เมื่อ 2-3 วันก่อนได้ติดตามการถ่ายทอดงานพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิต จากเหตุเศร้าสลดที่ศูนย์เด็กเล็กอุทัยสวรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภู บทเรียนร่วมของสังคมไทยที่สร้างความทุกข์โศก-เศร้าสลดจนโด่งดังไปทั่วโลก! กรณีนี้คงปล่อยผ่านเลย-เพิกเฉยไม่ได้ น่าจะต้องสร้างมุมมอง-สร้างความเข้าใจ-ร่วมกัน เพื่อให้เหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาเช่นนี้หมดไปจากสังคม อย่าให้มันเกิดซ้ำอีก!
คนแต่ละคน : มีตัวตนดำรงอยู่ในสังคมเช่นไร? อย่างไร? คือคำถามสำคัญที่จะไขความลี้ลับและแรงขับเคลื่อนที่ส่งผลให้คนแต่ละคนขับเคลื่อนตัวเองหรือกระทำการใดๆ ในสังคมที่ล้อมรอบตัวอยู่! ปมออดิปัส-จิตวิเคราะห์ของ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ ชี้ว่าปมนี้ก่อรูปความคิด-ตัวตนมาตั้งแต่วัยเยาว์ ฟอร์มตัวตนเองและปฏิสัมพันธ์กับโลกแวดล้อม-สร้างความเข้าใจโลกแวดล้อมรอบตัว หมายถึงคนแต่ละคนมีพฤติกรรมเช่นไรก็จะโยงกับการได้รับการเลี้ยงดูมาแต่เยาว์วัยด้วย จากนั้นก็เคลื่อนเข้าสู่การศึกษา จนเข้าสู่การหล่อหลอมกล่อมเกลาจากการทำงาน-การอยู่ร่วมในสังคม ซึ่งปฏิสัมพันธ์ที่สร้างการเติบโต-เปลี่ยนแปลงของแต่ละคน จะมีผลต่อตัวเองและสังคมรอบข้างอย่างมีนัยสำคัญ!
ที่สำคัญคือ ต้องไม่คิดว่ามนุษย์เก่งหรือยิ่งใหญ่ได้ด้วยตัวเพียงตัวคนเดียวแต่ลำพัง! มนุษย์แต่ละคนดำรงอยู่อย่างมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมรอบข้างหลากหลายสถานะ โดยทั่วไป-ไม่เป็นเหยื่อ-ก็เป็นผู้ล่าที่แต่ละคนวนอยู่ในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละปฏิสัมพันธ์ที่มีกับเหตุการณ์หรือสังคมในแต่ละช่วงของการกระทำการนั้นๆ!
การสร้างโศกนาฏกรรมที่รุนแรงเลวร้ายนั้น ในทางจิตวิเคราะห์มองว่ามาจากสมมติฐานเรื่อง ความคับข้องใจ ที่เป็นเชื้อลุกลามสู่ความก้าวร้าว ซึ่งความคับข้องใจจะถูกนำมาระบายกับเป้าหมายเพื่อปลดปล่อยความคับข้องใจ รวมถึงความขาดแคลนทางสังคมเศรษฐกิจ ที่เชื่อมโยงกับความขัดแย้งที่ตนเองมีต่อสังคม-หรือได้รับปฏิกิริยาจากสังคมในรูปแบบต่างๆ จึงทำให้คนผู้นั้นๆ ระบายความคับข้องใจใส่บุคคลอื่นๆ ด้วยความโกรธแค้น-ความเก็บกด! ซึ่งการสั่งสมความรู้สึกดังกล่าวเป็นตัวเหนี่ยวนำให้เกิดปฏิบัติการต่างๆ ขึ้นมา!
ความรู้สึกที่ไม่ปกติหรือสภาพเบี่ยงเบนทางจิตใจ-ทางความรู้สึกนึกคิดที่เกิดจากการเหนี่ยวนำสร้างการรับรู้ทางสังคมที่ผิดพลาดแตกต่าง-นำสู่การแสดงพฤติกรรมเชิงลบนั้น จะสั่งสมสร้าง “ความรู้คิด” ที่เอนเอียงผิดพลาดมาเรื่อยๆ เป็นแรงขับของเจตคติและอคติที่เอื้อต่อการสร้างความก้าวร้าวของคนบางคนที่จะสร้างปฏิกิริยาต่อสังคม! ซึ่งจะทำให้เกิดทั้งผลลัพธ์ที่พึงปรารถนาและไม่พึงปรารถนาขึ้นได้! ดังนั้นการช่วยสังเกตดูแลคนรอบตัวไม่ให้มีสภาพเบี่ยงเบนทางความรู้สึกนึกคิดและการกระทำ จึงเป็นเรื่องที่สังคมต้องช่วยดูแลเอาใจใส่ ร่วมกันระมัดระวัง! การดำรงอยู่ร่วมกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม-หมู่คณะ-หมู่บ้าน-หรือเพื่อนร่วมอาชีพ จำเป็นต้องช่วยสร้างเจตคติที่มีศักยภาพในการเข้าใจโลกแวดล้อมและตัวตนแบบที่ไม่เบี่ยงเบน!
มิติของสิ่งแวดล้อมในการทำงานอาชีพ เป็นปัจจัยที่มีผลมีอิทธิพลต่อผู้คนอย่างมาก มันจะเลื่อนไหลไปตามปฏิสัมพันธ์ในการทำงาน เช่น ถ้าเป็นคนในระบบราชการ ก็จะเต็มไปด้วยกติกา-ระเบียบที่ไม่ค่อยจะเหลือความอิสระ-ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ยิ่งหากหัวหน้าหน่วยงานเป็นพวกตาดูดาว-เท้าไม่ติดดิน-ขาลอย-ฟังแต่คนใกล้ชิด-เอาตัวเองเป็นหลัก รับรองระยะยาวไปไม่รอดแน่! หลายหน่วยงานถึงกำหนดวาระการบริหารงานไว้-ไม่ให้ผู้บริหารรากงอก! ส่วนหากเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง-ก็จะมีการโยกย้ายถ่ายโอน-ปรับช่วงเวลาการบริหาร-โดยหลักการยึดความสามารถ+หลักอาวุโส (แต่ในความจริงมักยึดพวกพ้อง-ผลประโยชน์-ความเลวร้ายจึงปรากฏสู่สังคมในหลายรูปแบบ!) อย่างไรก็ตาม การปรับเจตคติต่อคนทุกคนในหน่วยงานด้วยวิธีใดก็ตามเป็นเรื่องสำคัญ-ต้องปรับกันทุกมิติเพื่อการอยู่ร่วม-การทำงานร่วมกัน ทั้งจากบนลงล่าง-จากล่างขึ้นบน-และการปรับสร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกันในแนวราบ ปรับจากการใช้อำนาจตามตำแหน่งหน้าที่-สู่การสร้างองค์กรที่มีความรู้-ความเข้าใจ-ความร่วมมือเพื่อก้าวสู่เป้าหมายของงาน นี่คือความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการทำงานที่สำคัญและมีความหมายยิ่ง
ในทางจิตวิทยานั้น คนแต่ละคนมีการหล่อหลอมกล่อมเกลาก่อความคิด-ความเป็นตัวตนจากการมีปฏิสัมพันธ์กับโลกแวดล้อม จนเกิดความเข้าใจตัวตนและโลกแวดล้อมรอบตัว หากสังคมการทำงานมีส่วนช่วยสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนต่อภาระหน้าที่-ความรับผิดชอบ-เป้าหมายได้ ก็จะส่งผลให้ทุกคนเข้าใจและรับความแตกต่างในความสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานได้ ซึ่งจะลดความก้าวร้าวรุนแรงลงได้ หรืออย่างน้อยก็ช่วยให้มีการประนีประนอม-มีความร่วมมือได้ไม่ยาก
การส่งเสริมความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างบุคคลและกลุ่มในการงาน-อาชีพ เป็นพลังสำคัญที่ส่งสร้างให้เกิดความคิดสร้างสรรค์-เป็นพลังบวกในการทำงาน การสร้างปฏิสัมพันธ์ของบุคคล-กลุ่ม-สังคมโดยรวมได้ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในภาระความรับผิดชอบในงานของแต่ละคน-แต่ละฝ่าย! การเคลื่อนไหวอยู่บนฐานคิดของความเอื้อเฟื้อ-เอื้ออาทร-การให้และการรับที่มีเหตุผลเป็นปฏิสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ ซึ่งเป็นหมุดหมายและตัวช่วยสำคัญในการทำให้บุคคลและกลุ่มบรรลุความสำเร็จในการงาน-การดำรงชีวิต-และลดความรุนแรงในสังคมลงได้ เราต้องร่วมช่วยกันลดความรุนแรงทุกมิติลงด้วย!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เหลียวหลังแลหน้า การเมืองไทย จาก 2567 สู่ 2568 ส่องจุดจบ ระบอบทักษิณภาค 2
รายการ"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด"สัมภาษณ์ นักวิชาการ-นักการเมือง สองคน เพื่อมา"เหลียวหลังการเมืองไทยปี 2567 และแลไปข้างหน้า
วิปริตธรรม .. ในสังคม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. เลียบบ้านแลเมือง มองดูเข้าไปในหมู่ชนของบ้านเรา.. ในยามที่นักการเมืองเป็นใหญ่ มีอำนาจวาสนาบริหารราชการแผ่นดิน จึงได้เห็นความไหลหลงวกวนของหมู่ชน ที่สาละวนอยู่กับการแสวงหา เพื่อให้ได้มาใน ลาภ สักการะ ยศ สรรเสริญ สุข.. ไม่เว้นแม้ในแวดวงนักบวชที่มุ่งแสวงหามากกว่าละวาง
ธุรกิจคาสิโนถูกกฎหมาย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักเกี่ยวพันผู้มีอำนาจทางการเมือง
เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดงานเผยแพร่ผลการศึกษาผลกระทบของคาสิโนถูกกฎหมายต่อการฆาตกรรมและการข่มขืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อภิสิทธิ์-อดีตนายกรัฐมนตรี มอง 'จุดเสี่ยง' รัฐบาลเพื่อไทย ระเบิดการเมือง วางไว้เองหลายลูก
แม้ขณะนี้จะไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่สำหรับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์" การแสดงทัศนะหรือความคิดเห็นทางด้านการเมือง
ความเสื่อม.. ที่ควรเห็น.. ก่อนตาย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. มีคำกล่าวเป็นสุภาษิต ว่า ความเสื่อมของมนุษย์ ล้วนมีสาเหตุมาจากมนุษย์.. ความเสื่อมของสิ่งใดๆ .. ก็มีสาเหตุมาจากสิ่งนั้นๆ..
รัฐบาลแพทองธาร อยู่ไม่ครบปี บิ๊กป้อม ยังสู้-พปชร.เดินหน้าต่อ
เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์เศษ ปี 2567 ก็จะผ่านพ้นไปแล้วเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ 2568 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 เป็นอย่างไร และปีหน้า 2568 จะมีทิศทางเช่นไร เรื่องนี้มีมุมมองแนววิเคราะห์จาก