รัฐบาลควรปลดปล่อย พันธนาการสุราพื้นบ้าน

มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในเรื่อง แนวทางการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชนเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน สร้างเศรษฐกิจฐานรากและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยมีข้อเสนอจาก อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ ที่ปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภา ที่ยกกรณีศึกษาสุราชุมชน จังหวัดแพร่ เพื่อเสนอแนวทางการเพิ่มรายได้แก้ความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางสังคมไทย โดยเสนอปลดล็อกพันธนาการโดยการแก้ไขประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องวิธีการบริหารงานสุรา ๒๕๔๖ (ฉบับที่ ๔) และกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุรา พ.ศ.๒๕๖๐ เพื่อส่งเสริมการผลิตชุมชนสร้างมูลค่าเพิ่มภูมิปัญญาท้องถิ่นเพิ่มรายได้แก้จน

แนวทางดังกล่าว สังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา เสนอรัฐพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ชุมชน ยกกรณีศึกษาสุราชุมชน จังหวัดแพร่ เพื่อเพิ่มรายได้แก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำทางสังคมไทย โดยเสนอปลดล็อกพันธนาการโดยการแก้ไขประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องวิธีการบริหารงานสุรา ๒๕๔๖ (ฉบับที่ ๔) และกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุรา พ.ศ.๒๕๖๐ เพื่อส่งเสริมการผลิตชุมชนสร้างมูลค่าเพิ่มภูมิปัญญาท้องถิ่นเพิ่มรายได้แก้จน

อันเป็นข้อเสนอที่เกิดขึ้นหลังจากเมื่อ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ที่เป็นผลมาจากการประชุมคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีนายสังศิตเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการ อาทิ นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ รองประธานคณะกรรมาธิการ อดีตอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ โดยมีตัวแทนจากอุตสาหกรรมจังหวัดแพร่ ผู้แทนวิสาหกิจชุมชนจังหวัดแพร่ และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ทั้งนี้ ผู้แทนวิสาหกิจชุมชนจังหวัดแพร่ได้เสนอปัญหาและแนวคิดที่จะเสนอให้หน่วยงานรัฐแก้ไขเกี่ยวกับวิสาหกิจสุราพื้นบ้านโดย

๑.นายตรีพล ตุ้ยเรือน ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนโรงงานสุรากลั่นสามจอก อ.วังชิ้น จ.แพร่ กล่าวถึงปัญหาและแนวทางแก้ไข โดยสรุปว่า

๑.) วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตสุราพื้นบ้านคิดว่าพวกเขากำลังถูกกีดกันการค้าจากบริษัทใหญ่ จึงเสนอว่าขอให้ร้านค้าช่วยรับสุราพื้นบ้านประมาณ ร้อยละ ๑๐-๑๕ จากยอดขายของเอเยนต์ที่ทำการจำหน่ายสุรา

๒.) การกำหนดให้การผลิตสุรากลั่นชุมชน ต้องใช้เครื่องจักรที่มีกำลังรวมต่ำกว่าห้าแรงม้า และคนงานจะต้องไม้น้อยกว่า ๗ คน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของการทำธุรกิจนี้ จึงเสนอให้มีการแก้ไขกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุรา พ.ศ.๒๕๖๐ โดยขอขยายกำลังแรงม้าของเครื่องจักรจาก ๕ แรงม้า เป็น ๑๕-๒๐ แรงม้า และเพิ่มจำนวนคนงานจาก ๗ คน เป็นไม่เกิน ๒๐ คน

๓.) การกำหนดเกี่ยวกับการทำบัญชีควบคุมวัตถุดิบรายวัน รายเดือน มีรายละเอียดและขั้นตอนในการดำเนินการและมีความยุ่งยากสำหรับวิสาหกิจชุมชนมาก ดังนั้นจึงขอให้มีการปรับลดขั้นตอนการควบคุมการผลิตสุราชุมชนให้สามารถดำเนินการได้

๒.นางดารารัตน์ สลักหร่าย ผู้แทนวิสาหกิจชุมชนสุราแก่งเสือเต้น อ.สะเอียบ จ.แพร่ เสนอปัญหาต่อที่ประชุมว่า

๑.) เป็นชุมชนที่ผลิตสุรากลั่นชุมชนมากที่สุดในจังหวัดแพร่ โดยเสียภาษีประมาณปีละ 400-500 ล้านบาท สิ่งที่ได้รับผลกระทบขณะนี้คือ มีความรู้สึกว่าการผลิตสุรากลั่นที่มีขนาดยิ่งโตยิ่งทำให้รายได้เหลือน้อย หรือบางกรณีไม่เหลือเลย เนื่องจากการที่ต้องชำระภาษีซ้ำซ้อนคือ ผู้ผลิตสุราชุมชนต้องเสียภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ประจำปี นอกจากนี้ยังต้องคิดคำนวณต้นทุนข้าวเหนียวรวมด้วย เช่น ถ้าขายสุราขวดละ ๗๕ บาท ต้องเสียภาษีสรรพสามิตในอัตราขวดละ ๔๑.๗๒ บาท ภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราขวดละ ๕.๒๕ บาท และต้นทุนข้าวเหนียวในอัตราขวดละ ๒๗.๗๐ บาท (ราคาจะสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการซื้อข้าว) รวมแล้วทั้งสิ้น ๗๖.๔๖ บาท

ดังนั้นจึงเสนอขอให้แก้ไขเกี่ยวกับการงดเก็บภาษีสรรพสามิต และภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการมากขึ้น

๒.) ปัญหากำลังเครื่องจักรที่ถูกจำกัดตามกระทรวงการอนุญาตผลิตสุรา พ.ศ.๒๕๖๐ ได้เสนอให้มีการแก้ไขกำลังเครื่องจักรในทำนองเดียวกันกับตัวแทนวิสาหกิจชุมชนโรงงานสุรากลั่นสามจอก รวมทั้งปัญหาข้อกำหนดเกี่ยวกับการบังคับให้ติดสลากอากรแสตมป์ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งวัน ซึ่งในข้อเท็จจริงไม่สอดคล้องกับจำนวนแรงงานคนกำหนดไว้ที่ ๗ คน ดังนั้นจึงเสนอให้มีการขยายจำนวนแรงงานคนเพิ่มขึ้น

๓.) ปัญหากากหรือของเสียที่เหลือจากการผลิตสุรากลั่นชุมชนที่ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการกำจัดที่ชัดเจน

ซึ่ง อภิชาติ โตดิลกเวชช์ รองประธานคณะกรรมาธิการ เห็นว่าปัญหาและข้อเสนอของผู้แทนผู้ผลิตสุราพื้นบ้านชุมชนเสนอพบว่า มีปัญหาในเรื่องต่างๆ ที่จำเป็นต้องมีการแก้ไขและพัฒนาอย่างต่อเนื่องดังต่อไปนี้คือ

๑.ปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษี ทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม และปัญหาด้านต้นทุนสูง สำหรับเรื่องการเสียภาษี เช่น ภาษีสรรพากร ภาษีสรรพสามิต หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นกฎหมายที่ใช้บังคับเป็นการทั่วไป จึงไม่อาจยกเว้นเฉพาะรายใดรายหนึ่งได้ หากยังผลิตเพื่อขายในลักษณะเดิมจะไม่สามารถแก้ไขเรื่องราคาได้ ดังนั้นการผลิตจะต้องเน้นการขายให้กับนักท่องเที่ยว เพิ่มนวัตกรรมในการผลิต สร้าง Stories เกี่ยวกับสุราพื้นบ้าน การพัฒนาด้านการการตลาด เช่น การจัดแบ่งระดับชั้นของสุรา โดยพิจารณาจากระยะเวลาในการบ่ม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ส่วนปัญหาเกี่ยวกับการกำจัด หรือการนำกากและของเสียเหลือจากการผลิตสุรา หรือ “น้ำโจ้” หรือการนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นที่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบดังกล่าว จะหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ถึงแนวทางการแก้ปัญหาต่อไป

“สังศิต” กล่าวย้ำไว้ตอนสรุปเพื่อปิดการประชุมว่า ‘เศรษฐกิจของประเทศจะไปได้ดีจะต้องอาศัยผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมาก ประเทศจะปลอดภัยมากกว่าให้มีผู้ประกอบการเพียงรายเดียวผูกขาดทั้งประเทศ เพราะนอกจากจะเกิดความเหลื่อมล้ำ จะไม่เป็นผลดีทางเศรษฐกิจในภาพรวม เพราะการผลิตขนาดเล็กจะจ้างคนมาก การผลิตขนาดใหญ่จ้างคนน้อย เพราะใช้เครื่องจักร ฉะนั้นถ้ามองด้านเศรษฐกิจชุมชนจะช่วยคนจำนวนมาก เรื่องนี้เราควรสนับสนุน

พร้อมกับชี้ว่าปัญหาขณะนี้คือ กฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุรา พ.ศ.๒๕๖๐ ซึ่งออกโดยกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ที่ออกกฎเกณฑ์กำหนดให้ชาวบ้านต้องจำกัดกำลังแรงม้าของเครื่องจักรสำหรับผลิตสุราให้อยู่ในระดับไม่เกิน ๕ แรงม้า และจำนวนแรงงานคนไม่เกิน ๗ คน ถ้าสามารถแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าวได้ตามที่กลุ่มตัวแทนชาวบ้านเสนอมา จะเป็นการปลดปล่อยพลังการผลิตของวิสาหกิจชุมชน

“ดร.สังศิต-สมาชิกวุฒิสภา” มีข้อเสนอว่า ๑.ต้องปลดล็อกเรื่องการผลิต โดยการขยายกำลังแรงเครื่องจักรการผลิตสุราให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนตามที่เสนอมา ๒.เรื่องการประชาสัมพันธ์จะทำอย่างไร จะต้องประสานขอความร่วมมือกับสำนักงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงจะไม่ผิดกฎหมายการควบคุมสุรา ๓.จะต้องศึกษาแนวทางที่จะทำให้ธุรกิจเล็กๆ โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้เติบโต

ดังนั้นผมจึงเห็นว่าถ้าเราสามารถปลดปล่อยปัญหาเหล่านี้ทีละเรื่องได้ เพื่อให้ธุรกิจชุมชนเหล่านี้ได้ลืมตาอ้าปาก ก็จะต้องปลดพันธนาการด้านกฎหมายของกรมสรรพสามิต ที่ออกมาพันธนาการให้ชาวบ้านไม่สามารถเติบโตได้” สังศิต-สมาชิกวุฒิสภา ระบุ

ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็มีความเห็นทางการเมืองจากฝ่ายค้านคือ พรรคเพื่อไทย โดยเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงที่ประชุม ครม.เมื่อช่วงเดือนกันยายน ได้มีมติลดภาษีนำเข้า 50% สินค้ากลุ่มไวน์ สุรา ซิการ์ เป็นเวลา 5 ปี เพื่อดึงดูดให้เศรษฐีต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยว่า หลักคิดของรัฐบาลกำลังเดินหลงทางอย่างหนัก เพราะนอกจากจะสวนทางกับมาตรการสาธารณสุขของประเทศ

“ที่รัฐบาลพยายามรณรงค์ให้ประชาชนลดการดื่มสุรา สูบบุหรี่แล้ว การลดภาษีสินค้านำเข้าสินค้ากลุ่มมึนเมาเป็นการทุ่มตลาดสินค้าในประเทศ แบบที่ไม่มีประเทศไหนในโลกทำกัน สินค้าที่ผลิตจากต่างประเทศจะมีราคาขายถูกลงจนราคาใกล้เคียงกับสินค้าที่ผลิตโดยผู้ประกอบการคนไทย และอาจสร้างผลกระทบซ้ำเติมรังแกผู้ประกอบการรายย่อย ทั้งกลุ่มเอสเอ็มอีที่ผลิตไวน์จากผลไม้ไทย หรือสุราพื้นบ้านที่เป็นภูมิปัญญาของไทย เป็นต้น”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เจาะแพ็กเกจ แก้รธน. พริษฐ์ พรรคประชาชน กับด่านสำคัญที่รออยู่

การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมร่วมรัฐสภาในเดือนตุลาคม ดูเหมือนจะคลายความร้อนแรงทางการเมืองไปพอสมควร หลัง"พรรคเพื่อไทย"

'หมอประเวศ' ออกบทความ 'บูรณาการฐานแผ่นดินไทยปลอดภัยจากพิบัติ ความยากจน-ฝนแล้ง-น้ำท่วม'

ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ประเวศ วะสี ออกบทความเรื่อง “บูรณาการฐานแผ่นดินไทย ปลอดภัยจากภัยพิบัติ 3 ความยากจน ฝนแล้ง น้ำท่วม”

การเปิดกาสิโน นำมาซึ่ง หายนะของประเทศ จะเกิด mega corruption

หนึ่งในนโยบายรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งแถลงต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาที่ผ่านมา ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แม้การแถลงนโยบายจะเสร็จสิ้นไปแล้ว นั่น

รัฐบาล-ฝ่ายค้าน ยื่นแก้ไขรธน. ทำเพื่อตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวม

การแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับมาเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองอีกครั้ง เมื่อพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลคือ พรรคเพื่อไทย และฝ่ายค้านคือ พรรคประชาชน

อย่าปรามาส..พระสัพพัญญุตญาณ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ความวุ่นวาย .. วายวุ่น ไม่แพ้ทางโลกในยามนี้ ก็คงเป็นเรื่องราวของบรรพชิตในแวดวงศาสนาบ้านเรา ที่พยายามสื่อสารหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไปตามความคิด ..