ยาขนานเอก..แก้โรคขี้เรื้อนทางใจ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. กำลังเข้าสู่ “ปลายฝนต้นหนาว” ในต้นพฤศจิกายนนี้ จึงได้สัมผัสทั้งฝนชุ่มฟ้าฉ่ำผสมลมหนาวเย็นที่โบกโชยสะบัดสลับกันไปกับสายฝนที่หลั่งไหลซัดสาดมาเป็นระยะๆ...

ธาตุขันธ์จึงต้องปรับสภาพเพื่อสอดรับกับสิ่งแวดล้อมภายใต้กฎธรรมชาติเป็นใหญ่เหนือทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ บางครั้งจึงออกอาการจับไข้ให้หนาวสั่น.. บางทีก็ร้อนรุ่มขึ้นมาเฉยๆ ปลุกเร้าใจให้ไม่สบายเล่นอย่างไม่ต้องถามหาเหตุผล...

อาการอย่างนี้ ชาวบ้านเรียกว่า “ไข้หัวลม” .. ด้วยสภาพร่างกายปรับไม่ค่อยทันกับอุตุนิยาม.. โดยเฉพาะในผู้สูงวัยทั้งหลาย ไม่ว่าจากฝนเป็นหนาว.. หนาวเป็นร้อน.. ร้อนเป็นฝน ก็คือกัน ที่เรียกภาษาหมอชาวบ้านให้ทันสมัยว่า.. ไข้เปลี่ยนฤดู

เมื่อเช้ากลับจากบิณฑบาตด้านหน้าวัด.. เมื่อมานั่งพิจารณาอาหาร.. จึงได้เห็น แกงส้มดอกแค.. ยาตำรับชาวบ้านที่เชื่อกันว่าสามารถดับพิษไข้หัวลมได้ชะงัดนัก...

การฉันอาหารให้เป็นยาอายุวัฒนะ.. เป็นภูมิปัญญาวิถีพุทธ.. ที่น่าศึกษายิ่ง ดังคำสั่งสอนให้รู้จักขบฉันอย่างพอประมาณ.. ที่เรียกว่า มัตตัญญุตา..

พูดถึงคำนี้เมื่อไรก็ให้นึกถึงหลวงพ่อสรวงสมัยมีชีวิตอยู่ ท่านย้ำสอนพระในวัดบ่อยๆ ว่า ให้รู้จักฉันอย่าง มัตตัญญุตา.. ไม่ใช่ ยัตตัญญุตา.. (ยัดไม่มีประมาณ!!)

ชีวิตของอาตมา.. มีวันนี้ก็เพราะมีครูบาอาจารย์ที่ประพฤติตนอย่างอริยเจ้า.. ไม่ละทิ้งอริยประเพณี ครูบาอาจารย์เหล่านั้น.. ท่านปฏิบัติให้ดู บอกให้รู้ แสดงให้เห็น เป็นแบบฉบับว่า.. การเข้าถึงพระพุทธพจน์แท้จริงควรอบรมจิตภาวนาอย่างไร.. จะเจริญวิปัสสนาญาณได้เป็นผล.. จะดำเนินไปสู่อริยมรรค.. เพื่อการบรรลุอริยผล ละสังโยชน์ ๑๐ ขาดสะบั้นได้อย่างไร.. จึงได้ถ่ายทอดดีเอ็นเอพุทธสาวกไว้อย่างมีคุณภาพ.. ปลูกฝังความศรัทธาในพระสัทธรรมแท้อย่างมั่นคง.. โดยไม่ต้องพูดชักชวนโฆษณาให้เมื่อยปาก.. อย่างคณะศรัทธาไทยเดี๋ยวนี้ที่หากไม่ถูกใจ.. ก็ไม่ศรัทธา

.. ทุกรูปจึงให้คำสั่งสอนที่มุ่งสู่ความเคารพใน.. พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ.. อย่างแท้จริง

อะไรๆ ที่แปลกปลอมเข้ามา.. ในพระพุทธศาสนาที่ไม่ใช่พระสัทธรรมแท้.. ท่านให้ละทิ้ง อย่าได้นำมาใส่ใจ...

การสั่งสอนที่มุ่งสู่ พระพุทธพจน์ เป็นแบบฉบับจึงเป็นเรื่องปกติ.. เพียงแต่อาจจะมีเทคนิคปฏิบัติเพื่อความเหมาะสมอันเป็นไป เพื่อการสนับสนุนเกื้อกูลให้บุคคลผู้มีศรัทธาได้ถึงความพร้อมที่จะเข้าสู่การเจริญสติปัฏฐานสี่อย่างเต็มรูปแบบตามแบบฉบับของพุทธะ...

จึงได้เห็นความหลากหลายในเทคนิคปฏิบัติบนหนทางความเป็นหนึ่งเดียว คือ การเจริญสติปัฏฐาน.. อันน่าชื่นชมในภูมิปัญญา.. อุบายวิธีการภาวนา เพื่อการสงเคราะห์ตามี.. ยายมา.. ทั้งหลาย ที่มีใจศรัทธาเกินร้อยสืบเนื่องมาในจิตวิญญาณชาวไทย..

ดังครั้งหนึ่ง.. เล่ากันมาว่า สมัยหลวงปู่มั่นเดินจงกรมอยู่บนดอยทางภาคเหนือ.. มีชาวเขาเผ่าหนึ่งที่บูชาผีตามลัทธิของเผ่าบรรพชน ได้มาแอบมองดูจนเกิดความสงสัยว่า ตุ๊เจ้ารูปนี้กำลังเดินหาอะไรบนพื้นดิน.. เห็นก้มหน้าก้มตาเดินไปๆ มาๆ อยู่ตรงนั้นเป็นนานหลายนาน เหมือนกำลังหาอะไรอยู่.. อย่างไม่สนใจอย่างอื่นเลย...

เมื่อมีโอกาสจึงได้เข้าไปถาม หลวงปู่มั่น ว่า.. ตุ๊เจ้ากำลังเดินหาอะไร?

หลวงปู่มั่น.. ได้ตอบว่า กำลังหาลูกแก้ววิเศษ!

ชาวเขาเผ่านั้นก็ได้ถามต่อว่า... ลูกแก้ววิเศษเป็นอย่างไร.. จะได้ช่วยหาอีกแรงหนึ่ง

หลวงปู่มั่น ตอบว่า.. ลูกแก้ววิเศษนั้นจะต้องกำหนดจิตระลึกหรือท่องบ่นว่า พุทโธๆๆๆ พร้อมกำหนดมองไปที่พื้น.. เดินไป เดินมา.. หากพบลูกแก้ว.. จะเห็นใสสว่างปรากฏเบื้องหน้า

ชาวเขาคนนั้น.. จึงได้ทำตามคำแนะนำของหลวงปู่มั่น จนจิตรวมลงเป็นหนึ่งเดียวกับพุทโธ ปรากฏใสสว่างจ้าขึ้นให้เห็นในจิตหนึ่งนั้น.. ก่อให้เกิดความสงบสุขในขณะนั้นอย่างอัศจรรย์.. จนนำไปสู่การเจริญภาวนาต่อไปของชาวเขาในหมู่บ้านแห่งนั้น.. ที่รวมกันมาเจริญพุทโธๆๆๆ... รับฟังคำสั่งสอนจากหลวงปู่มั่น ให้มีศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์.. ละทิ้งลัทธิบูชาผีกันไปหมด.. จึงนับเป็นความอัศจรรย์อย่างยิ่งของอุบายการสอนให้จิตระลึกอยู่กับคำว่า พุทโธๆๆๆ... อันนำไปสู่การเจริญสติปัญญา.. อย่างมีศรัทธาในคุณพระรัตนตรัย ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมของชาวเขากลุ่มนั้นสืบต่อมา…

ความอัศจรรย์แห่งการภาวนา.. จากอุบายวิธีต่างๆ ของครูบาอาจารย์แต่ละยุค.. แต่ละสมัยนั้นน่าศึกษาอย่างยิ่ง.. ไม่ว่าจะเป็นการทำสมาธิปริยายชั้นต่ำ.. หรือสมาธิปริยายชั้นสูง.. ไม่ว่าจะเป็นการเจริญสมถกรรมฐาน.. หรือการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน.. ที่แต่ละท่านนำมาใช้สอนศรัทธาญาติโยมทั้งหลาย.. ให้สามารถเจริญสติ.. อบรมจิตภาวนาได้จริง... เพื่อเข้าสู่ทางตรงมุ่งสู่อริยมรรค...

ประการสำคัญของครูบาอาจารย์ในแต่ละยุคสมัย.. ที่อุทิศชีวิตเพื่อการทำหน้าที่ศาสนทายาท.. คือ การประพฤติปฏิบัติตาม พระธรรมวินัย อย่างแท้จริง.. และสามารถแสดงถึงภูมิปัญญาของการเข้าถึงผลแห่งการปฏิบัตินั้นๆ ให้เห็นประจักษ์จริงได้.. มิใช่เพียงแค่จดจำท่องบ่นนึกคิดพูดคุย.. อย่างที่ปรากฏแพร่หลายกันมากในโลกไอทีปัจจุบัน...

จึงได้เห็นพฤติกรรมต่างๆ ของญาติโยมที่แตกต่างกันไป ในสมัยที่มีการแข่งขันกันเผยแพร่คำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา.. แบบนำธรรมมายกตน.. กล่าวกดข่มผู้อื่น

ที่น่าพิจารณายิ่ง..ในยุคสมัยไอทีคือ คนหัวดำแข่งกันแสดงธรรม ส่วนคนหัวโล้นมัวแต่นั่งประกอบพิธีการแลกอามิสสินจ้างรางวัล... จนเกิดความสับสนอลเวงในแวดวงศาสนา

ยิ่งโลกธรรมหลั่งไหลเข้ามาครอบคลุม... ปกครองศาสนจักร.. ยิ่งได้เห็นความวุ่นวายในหมู่นักบวชที่ไม่เลือกว่าเป็นวัดป่า.. วัดบ้าน.. ที่มีแต่เรื่องฉาวๆ คาวๆ .. บ้าๆ บอๆ ให้กระทบใจศรัทธาชาวบ้านไม่เว้นในแต่ละวัน..

มารผู้ใด.. มารคณะใด.. ทำให้ศาสนจักรเป็นไปได้เช่นนี้.. จึงควรแก่การช่วยกันพิจารณา.. เพื่อการหยุด.. ยับยั้ง.. ความหายนะที่กำลังปรากฏทั่วทุกเขตแดนให้สิ้นไป..

อาการไข้หัวลม..ที่เกิดจากความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศนับเป็นเรื่องธรรมดา.. ที่สะท้อนความเป็นจริงในธรรมชาติตามกฎอิทัปปัจจยตา ที่แปลความว่า ความมีนี้เป็นปัจจัย.. หรือกล่าวให้สวยงามเต็มรูปก็ต้องแปลว่า.. เพราะสิ่งนี้ สิ่งนี้ จึงมี..สิ่งนี้ จึงเกิดขึ้น...

จริงๆ แล้ว เรื่องความผันผวนเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ.. นับเป็นเรื่องธรรมดา.. มิได้เป็นพิษเป็นภัยกับใครๆ หากรู้จักปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติที่ดำเนินไปตามเหตุปัจจัยนั้น... ที่สะท้อนความเป็น ปัจจยการ ที่แปลว่า ความเป็นปัจจัย ในทุกสภาพธรรม...

ด้วยการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเข้าใจธรรมในธรรมชาติ.. เป็น หัวใจพุทธะ ที่สำคัญยิ่ง.. ที่จักทำให้พ้นไปจากโทษ ทุกข์ ภัย ได้อย่างแท้จริง..

แต่สิ่งที่เกิดปรากฏในโลกทุกสมัย.. คือ ความผิดเพี้ยนทางจิตใจในหมู่สัตว์ ที่เรียกว่า ความวิปลาส จึงก่อให้เกิดโทษ ทุกข์ ภัย อย่างให้ลุ่มหลงในสังคมมนุษยชาติ.. หรือในหมู่ประชาสัตว์ทุกภพภูมิ.. ที่ยากจะแก้ไขได้ด้วยแกงส้มดอกแคเพียงถ้วยเดียว.. สำหรับโรควิปลาสดังกล่าว...

มีธรรมโอสถขนานเอก.. หม้อเดียวเท่านั้นที่พึงจะรักษา โรควิปลาสจากธรรม ได้.. คือ อริยมรรคอันมีองค์ธรรม ๘ ประการ.. ที่นับเป็นยาขนานเอกครอบจักรวาล รักษาได้ครอบจักรวาลจริง..

แต่การจะได้ยาขนานเอกนี้.. จักต้องทำตนให้ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติอันควร โดยเฉพาะความมีศรัทธาในธรรม.. และความเป็นผู้มีศีล อันพระอริยเจ้าสรรเสริญ...

เมื่อกล่าวถึงเงื่อนไขดังกล่าวว่า.. การที่ผู้ใดจะได้ดื่มกินยาขนานเอกครอบจักรวาลนั้น จะต้องมีศรัทธาและศีล ก็ให้หนักใจนัก... โดยเฉพาะในสังคมมนุษยชาติปัจจุบัน.. ที่ไม่เว้นว่าจะเป็นใคร ฐานะ เพศใด.. ในศาสนจักรหรืออาณาจักร ที่ล้วนแล้วแต่บกพร่องชำรุดในคุณธรรม ๒ ข้อดังกล่าวกันเกือบทั้งนั้น จึงยากต่อการเจริญอริยมรรคอันมีองค์ธรรมแปดประการให้สำเร็จสมบูรณ์ได้จริงๆ

ศรัทธา.. ในพระพุทธศาสนา.. ศรัทธาในธรรมที่มีอยู่ในธรรมชาติ.. ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้เอง ไม่ใช่เรื่องแสวงหาจากภายนอก.. ดังการแสวงหาหน่อไม้ในป่าไผ่..

เรื่องศรัทธา.. เป็นเรื่องคุณธรรมภายในจิตใจ.. ที่จะต้องปลูกสร้างขึ้นด้วย สติปัญญา.. จากการเรียนรู้กฎธรรมชาติ.. จนเข้าใจในความเป็นจริงที่เรียกว่า ธรรม.. ที่พระพุทธเจ้าของเราตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง.. และทรงประกาศ จำแนก แจกแจง สั่งสอนไว้ดีแล้ว...

การมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. จึงต้องเรียนรู้ให้เข้าใจในหลักธรรมคำสั่งสอน เพื่อความเชื่อมั่นในองค์คุณของความรู้อันเกิดจากความเข้าใจในธรรมนั้นๆ... จนก่อเกิดความเลื่อมใส พร้อมที่จะศึกษาปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอน.. ซึ่งในเบื้องต้นจะต้องเป็นผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม อริยธรรม.. ขั้นพื้นฐานของ มนุษยชาติ.. ที่เรียกอีกชื่อว่า.. มนุษยธรรม ก่อนที่จะเข้าสู่การประพฤติธรรม สมควรแก่ธรรม.. ตาม อริยมรรคอันมีองค์ธรรม ๘ ประการ โดยมีสติ สัมปชัญญะ และความเพียรชอบ เป็นธรรมอุปการะ เพื่อการพัฒนาจิตใจให้ถึงพร้อมในองค์คุณธรรมทั้ง ๘ ประการดังกล่าว อันจะก่อเกิด ธรรมโอสถขนานเอก เมื่อองค์ธรรมทั้งแปดถึงความพร้อม ประชุมธรรมกันเป็นหนึ่งเดียวจนก่อเกิดอำนาจแห่งธรรมนั้น...

เมื่อใด.. ที่ธรรมทั้งแปดรวมกันเป็นหนึ่งได้ เมื่อนั้นก็จะได้ยาขนานเอกเป็น ธรรมโอสถ ชั้นเยี่ยมที่ดับโรค ภัย และความทุกข์ ได้อย่างแท้จริง.. ขอเพียงแต่ดำเนินให้ตรงเส้นทางอริยมรรคอย่างไม่ผิดพลาดเลย...

เมื่อเราได้ดื่มกินยาขนานเอกดังกล่าวแล้วจริง.. เราจะหยุดคิดมาก หยุดพูดมาก หยุดขวนขวายในการกระทำต่างๆ นานา เพื่อแสวงหาให้ได้มาที่มากเกินไปจริงๆ..... ที่สำคัญจะนำไปสู่ความเข้าใจในทุกสรรพสิ่ง รวมถึงการเข้าใจตนเองว่า.. แท้จริงเสมอกันด้วยธรรมภายใต้กฎธรรมชาติเดียวกัน

ชีวิตที่ดำเนินต่อไปของผู้ที่ได้รับรสชาติยาดังกล่าวแล้ว.. จะทำหน้าที่อันเหมาะควรในประโยชน์แห่งธรรม.. ตามฐานะมนุษยชาติที่พึงจะทำได้.. อย่างมีความสงบสุข.. พอเหมาะ พอเพียง และพอดี... “จะไม่เกินดี.. และขาดดี...”

เรื่องราวในแวดวงศาสนจักร.. เรื่องบ้าๆ บอๆ ที่เกิดจากโรควิปริตผันแปรไปตามโลกธรรม.. ที่มาเป็นฤดูกาล.. ก็คงจะสิ้นไป.. ไม่ต้องวุ่นวายอยู่กับอำนาจกิเลส.. ให้หงุดหงิดรำคาญใจ.. ชอบใจว่า.. ใครได้.. ใครเป็น ใครถูกปลด.. ใครถูกไล่.. ให้วุ่นวายใจ ไม่รู้กลางวัน.. กลางคืน.. จนสูญเสียภิกขุภาวะ.. สมณภาวะ.. ให้น่าสงสารสุนัขขี้เรื้อนในเขตวัด.. ที่มันยังสงบกว่า แม้ขี้เรื้อนทางกายที่ยังดีกว่าเป็น ขี้เรื้อนทางใจ!!

เจริญพร

[email protected]

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความเสื่อม.. ที่ควรเห็น.. ก่อนตาย!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. มีคำกล่าวเป็นสุภาษิต ว่า ความเสื่อมของมนุษย์ ล้วนมีสาเหตุมาจากมนุษย์.. ความเสื่อมของสิ่งใดๆ .. ก็มีสาเหตุมาจากสิ่งนั้นๆ..

รัฐบาลแพทองธาร อยู่ไม่ครบปี บิ๊กป้อม ยังสู้-พปชร.เดินหน้าต่อ

เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์เศษ ปี 2567 ก็จะผ่านพ้นไปแล้วเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ 2568 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 เป็นอย่างไร และปีหน้า 2568 จะมีทิศทางเช่นไร เรื่องนี้มีมุมมองแนววิเคราะห์จาก

คานถล่ม ผู้บริสุทธิ์จบชีวิต 6 ราย กับ สำนึกของนักการเมืองไทย!

เช้าตรู่วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เกิดโศกนาฏกรรมคานเหล็กยักษ์ที่ใช้สำหรับก่อสร้างทางยกระดับถนนพระราม 2 ถล่ม คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวน 6 ราย

ศึกเลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ. 68 Generation War พท.-ปชน. บารมีบ้านใหญ่ ขลังหรือเสื่อม?

การเมืองท้องถิ่นกับการเลือกตั้ง "นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด" (นายก อบจ.) ซึ่งที่ผ่านมามีการเลือกตั้งกันไปหลายจังหวัด ได้รับความสนใจจากแวดวงการเมืองอย่างมาก