เฉลิมชัย-เลขาธิการพรรคปชป. นำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง 2566 ย้ำได้ต่ำกว่า 52 เสียง ขอวางมือ

พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ที่ถูกจับตามองอย่างมากสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า 2566 หลังที่ผ่านมามีแกนนำ-ส.ส.-อดีต ส.ส.ของพรรคลาออกไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่นจำนวนไม่น้อย รวมถึงบางคนก็ออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ จนเกิดคำกล่าวที่ว่า ประชาธิปัตย์-พรรคสีฟ้า เลือดไหลออกไม่หยุด อย่างไรก็ตาม พบว่าประชาธิปัตย์เป็นอีกหนึ่งพรรคการเมืองที่มีฐานเสียงเหนียวแน่น มีแฟนคลับให้การสนับสนุนพรรคจำนวนมาก โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร-ภาคใต้ และอีกหลายจังหวัดในแต่ละภาค และที่ผ่านมาจะพบว่ารอบนี้ประชาธิปัตย์มีการเตรียมพร้อม-จัดทัพ สำหรับการเลือกตั้งแต่เนิ่นๆ เรียกได้ว่าออกตัวเร็วกว่าพรรคการเมืองอื่นอย่างเห็นได้ชัด

เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ แม่ทัพใหญ่ของพรรค ปชป.ตัวจริงเสียงจริง ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ ไทยโพสต์ ถึงการเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งของพรรค ปชป. ตลอดจนกระแสข่าวคลื่นใต้น้ำในพรรคและกรณีคนในพรรคลาออกไปอยู่กับพรรคการเมือง ซึ่ง เฉลิมชัย ย้ำหนักแน่น คำเดิม หากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ถ้าพรรค ปชป.ได้ ส.ส.ต่ำกว่าตอนเลือกตั้งปี 2562 คือต่ำกว่า 52 ที่นั่ง จะขอวางมือ-เลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต

เมื่อเริ่มคุยกัน เฉลิมชัย-เลขาธิการพรรค ปชป. บอกว่า ที่ผ่านมาประชาธิปัตย์มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น เช่น ในด้านผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็มีการเตรียมพร้อมมากกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 โดยพรรคได้ให้ผู้สมัคร ส.ส. รวมถึงตัวคนที่เป็น ส.ส.ในปัจจุบันได้ทำการเมืองต่อเนื่องมา 2-3 ปีติดต่อกัน คนกลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่เป็นความหวังของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะเดียวกันพรรคก็ได้มีการคัดเลือกตัวผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตเกือบครบหมดทั้ง 400 เขต โดยพรรคมีการตั้งนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้อำนวยการในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น โดยจะดูแลในส่วนของผู้สมัคร และเรื่องทั่วไปในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ยืนยันได้ว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ประชาธิปัตย์มีความพร้อมมากกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2562

สำหรับเรื่องนโยบายของพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง ทางพรรคมีคณะกรรมการจัดทำนโยบาย โดยกรรมการแต่ละภาคของพรรคจะมีการรวบรวมนโยบายของแต่ละภาคส่งมาให้กับคณะกรรมการนโยบายของพรรค อย่างนโยบายเรื่อง ภาคการเกษตร ผมก็ได้จัดทำส่งไปให้คณะกรรมการนโยบายของพรรคแล้ว ที่ก็ต้องรอให้คณะกรรมการไปทำนโยบายให้สมบูรณ์ จากนั้นเมื่อถึงเวลาก็คงมีการประกาศนโยบายพรรคที่จะใช้ในการหาเสียงออกมา

-ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ถึงตอนนี้ประเมินว่าพรรคจะได้ ส.ส.ทั้งหมดหลังเลือกตั้งกี่คน คิดว่าจะได้เกินกว่า 52 ที่นั่ง ที่เคยได้ตอนเลือกตั้งปี 2562 หรือไม่?

ผมมั่นใจว่าประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.มากกว่า 52 คน ถ้าต่ำกว่า 52 คน ผมก็รับผิดชอบคำพูดผม ก็คือเลิกเล่น แต่ส่วนตัวผม ผมมั่นใจว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น พรรคจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม และยืนยันว่า ส.ส.เขตหลังเลือกตั้ง พรรคจะได้ ส.ส.ในทุกภาค มากกว่าเดิมในทุกภาค

ดังนั้น ถ้าใครที่คิดและไปออกข่าวในลักษณะที่ว่า ผมจะไปหาเรื่องเพื่อที่จะไม่ต้องรับผิดชอบต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นข่าวเท็จทั้งหมด ผมเป็นนักเลงพอ เป็นลูกผู้ชายพอ ไม่มีวันทิ้งพรรคกลางศึก ผมเป็นแม่ทัพที่มีหน้าที่พาพรรคประชาธิปัตย์เข้าสู่สนามเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะฉะนั้นไม่มีวันที่ผมจะทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ และคำพูดที่ผมพูดออกไป ผมรับผิดชอบ และผมพูดด้วยสติ ใครที่คิดว่าประชาธิปัตย์จะสูญไป แล้วผมจะเลิกเล่นการเมือง ผมว่าเขาคิดผิดแล้ว ผมมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.หลังเลือกตั้งมากกว่า 52 ที่นั่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนจะได้มากกว่าเท่าไหร่ คุณรอดูวันเลือกตั้งแล้วกัน อย่างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ผมยืนยันได้ว่าประชาธิปัตย์มี ส.ส.เขต กทม.แน่นอน จะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นในทุกภาค ไม่ว่าจะเป็นภาคใต้ ภาคกลาง กรุงเทพฯ เหนือ อีสาน เพิ่มหมดทุกภาค

-ทำไมถึงกล้าเอาชีวิตการเมืองตัวเองเป็นเดิมพัน ที่เคยบอกว่าจะเลิกเล่นการเมืองหากพรรคได้ ส.ส.หลังเลือกตั้งน้อยกว่าตอนเลือกตั้งปี 2562?

ผมเอง วันนี้ผมบริหารพรรคประชาธิปัตย์ด้วยมือด้วยตัวผมเองเลย ผมรับผิดชอบในส่วนที่เป็นหัวใจของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด และต้องการประกาศให้คนประชาธิปัตย์รับรู้ว่าวันนี้ ประชาธิปัตย์วันนี้ยังสู้อยู่ ผมถึงกล้าประกาศ การประกาศของผม เกิดจากการที่คิดแล้ว พิจารณาแล้ว ผมถึงกล้าประกาศ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ แล้วขึ้นเวทีประกาศแบบนั้น พูดด้วยความมันส์ หรือพูดด้วยอารมณ์พาไป ไม่ใช่ครับ ผมใช้เหตุและผล และเป็นการส่งสัญญาณบอกไปถึงชาวประชาธิปัตย์ทั้งหลายว่าเมื่อผมสู้ ก็ต้องมาสู้กับผม และผมมั่นใจว่าผมไม่ต้องเลิกเล่นการเมือง พรรคจะได้ ส.ส.หลังเลือกตั้งมากกว่า 52 เสียง ขอให้รอดูในวันเลือกตั้ง

-บางพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่ เช่น ไทยภักดี รวมไทยสร้างชาติ ที่ก็เป็นอดีตคนประชาธิปัตย์ไปตั้ง และดูเหมือนจะเป็นพรรคการเมืองที่มีฐานเสียงคล้ายกัน แบบนี้จะทำให้มีการมาแย่งฐานคะแนนไปจากประชาธิปัตย์หรือไม่ โดยเฉพาะบางแห่ง เช่นภาคใต้?

ผมว่ามันไม่ใช่ คือเหมือนว่าจะเป็นพรรคการเมืองที่มีฐานเดียวกับประชาธิปัตย์ แต่จริงๆ แล้วผมว่าประชาธิปัตย์ ก็คือประชาธิปัตย์ ผมมั่นใจว่าวันนี้ความเป็นประชาธิปัตย์จะกลับมา แล้ววันนี้ผมไม่ได้สนใจข่าวอะไรที่มีการสร้างกันเพื่อให้เกิดผลกระทบทั้งภายในและภาคนอก ผมมีอย่างเดียวคือตั้งใจจะพาประชาธิปัตย์เข้าสู่สนามเลือกตั้ง และนำชัยชนะกลับมาให้มากที่สุด นั่นคือเป้าหมายผม ดังนั้นจะมีกี่พรรคการเมืองก็เป็นเรื่องปกติและเป็นสิทธิของเขา เพียงแต่ว่าเขาก็ทำของเขาไป แต่อย่ามาก้าวล่วงในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ หากมาก้าวล่วง ผมก็มีความจำเป็นต้องปกป้องตัวเอง ปกป้องพรรค

-รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของประชาธิปัตย์ จะมีขั้นตอนพิจารณาอย่างไร และจะเสนอชื่อจุรินทร์ หัวหน้าพรรคเพียงชื่อเดียวหรือจะเสนอชื่อคนอื่นเพิ่มอีก?

เรื่องนี้ต้องนำเข้าสู่การประชุมของคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีข้อบังคับพรรคอยู่ ส่วนจะมีชื่อคนอื่นหรือไม่ ผมยังตอบไม่ได้ แต่โดยหลักการแล้ว เราก็จะส่งชื่อหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับหนึ่ง โดยการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เป็นการเลือกตั้งที่ใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เป็นครั้งแรก ตอนนั้นประชาธิปัตย์ก็มีมติเสนอชื่อหัวหน้าพรรคคนเดียว (อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องรอดูว่ากรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์จะมีความคิดเห็นอย่างไร แต่ว่าเราก็ต้องเสนอชื่อหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว

จะมีชื่อ'อภิสิทธิ์'ติด1ใน3

แคนดิเดตนายกฯหรือไม่?

-คนที่เชียร์ประชาธิปัตย์อยากรู้กันมากว่า บทบาทของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นจะเป็นอย่างไร จะมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และมีชื่อติดอยู่ใน 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่?

วันนี้คุณอภิสิทธิ์ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ ซึ่งส่วนตัวผมก็คิดว่าต้องเรียนเชิญท่านมาลงสมัคร ส.ส. ส่วนว่าคุณอภิสิทธิ์จะตัดสินใจ ลงสมัคร ส.ส.หรือไม่ลง มันเป็นสิทธิของท่าน ส่วนที่หลายคนถามกันว่าแล้วท่านจะมาช่วยพรรคหรือไม่ ผมยังเชื่อมั่นในตัวท่านว่าความเป็นประชาธิปัตย์ในตัวคุณอภิสิทธิ์ยังมีอยู่สูง เพราะเคยเป็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้น จากสองจุดนี้ ส่วนตัวผมยังเชื่อมั่นว่าท่านต้องมาช่วย

ส่วนเรื่องการจะมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ ตอนนี้ก็อยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แล้วก็อยู่ที่แนวทาง คืออย่างนี้มันอยู่ที่ตัวคุณอภิสิทธิ์เป็นหลักว่าจากแนวทางของท่าน เมื่อผู้บริหารพรรคเรามีแนวทางอย่างนี้ จะเดินไปในทิศทางแบบนี้ แล้วคุณอภิสิทธิ์โอเคหรือไม่ หากท่านโอเค ก็โอเค แต่ถ้าคุณอภิสิทธิ์ไม่โอเค ก็ไม่โอเค มันอยู่ที่ตัวท่านอภิสิทธิ์เป็นหลัก ไม่ใช่อยู่ที่ตัวใครเป็นหลัก

-ตัวนายจุรินทร์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมีจุดแข็งที่พรรคนำไปชูหาเสียงเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอย่างไร?

อย่างน้อยที่สุดความเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือความพร้อมในการเป็นผู้นำประเทศ คุณจุรินทร์ก็มีความซื่อสัตย์สุจริต มีประสบการณ์ในการทำงาน ไม่ว่าในทางฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร เป็นมาแล้วทั้งประธานวิปรัฐบาล ประธานวิปฝ่ายค้าน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ประสบการณ์การทำงานของคุณจุรินทร์ ที่การทำงานวันนี้มันวันแมนโชว์ไม่ได้ ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ ต้องทำงานกันเป็นทีม และต้องทำงานกับทีมได้ด้วย วันนี้หากคุณได้ทีมงานที่ดีก็บริหารงานได้ เพราะหากต่อให้ใครเก่งขนาดไหน แต่ถ้าได้ทีมงานไม่ดี ก็บริหารไม่ได้ วันนี้จึงต้องมองในภาพรวมทั้งหมดขององค์กรและของรัฐบาลที่จะรวมกันตั้งในวันข้างหน้าว่า สิ่งที่มารวมกันจะมีความสามารถในการบริหารประเทศหรือไม่ ประชาธิปัตย์พร้อมที่จะสู้ พร้อมที่แข่งขัน

เลือดไหลออก 

บางทีก็เป็นหนอง-ยาหมดอายุ

-เรื่องปัญหาคนออกจากพรรคหรือเลือดไหลออก บางคนที่ออกไปก็เป็นคนที่เคยมีบทบาทในพื้นที่ เป็น ส.ส.หลายสมัย?

เอาแบบนี้ ผมจะไม่ใช้คำว่า เลือดไหลออก เพราะผมเคยพูดแล้วว่า บางครั้งมันก็เป็นหนอง มันไม่ใช่เลือด บางครั้งก็เป็นยาหมดอายุ ส่วนบางคนเราก็เสียดาย มันเป็นภาพรวมๆ กันไป เอาว่า คนที่จะออก ก็คือจะออก เช่นออกเพราะอุดมการณ์วันนี้ไม่ตรงกัน ออกไปเพราะไม่มีความสุข ออกเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่เราจากกันด้วยดี แต่อย่าทำร้ายกัน ออกก็ออก แต่เรายังอยู่ในแวดวงการเมืองด้วยกัน เรายังต้องเจอกัน เรายังต้องทำงานด้วยกันได้ แต่ถ้าคุณออกไปแล้วคุณมาเผาบ้านเก่าคุณ หรือถ้าพูดหยาบๆ หน่อย คุณออกไป แต่เอาขี้ทิ้งไว้ในบ้าน อย่างนี้มันคุยกันไม่ได้ เมื่อคุยกันไม่ได้ วันหน้าก็ต้องสู้กัน

ผมเคยบอกไปแล้ว ใครที่ไม่มีความสุขในวันนี้ คุณก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่ แต่ขอให้คุณออกไปอย่างมิตร ในเมื่อคุณตั้งใจจะออกไปแล้ว แต่คุณยังจะมาทำลายพรรคด้วยการอยู่จนนาทีสุดท้ายทำไม คุณทำเพื่ออะไร ทำเพื่อให้พรรคหาตัวคนมาลงสมัครแทนไม่ทัน เพราะคุณรู้ว่าพรรคมีมารยาทไม่กล้าไล่คุณออกแบบนี้หรือ หรือพอพรรคแสดงความคิดเห็นเรื่องของเขา ก็มาบอกว่าพรรคไล่คุณ แบบนี้มันถูกต้องหรือ ผมว่าคนเราโตๆ กันแล้วก็ต้องไปใช้สมองคิดกันหน่อย

-ยังมีข่าวว่าอาจจะมี ส.ส.ประชาธิปัตย์ ออกไปอยู่พรรคการเมืองอื่นอีกหลังจากนี้?

มีครับ ผมไม่เคยปฏิเสธว่าไม่มี และผมบอกผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ตลอดว่าต้องพูดความจริงกับประชาชน เรื่องนี้มันมี และผมเป็นคนที่อยู่กับ ส.ส. ผมคลุกคลีกับ ส.ส. ผมรู้มาตั้งเป็นปีแล้วว่าใครจะออกจากพรรคไปบ้าง เพียงแต่เขารอเวลาที่จะออก แต่ก็ยอมรับว่าตอนนี้ยังมีอยู่อีกประมาณ 2-3 คน ที่ผมไม่คาดว่าเขาจะออก แต่ว่าเขาจะลาออกไป ก็ยอมรับว่ามี ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่มันก็จะไม่เกินจำนวนจากนี้

ผมยังเคยพูดเล่นๆ กันเลยว่า หากออกไปจากพรรคกันทีเดียวเลยพร้อมๆ กัน เลือดมันอาจไหลออกมาเยอะหน่อย แต่แผลมันก็จะปิด แต่วันนี้ค่อยๆ ทยอยออก แบบมีนัยสำคัญ มันเลยทำให้เกิดกระแส เลือดไหลไม่หยุด ผมเลยต้องออกมาพูดความจริง ซึ่งผมอยากให้ฟังผมคนเดียวที่จะบอกว่าประชาธิปัตย์คืออะไร

วันนี้เลือดไหลออก ก็ไหลออกจริง แต่มันมีเลือดปนหนอง ก็ออกจริง ซึ่งหากถามผมว่ายังจะมีออกไปจากพรรคอีกไหม ก็คาดว่ายังจะมี แต่ว่ามีตามที่เราคาดการณ์ไว้ ไม่ได้มากไปกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ และถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้คนที่จะออกตัดสินใจเลย ถ้าจะไป ท่านอย่าทำร้ายพรรคเลย อย่าเผาบ้าน ท่านอยู่บ้านหลังนี้ ท่านได้ทุกอย่างไปจากบ้านหลังนี้เยอะพอสมควรแล้ว เวลาท่านจากไปก็ไม่ควรทำร้ายพรรค ไม่ควรทำร้ายบ้านหลังนี้

ที่บอกกันว่าเลือดไหลออก ต้องบอกว่ามันมีทั้งเลือด ทั้งหนอง มีทั้งยาหมดอายุ คือเราไม่ได้ส่ง และหลายคน ผมบอกเลยว่า ถ้าลูกผู้ชายแมนๆ เคยพูดด้วยซ้ำว่าลงอีกก็ไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ยุคของผม คือเวลาไปมันดีหมด ซึ่งดีผมเห็นด้วย ผมโอเค ยินดีด้วย แต่อย่าหันมาทำร้ายพรรค อย่างน้อยที่สุดก็เป็นที่ซึ่งทำให้ได้มีคุณทุกวันนี้ ผมขอแค่นี้เอง ที่ผ่านมาผมไม่เคยออกไปตอบโต้ เพราะมันไม่มีประโยชน์ ก็ต่างคนต่างไป เจอกันในสนามเลือกตั้งก็สู้กัน

-ที่ผ่านมามีข่าวออกมาตลอดว่า ประชาธิปัตย์มีคลื่นใต้น้ำ มีแบ่งกลุ่มแบ่งก๊ก คนที่อยู่ฝ่ายนายจุรินทร์ได้ดิบได้ดี?

ผมบอกอย่างนี้ เอาว่าที่เราคุยกันวันนี้ ซึ่งกำลังจะหมดปี 2565 ประชาธิปัตย์มีกลุ่มเดียวคือ กลุ่มเฉลิมชัย ไม่มีกลุ่มอื่น

เพราะฉะนั้นอย่าไปฟังใคร คนที่ออกมาบอกเรื่องว่ามีกลุ่มโน้น ก๊กอะไรต่างๆ ไม่มีครับ ยืนยันได้เลย

เรื่องที่เป็นข่าวอะไรต่างๆ ก่อนหน้านี้ ยืนยันอีกครั้งว่ามันไม่มีอะไร คำพูดผม คือคำพูดพรรค หากใครไปฟังคนอื่น แล้วบอกว่ามีสายข่าว แหล่งข่าวอะไรต่างๆ แต่ข่าวมันไม่จริง พอข่าวออกมา ความเสียหายมันเกิดขึ้นแล้ว ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง มันไม่มีคนรับผิดชอบ แล้วคนที่เสียหายคือพรรค คือองค์กร ที่ผ่านมา ที่ผมไม่เคยออกมาให้ข่าวกับสื่อ เพราะไม่อยากให้เกิดความสับสน คนนั้นพูดที คนนี้พูดที แต่เมื่อวันนี้มีข่าวออกมามาก แล้วอ้างแหล่งข่าวกันโดยทำให้พรรคเสียหาย ผมก็เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องออกมาพูดว่าอะไรคืออะไร

-ที่ผ่านมา มีแต่ข่าวคนออกจากพรรค ส่วนคนเข้าพรรค มีแค่ไม่กี่คนเช่น ดร.เอ้ สุชัชวีร์, มาดามเดียร์ วทันยา หลังจากนี้จะมีคนเดินเข้ามาที่ประชาธิปัตย์บ้างหรือไม่?

ก็มี คือตอนนี้ผมกำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคประชาธิปัตย์ คือภาพของคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำงานที่พรรคประชาธิปัตย์จะมีมากขึ้น จะมีบทบาท มีสถานะในพรรคมากขึ้น ขอให้รอดูวันที่พรรคประกาศตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แม้แต่ในภาคใต้ คนที่จะเข้ามาทดแทนคนที่ออกไป ทั้ง ส.ส.เดิมที่ออกไป หรืออดีตผู้สมัครที่สอบตกแล้วออกจากพรรคไปแล้ว แต่คนที่เข้ามาทดแทน จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เกินครึ่ง เป็นคนมีความรู้ความสามารถ เป็นผู้นำกลุ่มเยาวชน เป็นนักวิชาการ นี่คือการเปลี่ยนแปลงภายในประชาธิปัตย์ เปลี่ยนโดยใช้คนรุ่นใหม่มาขับเคลื่อน เปลี่ยนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่ใช่ว่าประชาธิปัตย์ 76 ปีต้องเอาคนแก่ คนมีอาวุโส ไม่ใช่ คือต้องให้คละกัน ให้มีความหลากหลาย

คาดนายกฯยุบสภา

ไม่อยู่ครบเทอมสี่ปี

-ประเมินว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อใด คิดว่าจะมีการยุบสภาเกิดขึ้นอย่างไรหรือไม่ แล้วหากมีการยุบสภา พรรคประชาธิปัตย์พร้อมมากน้อยแค่ไหน?

เรื่องจะยุบสภาหรือไม่ยุบสภา เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่ผมคาดว่าท่านยุบ แต่จะเป็นช่วงไหน ผมไม่รู้ แต่ก็เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจริงๆ ถึงตอนนี้ก็เหลืออีกแค่สามเดือน ที่จะยุบหรือไม่ยุบ ไม่ต่างกันหรอก แต่ผมคาดว่าในทางการเมือง จากเท่าที่ผ่านมา จากประสบการณ์โอกาสที่จะยุบสภา สูงกว่าไม่ยุบ

ส่วนความพร้อมของประชาธิปัตย์ เรายืนยันว่าเราพร้อมทุกอย่าง และผมมั่นใจว่า ส.ส.เขต ประชาธิปัตย์จะได้เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งปี 2562 ทุกภาค

-การที่กติกาเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเปลี่ยนจากบัตรใบเดียวเป็นสองใบ จะมีผลต่อพรรคประชาธิปัตย์อย่างไรกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น?

สำหรับผม จะเป็นการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวหรือสองใบ ไม่แตกต่างกัน อันนี้ความเห็นของผม ซึ่งก็จะไม่มีผลกับพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้ง เพราะพรรคมีการเตรียมตัว มีการเตรียมการในการที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งคนที่เตรียมพร้อมในการเข้าสู่การเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นระบบการเลือกตั้งแบบไหนก็รับได้ทั้งหมด คือหลายคนอาจได้รับผลกระทบกระเทือน หากคิดในเชิงเรื่องของสัดส่วนระบบบัญชีรายชื่อ แต่สำหรับผมมองว่าหากใครที่มีความพร้อม ระบบไหน ก็ได้หมด

-ในช่วงการเป็นรัฐบาลมาเกือบสี่ปีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่รับผิดชอบกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ ได้มีการทำเรื่องการประกันรายได้สินค้าเกษตร ตามนโยบายพรรคที่หาเสียงไว้อย่างไรบ้าง?

โครงการประกันรายได้เกษตรกร เป็นนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ได้นำเสนอต่อพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลและนโยบายดังกล่าว ก็ถูกนำไปแถลงเป็นนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งการดำเนินการตามโครงการประกันรายได้เกษตรกร ในช่วงเกือบสี่ปีที่ผ่านมา ได้ช่วยให้เกษตรกรผ่านพ้นวิกฤต เพราะรัฐบาลชุดนี้เข้ามาประมาณหนึ่งปี ก็เจอเรื่องโควิดระบาดที่สร้างผลกระทบกับทุกภาคส่วน แต่ว่าเกษตรกรที่อยู่ในกลุ่มสินค้าเกษตรห้าชนิดตามโครงการประกันรายได้ สามารถที่จะยืนอยู่ได้ที่ส่วนหนึ่งเลยมาจากการประกันรายได้และอีกส่วนหนึ่งเมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้น กระทรวงเกษตรฯ ได้ขับเคลื่อนร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ จนกระทั่งสินค้าหลายตัวมันเกินกว่าราคาประกันรายได้ ที่ทำให้เงินในกระเป๋าของเกษตรกรเพิ่มขึ้น สี่ปีที่ผ่านมา

โครงการประกันรายได้เกษตรกร จึงสร้างคุณประโยชน์ให้กับเกษตรกร ทำให้เกษตรกรมีความเข้มแข็งและวันนี้เมื่อวิกฤตทุกอย่างผ่านไป ผมว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรเดินไปข้างหน้าได้ และวันนี้ความมั่นคงด้านอาหาร ถือเป็นวาระสำคัญของโลก ถ้าเรานำวิกฤตตรงนี้มาเป็นโอกาสได้ ก็จะทำให้สามารถสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรได้ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกดีขึ้น ส่วนเรื่องการประกันรายได้ก็ต้องมีการปรับปรุงพัฒนา อะไรที่ดีเอาไว้ อะไรที่ไม่ใช่ก็ต้องปรับเปลี่ยนและต่อยอดไป.

                           โดย วรพล กิตติรัตวรางกูร