จัดระเบียบการเงินวัด เริ่มต้นด้วยการทำบัญชีให้ถูกต้อง

ประเทศไทยมีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ วัดจึงเป็นสถานที่สำคัญในการดำเนินกิจการของพระสงฆ์และเป็นที่ประกอบกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับประชาชนทั้งทางด้านศาสนา การศึกษา วัฒนธรรม และสังคม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันวัดจึงกลายเป็นศูนย์กลางของสังคม เป็นที่รวมจิตใจของประชาชน เป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพชีวิตการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในสังคม ทั้งยังเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม

วัดจึงถือเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร และจัดตั้งขึ้นเพื่อให้ประโยชน์แก่ส่วนรวม ดังนั้นในการดำเนินการของวัด จึงมีกฎหมายและข้อบังคับของภาครัฐกำกับ และมีคณะกรรมการที่มาร่วมกันทำงานโดยสมัครใจ เพื่อให้การปฏิบัติศาสนกิจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย วัดจึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการที่ดี มีธรรมาภิบาล เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ และสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้เกี่ยวข้อง และประชาชนในประเทศ

ตามแนวปฏิบัติด้านธรรมาภิบาลขององค์กรไม่แสวงหากำไร คณะกรรมการและผู้บริหารองค์กรจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ระมัดระวัง รอบคอบ โปร่งใส และตรวจสอบได้ ซึ่งเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยให้การบริหารจัดการวัดเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล คือ การจัดทำบัญชีและการควบคุมภายใน  

การจัดทำบัญชี เป็นเครื่องมือสากลที่ทุกองค์กรทั้งแสวงหากำไรและไม่แสวงหากำไรจำเป็นต้องทำ เพื่อใช้ในการบันทึกรายการค้าที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการภายในองค์กร จำแนก และสรุปผลเพื่อใช้ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ อาทิเช่น การควบคุมและดูแลสินทรัพย์ขององค์กรให้สูญหาย การวางแผนและบริหารทรัพยากรที่มีเพื่อความอยู่รอดขององค์กรในอนาคต  

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงกำหนดให้ วัดต้องจัดทำบัญชีเพื่อให้ทราบฐานะการเงิน รายรับ-รายจ่าย และทรัพย์สินของวัด และเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการ ควบคุมภายใน และตรวจสอบได้ และให้วัดจัดทำบัญชีตามรูปแบบที่กำหนดไว้ในคู่มือไวยาวัจกร ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และให้วัดถือปฏิบัติตามกฎกระทรวงฉบับที่ 2 พ.ศ. 2511 ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ข้อ 6 กำไนดไว้ว่า “ให้เจ้าอาวาสจัดให้ไวยาวัจกร หรือผู้จัดประโยชน์ของวัดซึ่งเจ้าอาวาสแต่งตั้งทำบัญชีรับจ่ายเงินของวัด และเมื่อสิ้นปีปฏิทินให้ทำบัญชีเงินรับจ่ายและคงเหลือ ทั้งนี้ให้เจ้าอาวางตรวจดูแลให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและถูกต้อง” (สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม, 2558) จากข้อบังคับดังกล่าว เจ้าอาวาสวัดจึงมีหน้าที่จัดให้มีการทำบัญชี และจัดส่งบัญชีให้กับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นประจำทุกปี

แม้จะมีข้อบังคับให้วัดจัดทำบัญชีตามที่กล่าวมาข้างต้น จากผลการวิจัยของ ณดา จันทร์สม (2555) ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวัฒน์ (2552) พีรณัฐ์ ยาทิพย์ และกรรณิการ์ จะกอ (2554) และนฤพนธ์ เมืองจันทร์ และศิวัช ศรีโภคางกุล (2562) พบว่า ยังมีวัดจำนวนมากที่ไม่จัดทำบัญชี ไม่ทราบว่ามีการให้จัดทำบัญชี ไม่มีการตรวจสอบบัญชี บางวัดจัดทำบัญชีกันเองโดยไม่ได้จัดทำตามรูปแบบที่กำหนด นอกจากนี้บางวัดไม่มีการแบ่งแยกหน้าที่กันระหว่างผู้ดูแลทรัพย์สินกับผู้จัดทำบัญชี และเจ้าอาวาสแต่งตั้งเครือญาติที่ไม่มีความรู้ความสามารถมาทำหน้าที่ไวยาวัจกร จึงนำไปสู่ปัญหาความไม่โปร่งใสของการทำบัญชี และการบริหารกิจการในวัด

ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการทำบัญชีของวัด คือผู้ที่มีหน้าที่ทำบัญชีของวัดส่วนใหญ่ขาดความรู้ความชำนาญและไม่เข้าใจในการปฏิบัติงานด้านบัญชี ทำให้บันทึกข้อมูลไม่ครบถ้วน ไม่มีการตรวจสอบเอกสาร เอกสารสูญหาย ไม่แยกสมุดบัญชี จึงไม่สามารถจัดทำรายงานยอดคงเหลือ ณ วันสิ้นปีได้ (ธัญลักษณ์ ลีลาตระกูล, 2556) อีกปัจจัย รูปแบบการบันทึกบัญชีที่กำหนดตามคู่มือไวยาวัจกรที่ไม่ยืดหยุ่น ทุกวัดจะต้องปฏิบัติเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริง วัดมีขนาด จำนวนพระสงฆ์ ทรัพย์สิน แหล่งที่มาของรายได้ จำนวนเงินเข้าออก จำนวนคณะกรรมการวัดที่แตกต่างกัน การกำหนดรูปแบบการบันทึกบัญชีที่ตายตัว ย่อมทำให้วัดขนาดเล็กที่มีรายรับเพียงไม่กี่รายการต่อเดือนปฏิบัติตามได้ยากเมื่อเทียบกับวัดขนาดใหญ่  (เธียรชัย เสาสามา และปวีนา กองจันทร์, 2563) นอกจากนี้การบันทึกบัญชีที่ให้วัดจัดทำเป็นรูปแบบตามหลักการบัญชี วัดจะต้องทำ 1. สมุดเงินสด 2. สมุดเงินฝากธนาคาร 3. สมุดบัญชีแยกประเภท 4. สมุดบัญชีรายรับรายจ่าย 5. เล่

มงบปีแสดงรายรับ รายจ่าย และเงินคงเหลือ ทำให้บุคคลทั่วไปที่ไม่มีความรู้ความชำนาญในงานบัญชีปฏิบัติตามได้ยาก หากเราไม่ยึดติดกับรูปแบบ และให้ความสำคัญกับเป้าหมายของการทำบัญชี คือ การมีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับการบริหารจัดการวัด รูปแบบการบันทึกบัญชีอาจปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติได้

ทั้งนี้ มหาเถรสมาคมไม่ได้นิ่งนอนใจ มีกำหนดมาตรการในการส่งเสริมและกำกับติดตามการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัด ตามมติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 18/2558 โดยจัดให้มีการอบรมไวยวัจกร ถวายคำแนะนำให้ความรู้แก่เจ้าอาวาสวัด และจัดพิมพ์หนังสือคู่มือการจัดการศาสนสมบัติของวัด และกำหนดเป้าหมายว่าจะมีการรายงานครบทุกวัดทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 5 ปี (สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม, 2558) นอกจากนี้เมื่อ ปี 2560 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพัฒนารูปแบบบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างง่าย เหมือนกับบัญชีครัวเรือน และเสนอต่อที่ประชุมเถรสมาคม เพื่อให้วัดสามารถจัดทำรายงานการเงินที่ถูกต้องและครบถ้วนได้จริง ซึ่งประกอบด้วย 6 ส่วน ได้แก่ 1. สมุดบัญชีรายรับรายจ่ายรายวัน 2. สมุดบัญชีเงินฝาก 3. สมุดบัญชีแยกรายรับ 4. สมุดบัญชีแยกรายจ่าย 5. สมุดบัญชีงบประจำปี และ 6. รายงานงบประจำปี

การปรับเปลี่ยนครั้งนี้แสดงให้เห็นการปรับตัวของภาครัฐที่เข้าใจภาคประชาชนมากขึ้น เชื่อว่า การจัดทำบัญชีของวัดไม่นานเกินรอ วัดในประเทศกว่า 4 หมื่นแห่งจะสามารถจัดทำบัญชีได้อย่างครบถ้วนอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ ภาครัฐควรให้คำแนะนำเกี่ยวกับระบบการควบคุมภายในควบคู่ไปกับการกำหนดให้วัดจัดทำบัญชีเพียงอย่างเดียว เพราะหากขาดการควบคุมภายในที่ดีแล้ว ข้อมูลที่ได้จากการบันทึกบัญชีก็อาจเป็นข้อมูลเท็จได้เช่นกัน นอกจากนี้ ในยุคดิจิตอลที่ทุกคนมีมือถือและสามารถเข้าถึงการสื่อสารแบบไร้สายได้ ภาครัฐอาจนำเทคโนโลยีดิจตอลเข้ามาช่วยให้การบันทึกบัญชีของวัดกลายเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้

ผศ.ดร.ปวีนา กองจันทร์

กลุ่มวิชาบัญชี คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลตั้งเป้าสร้างรายได้ถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยปี 67 ทะลุ 7,500 ล้านบาท

“เสริมศักดิ์ ตั้งเป้ารายได้ถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย กว่า 7,500 ล้านบาท ปลื้ม White Lotus S3 ชมไทยสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์โลก”

อุตุฯเตือน ภาคตะวันออกรับมือฝนตกหนักวันนี้ -อันดามันคลื่นลมแรง

พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย

นายกฯ สวมเสื้อลายช้าง เปิด 'เมืองน่าเที่ยว' ปลุกท่องเที่ยวไทยเดินเต็มสูบ

ที่ตลาดจริงใจมาร์เก็ต ต.ป่าตัน อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สวมเสื้อลายช้าง เป็นประธานพิธีเปิดงาน

ESG และ NET ZERO ในบริบทของกลุ่มเปราะบางในประเทศไทย

ในช่วงปีที่ผ่านมาหลังวิกฤติด้านสาธารณสุขของโรคระบาดโควิด 19  ประเทศไทยเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและผู้คนจำนวนมากได้กลับสู่ชีวิตเป็นปรกติแม้จะมีส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตหน้าที่การงาน

'FIFA Congress 2024' ความสำเร็จของไทย เจ้าภาพที่ยิ่งใหญ่สุดของ'ฟีฟ่า'

• ประวัติศาสตร์จารึก #ประเทศไทย ชาติแรกในอาเซียน ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับ ประเทศไทย ในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานครฯ ในฐานะประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน และชาติที่ 5 ของทวีปเอเชีย ที่ได้รับเลือกจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ในการได้รับเกียรติ ถูกรับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ จัดอีเวนต์นอกสนามที่ยิ่งใหญ่สุดของ ฟีฟ่า