย บางคนบางพรรคไม่เอา ผู้ใหญ่ไม่ใช้ทำงานเลยก็มี เราก็คุย เพราะเราอาจเจอของดีก็ได้ และเราก็เจอด้วย ทั้งนี้ในการลงสนามเลือกตั้งทุกพรรคเขาจะรู้ว่าภาคไหน เขตไหน ตรงไหนใครแข็ง พรรคไหนแข็ง ซึ่งผู้สมัครที่จะลงในพื้นที่เหล่านั้นเรามี อย่างภาคอีสานเรามีครบทุกเขต เวลาลงพื้นที่เรามักจะไปคุยกับชาวบ้าน คุยกับสจ. นายก อบจ. คนในท้องถิ่น ข้อมูลที่ได้มาในภาคอีสานคู่แข่งไม่ได้ลงพื้นที่เลย เราใจชื้น เพราะเราเป็นคนทำงาน ลงพื้นที่ เราหาคนขยันเหมือนที่หัวหน้าพรรคตั้งไว้ว่า เราต้องการคนขยัน หมั่นดูแลพื้นที่ เข้าใจประชาชน เข้าใจปัญหา คนที่จะอยู่ติดพื้นที่ได้ตลอด และในภาคอื่นๆ พื้นที่อื่นๆเราก็เน้นการลงพื้นที่เช่นกัน ซึ่งตอนนี้ชื่อพรรคเป็นที่รู้จักของประชาชนแล้ว

ส่วนเรื่องกลุ่มก๊วนต่างๆภายในพรรค พรรคเราไม่มี เพราะก่อนที่จะมาเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ หัวหน้าพรรคเราบอกเลยว่าพรรคเราไม่มีก๊วน ไม่มีมุ้ง ไม่มีเหล่า ไม่แบ่งสีอะไร ยึดอย่างเดียว ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการทำงานหัวหน้าพรรคเราก็แต่งตั้งแต่ละคนตามศักยภาพในการทำงาน ตามประสิทธิภาพและความสามารถ ดังนั้นภารกิจเป็นเรื่องสำคัญสำหรับท่าน ท่านถามเลยถนัดยังไง ท่านแจกงานตามนั้นและให้ตำแหน่งตามที่ถนัด นี่เป็นจุดเด่นของหัวหน้าพรรค ซึ่งจะทำให้งานออกมาดี แล้วไม่ต้องมาสร้างมุ้ง ทำงานได้สบายใจ และทำได้ดี ดังนั้นเมื่อการทำงานออกมาดี ประสานการได้ลงตัว เมื่อทุกอย่างออกมาดี เรื่องเก้าอี้ส.ส. เรายังอยากคอนเฟิร์มตามเดิมว่า เราได้ส.ส.มากกว่า 25 ที่นั่งแน่นอน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง