วินท์ สุธีรชัย-รวมไทยยูไนเต็ด เราจะเติบโตเป็นพรรคใหญ่

รวมไทยยูไนเต็ด พรรคการเมืองตั้งใหม่ที่เปิดตัวไปแล้วเมื่อ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยมีแกนนำการตั้งพรรคคือ วินท์ สุธีรชัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล-อนาคตใหม่ ที่ลาออกจาก ส.ส.มาตั้งพรรครวมไทยยูไนเต็ด ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการฟอร์มทีมงานด้านต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง บนคำยืนยันระหว่างการให้สัมภาษณ์ของ วินท์ สุธีรชัย ว่า พรรครวมไทยยูไนเต็ดจะมีเซอร์ไพรส์การเมืองหลังจากนี้ออกมาอีกหลายครั้ง พร้อมทั้งย้ำหนักแน่นว่า การร่วมก่อตั้งพรรคครั้งนี้เดินหน้าเอาจริง ไม่ได้ทำเล่นๆ ไม่ได้คิดจะทำพรรคการเมืองแบบเฉพาะกิจแน่นอน เพราะเป้าหมายคือจะทำพรรครวมไทยยูไนเต็ดแบบระยะยาว โดยเชื่อว่าพรรคจะเติบโตเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ได้ในอนาคต

สำหรับ วินท์ ก่อนหน้าที่จะเดินเข้าสู่ถนนการเมือง แวดวงธุรกิจ-อุตสาหกรรม รู้จักชื่อของเขาในฐานะนักธุรกิจ-นักบริหารในบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไพร์ม สตีล มิลล์ จำกัด ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเหล็กรายใหญ่-ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท In-Tech Steel Co., Ltd. ที่ทำโรงงานผลิตท่อเหล็ก-เหล็กแผ่นคุณภาพสูง รวมถึงยังเคยเป็นอดีตผู้บริหารระดับสูงอีกหลายบริษัท และกับประสบการณ์การเมืองในการเป็น ส.ส.อนาคตใหม่-ก้าวไกล 2 ปีกว่า เมื่อออกมาตั้งพรรคการเมืองเอง แล้วพรรครวมไทยยูไนเต็ดจะขับเคลื่อนต่อไปอย่างไร เรื่องนี้มีคำตอบ

วินท์-รวมไทยยูไนเต็ด กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งพรรคหลังเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการจัดตั้งพรรค ซึ่งคณะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคมั่นใจว่าจะสามารถจัดประชุมใหญ่พรรคได้ภายในไม่เกินสิ้นปีนี้ และพรรคจะมีการทยอยเปิดตัวผู้มาร่วมงานทางการเมืองกับพรรคหลังจากนี้ในหลายช่วงเวลา เพื่อให้ประชาชนเห็นความเคลื่อนไหวของพรรคตลอดเวลา โดยจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งคนที่พรรคจะเปิดตัวขอเก็บไว้เป็นเซอร์ไพรส์ ซึ่งมีแน่นอน เพื่อยืนยันว่าเราของจริง ตั้งใจทำจริง เรามีคนสนับสนุนและมีกลุ่มคนในพรรคที่มีศักยภาพจริง

ยืนยันว่าพรรครวมไทยยูไนเต็ด ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจแน่นอน เพราะเราทำโครงสร้างที่จะทำสถาบันการเมืองที่จะเป็นพรรคใหญ่ เพราะฉะนั้นโครงสร้างที่เราลงแรงทำมา ถ้าเราทำพรรคการเมืองเฉพาะกิจ เราไม่มานั่งเสียเวลาทำให้เหนื่อย

...วิธีการของพรรครวมไทยยูไนเต็ดใช้วิธีการเชิญชวนบุคคล-ประชาชนหลายภาคส่วนให้เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกพรรค เพราะเราไม่ต้องการให้พรรคมีเจ้าของแค่คนกลุ่มเดียวหรือคนไม่กี่กลุ่ม เราต้องการเปิดรับคนหลายกลุ่ม หลายความคิด-หลากหลายอายุ เข้ามาร่วมกันเพื่อพัฒนาและสร้างฉันทามติที่แท้จริง อย่างคุณซารีน่า-ณิชนัจทน์ สุดลาภา จากกลุ่ม Trans for Career ก็ไม่ได้มาคนเดียว เพราะเขาก็มีเครือข่ายที่สร้างไว้ในการทำให้ LGBT มีความเท่าเทียมเหมือนกับคนทั่วไป เวลาเราสร้างเครือข่าย เราสามารถหาหุ้นส่วนที่เข้ามาแล้วสามารถพาเพื่อนฝูง-เครือข่าย-สมาชิกกลุ่มของเขาเข้ามาร่วมกับพรรครวมไทยยูไนเต็ด

ทำไมต้องชื่อ 'รวมไทยยูไนเต็ด'?

สำหรับชื่อพรรครวมไทยยูไนเต็ด ที่หลายคนสะดุดกับชื่อดังกล่าวไม่ใช่น้อย เพราะยังไม่เคยมีพรรคการเมืองใดตั้งพรรคแล้วใช้ชื่อเหมือนกับทีมฟุตบอล วินท์-ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมไทยยูไนเต็ด เล่าถึงความหมายของชื่อพรรคให้ฟังว่า คำว่ารวมไทย มาจากการสร้างฉันทามติ เพราะหากเราไม่สามารถสร้างฉันทามติได้เกิน 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป เราจะผลักดันเรื่องใหญ่ๆ ไม่ได้ สมมุติเราเกณฑ์คนมาได้ 51 เปอร์เซ็นต์ แต่อีกฝั่งได้มา 49 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง 51 เปอร์เซ็นต์เหมือนจะเป็นเสียงข้างมาก แต่ 49 ก็ไม่ใช่จำนวนที่น้อย พอมันเกิดการปะทะแบบนี้ ฝ่าย 51 เปอร์เซ็นต์ก็ไม่สามารถผลักดันเรื่องใหญ่ๆ ให้สำเร็จได้

พรรคเราอยากสร้างฉันทามติในสังคม ในคน 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป โดยเฉพาะถ้าเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปที่เห็นตรงกัน ยกตัวอย่างเช่น คน 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปอยากเห็นคนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อยากเห็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่ทุกคนลงคะแนน 1 เสียงที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง เราเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่คิดอย่างนั้น หรืออย่างเรื่องวัคซีน คนไทยส่วนใหญ่ 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปอยากเห็นการฉีดวัคซีนที่ทั่วถึง เราคิดว่าเรื่องพวกนี้ ถ้าคนไทยส่วนใหญ่เกิน 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปคิดเหมือนกัน มันก็จะผลักดันได้สำเร็จ

...เราจึงใช้คำว่า รวม คือรวมคนไทยเข้าด้วยกัน ส่วนยูไนเต็ด คือการที่เราคิดว่าเราอยากบริหารพรรคแบบหนึ่ง ก็คือคล้ายๆ กับทีมฟุตบอล เราจะไม่มีซูเปอร์แมน แบทแมน สไปเดอร์แมน ที่เป็นพระเอกอยู่คนเดียว แต่เราต้องการทีมที่เป็นทีมเวิร์ก ที่มีกองหน้า กองกลาง กองหลัง มีตัวสำรอง เพราะหากตัวหลักเกิดถูกเข้าสกัดจนบาดเจ็บขาหัก ก็จะมีตัวสำรองเข้ามาเล่นแทนที่ได้ เราจะมีโค้ชที่เป็นรุ่นเก๋าที่มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ ที่สามารถจะเทรนนักเตะที่มีพลังเยอะได้ โดยมีแฟนคลับคอยสนับสนุนพวกเรา ซึ่งหากแฟนคลับใหญ่ขึ้นพวกเราก็เติบโตตามไปด้วย ทั้งหมดมันรวมอยู่ในคำว่ายูไนเต็ดอยู่แล้ว เราจึงเชื่อว่า คำว่ารวมไทยยูไนเต็ดที่สามารถสื่อสารความหมายได้มหาศาล

ส่วนที่มาของชื่อพรรค พวกเราที่ร่วมก่อตั้งพรรคก็คิดกันอยู่สักพัก มีการระดมความคิดเห็นและเสนอกันมาหลายชื่อ โดยชื่อรวมไทยยูไนเต็ดเป็นชื่อที่คนชอบมากที่สุด โดยใช้วิธีซาวเสียงลงคะแนนกัน สำหรับขั้นตอนการจดแจ้งใช้ชื่อพรรค เราจะต้องมีการประชุมใหญ่พรรคก่อน จากนั้นถึงจะยื่นขอใช้ชื่อพรรคต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองต่อไป

-การลาออกจาก ส.ส.มาตั้งพรรคการเมืองใหม่ คิดเรื่องนี้นานหรือไม่?

จุดยืนทางการเมืองของผมไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่วันที่เข้าสู่การเมืองครั้งแรกกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งหากไป search พรรคอนาคตใหม่ ก็จะเห็นวิสัยทัศน์พรรค 3 ข้อ คือการทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ ไม่มีคนไหนเป็นศัตรู-การทำพรรคการเมืองที่ไม่มีเจ้าของโดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทุกคนเป็นเจ้าของพรรคร่วมกันได้ และการทำการเมืองระยะยาว

3 ข้อดังกล่าว ถึงปัจจุบันผมก็ยังมีจุดยืนแบบเดิมไม่ได้เปลี่ยนไป ดังนั้นถ้าถามว่า ที่ผมทำการเมืองแบบทุกวันนี้ ผมเริ่มคิดตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็คือก่อนเข้ามาสู่การเมืองเต็มตัวเมื่อปี 2561 ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 ด้วยซ้ำ ผมก็เดินการเมืองแนวนี้มาตลอด โดยแนวทาง ณ วันนั้นกับแนวทางการเมืองวันนี้ 2564 ยังแนวทางเดิม จุดยืนเหมือนเดิม โดยระหว่างเป็น ส.ส.ในช่วงที่ผ่านมา ก็ได้มีโอกาสพบปะกับคนที่คิดเหมือนกันกับเรามากขึ้นเรื่อยๆ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันจนมาถึงจุดนี้

-วาง position ทางการเมืองของรวมไทยยูไนเต็ดไว้อย่างไร ต้องการเน้นกลุ่มฐานเสียงกลุ่มใดเป็นพิเศษ?

เราอยากเห็นประเทศไทยอย่างที่บอก เหมือนทีมฟุตบอล ไม่มีวันแมนโชว์ เราไม่ได้บอกว่ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่เด่นเป็นที่สุด แต่เรามองว่าการที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ผู้หลักผู้ใหญ่คนรุ่นเก๋า ซึ่งมีประสบการณ์มีคอนเนกชัน มีเครือข่ายสามารถแนะนำรุ่นใหม่ได้

ส่วนรุ่นใหม่ที่มีพลัง มีเทคโนโลยีเข้ามาเสริม ถ้าได้คำแนะนำจากคนรุ่นเก๋ามา พอรวมกันแล้ว 1+1 มันจะมากกว่า 2 จะกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งมากขึ้น ไม่ใช่คนรุ่นใหม่มารวมกัน แต่ขาดประสบการณ์ ขาดคนรุ่นเก๋า ขาดการแนะนำ หรือคนรุ่นเก่ามารวมกัน มีความรู้-ประสบการณ์มากมาย แต่ยังขาดคนที่มีพละกำลังที่จะพาลุยไปข้างหน้า

เรามองว่าการมารวมกันจะทำให้ 1+1 จะมากกว่า 2 ทำให้เกิดความแข็งแกร่งมากขึ้น ทำให้ประเทศไทยสามารถต่อสู้ในเวทีโลกได้ สามารถพัฒนาประเทศไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้อย่างยั่งยืน

พรรครวมไทยยูไนเต็ดอยากได้การสนับสนุนจากคนทุกกลุ่มที่มองว่าสามารถผลักดันการเมืองได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องการความรุนแรง อยากเห็นความเป็นอยู่ของคนไทยที่ดีขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่าคนไทยเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ต้องการเห็นสิ่งเหล่านี้เหมือนกับพวกเรา ผมจึงมองว่ากรอบความคิดของเรามันจึงสำคัญมาก กรอบความคิดเราต้องรับคนจำนวน 80 เปอร์เซ็นต์ของประเทศไทยให้ได้ก่อน เพราะหากเราไปตั้งต้นที่ว่าต้องการจับกลุ่มฐานเสียงคนบางกลุ่ม พอรวมกันแล้ว กรอบความคิดเราอาจรับได้แค่คนไม่กี่กลุ่ม คนไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ผมคิดว่าเราจะผลักดันเรื่องใหญ่ๆ ในประเทศไม่ได้

พรรคจะมีการทยอยเปิดตัวผู้มาร่วมงานทางการเมืองกับพรรคหลังจากนี้..โดยจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งคนที่พรรคจะเปิดตัวขอเก็บไว้เป็นเซอร์ไพรส์ แต่ยืนยันว่ามีแน่นอน เพื่อยืนยันว่าเราของจริง....

-จุดขายหรือความแตกต่างที่จะทำให้คนสนใจหรืออยากลงคะแนนให้พรรค หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น คืออะไร ถ้าคนเลือกพรรคนี้ เขาจะได้อะไร?

ก็สิ่งที่พรรคเสนอ เพราะกรอบความคิดของพรรครองรับคนได้เกิน 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปของประเทศไทย เราเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่อยากเห็นความเป็นอยู่ของคนไทยที่ดีขึ้น แน่นอนอาจจะมีอยู่ 10-20 เปอร์เซ็นต์ที่เราเรียกกันว่า พ่อค้าอาวุธ ที่เขาไม่อยากเห็นคนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจเขา แต่เราเชื่อว่า 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป อยากเห็นความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย อยากเห็นการมีอำนาจของประชาชนอย่างแท้จริงกับการได้มาซึ่งรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยอย่างแท้จริง โดยหากเรามีกรอบความคิดในการให้คนเข้ามาร่วมได้ในทุกกลุ่ม ทุกวัย เราก็จะเปิดเป็นพื้นที่ซึ่งปลอดภัย พื้นที่ซึ่งไม่ยอมรับการใช้ความรุนแรง ไม่ยอมรับการบลูลี่ เราก็จะค่อยๆ รวมคนเข้ามาได้มากขึ้นเรื่อยๆ

"การเดินทางของเราเป็นการเดินทางระยะยาว เราทำให้ฟอร์มการเล่นของทีมเราแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าฟอร์มของทีมเราดี หรือฟอร์มไม่ดี อยากจะสนับสนุนเรามากขึ้นหรือไม่ พรรคเราจะเติบโตขึ้นหรือไม่ ก็อยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจ"

ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ

ทำงานการเมืองระยะยาว

วินท์ กล่าวต่อไปว่า พรรครวมไทยยูไนเต็ดเราจะเป็นพรรคใหญ่ เพราะว่ากรอบความคิดเรารับคนส่วนมากได้ จึงทำให้พรรคเติบโตได้ โดยวิธีการบริหารที่พรรคเราจะทำก็คือ  จะบริหารแบบ professional บริหารแบบมืออาชีพ

...อย่างตัวผมเอง เคยทำงานอยู่กับบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาไม่ต่ำกว่าสามบริษัท เราจะนำโมเดลการบริหารบริษัทแบบมหาชนมาใช้กับพรรคการเมือง ที่เราต้องการทำให้เป็นพรรคการเมืองของมหาชน ด้วยการใช้ระบบ  internal control ในรูปแบบของ ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) นำมาวางกับพรรครวมไทยยูไนเต็ด มีระบบ Internal audit ที่จะมาตรวจสอบพรรค เพื่อให้ประชาชนที่จะเข้ามาหาเราได้เห็นว่าพรรคมีความโปร่งใส และพรรคสามารถเปิดรับคนกลุ่มใหม่ๆ ไม่ว่าจะรุ่นใหม่ รุ่นเก๋า กลุ่มซ้าย กลุ่มขวา เราเปิดรับหมด ถ้าเห็นตรงกับเรา และเนื่องจากรวมไทยยูไนเต็ดเป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ  คนที่เก่งกว่าผม เจ๋งกว่าผม คนที่เก่งกว่าสี่คนแรกที่เปิดตัวมาวันเปิดตัวพรรค เรายินดีรับหมด

เราจะเติบโตได้มากขึ้นเรื่อยๆ การเดินทางของเราเป็นการเดินทางระยะยาว ดังนั้นพรรคจะมีคนเก่งเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งความเป็นจริงตอนนี้ก็มีอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่เราไม่อยากเปิดทีเดียวหมด เราอยากจะค่อยๆ โชว์ให้ประชาชนเห็น ว่าเรามีคนจากหลากหลายกลุ่มทยอยกันเข้ามาที่พรรครวมไทยยูไนเต็ด จากการเปิดตัวของกลุ่มเราที่อยากจะทำพรรคการเมืองที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างแท้จริง  

ยืนยันว่าพรรคเราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจแน่นอน  เพราะเราทำโครงสร้างที่จะทำสถาบันการเมืองที่จะเป็นพรรคใหญ่ เพราะฉะนั้นโครงสร้างที่เราลงแรงมา ถ้าเราทำพรรคการเมืองเฉพาะกิจ เราไม่มานั่งเสียเวลาทำให้เหนื่อย” วินท์ระบุ

เมื่อถามย้ำว่า ทำไมถึงดูมั่นใจว่าจะเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ได้ วินท์ ตอบว่า ก็หลังจากเปิดตัวมาในการเริ่มต้นตั้งพรรคการเมืองเสียงตอบรับดีมาก เป็นการยืนยันความคิดที่เราคิดไว้ตลอดแต่ยังไม่ได้เห็นผลลัพธ์ แต่วันนี้เราได้เห็นผลลัพธ์แล้ว เพราะมีหลายกลุ่มที่เห็นตรงกับพวกเรา คืออยากเห็นการทำการเมืองที่ปลอดภัย ไม่รุนแรง ที่ไม่สู้รบกันจนแบบแตกหัก เราต้องการมีเวทีตรงนี้ เป็นพื้นที่ซึ่งคนทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นเด็ก กลุ่มผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ กลุ่มผู้พิการเข้ามาร่วมได้หมด ทุกคนเข้ามาแล้วสามารถแชร์ไอเดีย สามารถร่วมแสดงความคิดเห็นได้อย่างปลอดภัย จนตอนนี้ก็มีคนเข้ามาเสริมทัพเรามากขึ้น เพราะกรอบความคิดของเรามันพิสูจน์แล้วว่า คนส่วนใหญ่อยากเห็นเรื่องพวกนี้จริงๆ พอมีกลุ่มที่มาร่วมเสริมกับพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ มันก็ทำให้พวกเรามีความมั่นใจมากขึ้นว่าแนวทางนี้เป็นแนวทางที่ถูกต้องได้

-การตั้งพรรคการเมืองต้องใช้ทุนไม่ใช่น้อย พรรคนำทุนมาจากไหน?

คนที่สนใจจะเข้ามาในพรรคเรา ส่วนใหญ่เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในด้านของเขาแล้วในระดับหนึ่ง หลายคนที่เข้ามาร่วมกับเราเรียกได้ว่า แต่ละคนก็มีทุนของเขาอยู่แล้ว  แต่ละคนที่เข้ามาเขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องผลประโยชน์ หากเราเจอคนที่จะเข้ามาเพื่อจะมาหาผลประโยน์ เราก็ไม่เอาเหมือนกัน เราไม่อยากได้คนที่จะเข้ามาเพื่อหาผลประโยชน์ แต่อยากได้คนที่พร้อมและเขาพออยู่แล้ว แต่อยากเสริมเรื่องการช่วยเหลือประชาชนและสังคม จึงเรียกได้ว่าแต่ละคนที่เข้ามาในพรรคเรา ต่างคนต่างเข้ามาด้วยความพร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชน

-ดูเหมือนกับว่าต้องการทำให้เป็นพรรคแนวทางสายกลางๆ ไม่ไปอยู่กับขั้วใดขั้วหนึ่งทางการเมือง?

ผมไม่เชื่อในเรื่องขั้ว ผมคิดว่าคนที่พยายามสร้างขั้วก็คือ  พ่อค้าอาวุธ หรือคนที่อยากเห็นการแตกหัก อยากเห็นการต่อสู้ระหว่างคนสองกลุ่ม เมื่อก่อนก็มีคนพยายามบอกว่ามีกลุ่มซ้าย-กลุ่มขวาให้ทะเลาะกัน ตอนนี้ก็มีคนพยายามบอกว่า มีรุ่นเก่ากับรุ่นใหม ซึ่งผมก็ไม่อยากเรียกว่ารุ่นเก่า แต่ขอเรียกรุ่นเก๋า คนบางกลุ่มก็จะบอกว่าคนรุ่นเก๋ากับรุ่นใหม่ต้องทะเลาะกัน ผมไม่เชื่อ อย่างผมเองก็เป็นวัยกลางคน ในการทำงานของผมได้สัมผัสกับคนหลายช่วงอายุ มีถึงอายุ 80 ปี  จนถึงรุ่นที่อายุน้อยกว่าผมหลายปี ผมสัมผัสคนทุกรุ่นทุกวัย และผมไม่เห็น conflict ในชีวิตผม

คนรุ่นใหม่เขามีพลัง มีเทคโนโลยี มีความรู้จากการศึกษาที่ทันสมัยมากขึ้น ก็เป็นจุดแข็งของเขา คนรุ่นเก๋าเขามีประสบการณ์ มีเครือข่ายเพื่อนฝูง มีคอนเนกชัน มีความรู้ที่สั่งสมมา มีความนิ่ง เรียกว่าโดนทำร้ายจนทนได้ มีความอดทนอดกลั้น ซึ่งผมมองว่าหากเรานำจุดแข็งของแต่ละส่วนมารวมกัน มันคือ put the right man on the right job ที่เอาจุดแข็งมาเสริมกัน จน 1+1 เป็นมากกว่า 2 ซึ่งผมเชื่อในเรื่องนี้  ผมไม่เชื่อเรื่องความขัดแย้ง เมื่อก่อนก็บอกว่าขัดแย้งเรื่องซ้าย-ขวา ต่อมาขัดแย้งเรื่องสี ตอนนี้ก็บอกว่าขัดแย้งเรื่องช่วงวัย แต่ผมไม่เชื่อ ผมคิดว่าคนที่พยายามผลักดันเรื่องความขัดแย้งพวกนี้ก็คือพ่อค้าอาวุธ ที่ได้ผลประโยชน์หรือไม่ก็ไม่รู้จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

ส่วนการเปิดรับคนที่จะมาร่วมงานกับพรรค ถ้าคิดเห็นเหมือนกับเรา คือการพยายามทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้น และประชาธิปไตยต้องมาจากเสียงประชาชนอย่างแท้จริง หากรับสองข้อนี้ได้เรายินดีรับหมด ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการเมืองเก่าหรือนักการเมืองใหม่ หรือแม้ไม่เคยอยู่ในการเมืองมาก่อน เราเปิดรับหมด แต่สำหรับคนที่เป็น ส.ส.ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ผมคิดว่าเขาคงจะไม่ออกมาจนกว่าจะมีการยุบสภา มีการเลือกตั้ง ซึ่งผมเชื่อว่าไม่มีใครรู้ว่าใครจะไปอยู่ที่ไหนจนกว่าจะมีการยุบสภา ตอนนี้เรามีหน้าที่ทำให้บ้านแข็งแกร่งและอบอุ่น ใครอยากจะมาเราก็เปิดรับหมด แต่ถามว่าเราไปดึงตัวใครมาหรือไม่ ก็ตอบได้ว่าเราไม่ดึง

-คิดว่าพรรคจะได้ ส.ส.หลังเลือกตั้งหรือไม่ ตั้งเป้าไว้แค่ไหน?

เราคิดว่าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นรอบหน้า พรรครวมไทยยูไนเต็ดจะมี ส.ส.ในสภาแน่นอน โดยเฉพาะ ส.ส.เขต เพราะเรามีคนที่มีศักยภาพ อยากให้รอดูว่าเราไม่ใช่ของเก๊ และเรามาจริง และในอนาคตไม่ช้าก็เร็ว คือเร็วก็ดี แต่ช้าก็ไม่เป็นไร  เราจะเป็นพรรคใหญ่แน่นอน แต่การทำงานในส่วนนี้ก็เหมือนการวิ่งมาราธอน เราจะค่อยๆ เดิน เราไม่สนใจว่าเลือกตั้งรอบแรกพรรคจะได้เท่าไหร่ หรือพรรคเราจะได้เป็นรัฐบาลเลยหรือไม่ แต่เราสนใจว่าเรามีหลักการของเราและเราจะโตมากขึ้นเรื่อยๆ และถึงวันหนึ่งที่ประชาชนสนับสนุนเพียงพอ เราก็จะเปลี่ยนแปลงประเทศได้เอง

-ระบบเลือกตั้งบัตรสองใบเป็นระบบที่ไม่เอื้อกับพรรคขนาดเล็กและพรรคตั้งใหม่เท่าใดนัก จะลงแข่งอย่างไร?

ในมุมมองผมยอมรับว่า บัตรเลือกตั้งสองใบจะเอื้อกับพรรคการเมืองขนาดใหญ่มากกว่า ซึ่งเป้าหมายของเราในระยะยาว เราเป็นพรรคใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นกติกานี้เราก็มองว่าเราก็พร้อมที่จะเล่น เพราะเราจะเป็นพรรคใหญ่อยู่แล้ว แต่ในส่วนวิธีการเดินที่จะไปสู่เป้าหมายการเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ ถ้ากติกาเป็นระบบบัตรสองใบ เรายินดีรับทุกกลุ่ม ที่ตอนแรกเขาอาจจะอยากเดินคนเดียว แต่เขาเดินคนเดียวต่อไปไม่ไหวแล้ว เราเปิดรับหมดที่จะเข้ามาอยู่ในพรรคนี้ด้วยกัน

การทำงานการเมืองของเราเป็นการทำงานการเมืองระยะยาว เราต้องการสร้างทีมที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ทีมของเราจะฟอร์มดีมากขึ้น ผมเชื่อว่าถ้าประชาชนเห็นฟอร์มไม่ดี ไม่แข็งแกร่ง ไปเตะบอลแล้วฟลุกยิงเข้า ผมเชื่อว่าแฟนคลับไม่ได้ดีใจ แต่หากทีมลงแข่งแล้วฟอร์มการเล่นดี มีลุ้นยิงประตูเข้าหลายครั้ง แต่อาจด้วยดวงไม่ดี ทำให้ยิงไม่เข้า จนพลาด แต่ประชาชนจะให้การสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะไม่ใช่รอบนี้ก็เป็นรอบถัดไป ไม่ใช่รอบถัดไปก็เป็นรอบถัดๆ ไป

 เราจึงเชื่อว่าหากเราทำทีมที่ฟอร์มการเล่นดี แฟนคลับของเราจะขยายมากขึ้น จากรอบที่ 1 ไปรอบที่ 2 รอบที่ 3  แล้วถึงวันหนึ่งเราก็มั่นใจว่า พรรคจะสามารถนำประเทศไทยไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

-ตอนนี้พรรคการเมืองขนาดเล็กก็เริ่มทยอยเลิกและยุบไปรวมกับพรรคใหญ่

ผมคิดว่าบางพรรคที่เขาอาจจะไม่มั่นใจในเรื่องระบบบัตรเลือกตั้งสองใบ เพราะอาจคิดว่าเลือกตั้งแล้วจะต้องได้กี่ที่นั่ง  แต่เราไม่ได้คิดแบบนั้น เราคิดว่ารวมไทยยูไนเต็ดจะเป็นพรรคระยะยาว พรรคการเมืองที่เป็นสถาบัน ที่เป็นพรรคของมวลชน ของประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อเรามีเป้าหมายระยะยาว เราจึงไม่จำเป็นต้องสำเร็จในวันนี้หรือพรุ่งนี้ เราอาจจะเดินไปอีกห้าปีสิบปีข้างหน้าก็ได้ เราไม่กลัว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นระบบบัตรใบเดียวหรือบัตรสองใบ ถึงวันหนึ่งข้างหน้าเราก็จะไปอยู่ในจุดที่เป็นพรรคใหญ่ได้

 เราจึงไม่ได้กลัวว่า วันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะไม่ได้แต้ม ก็เหมือนกับทีมฟุตบอล หากฟอร์มไม่ดี โดนอีกฝ่ายครองลูกตลอดเวลา แต่เกิดฟลุกยิงชนะ ก็ไม่ได้ทำให้แฟนคลับประทับใจ แต่หากทีมเราแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ฟอร์มดีขึ้น ต่อให้ยิงประตูคู่แข่งไม่ได้ แต่แฟนคลับก็จะเชียร์เราอยู่ แล้วถึงจุดหนึ่งเมื่อแฟนคลับมากขึ้น เราเชื่อว่าถึงวันหนึ่งเราก็จะชนะ

-กรอบความคิดทางการเมืองข้างต้นที่บอกไว้ หากอยู่พรรคก้าวไกลต่อไปทำไม่ได้หรือ ถึงต้องออกมาตั้งพรรคการเมืองใหม่?

ผมเชื่อในแนวทางผมมากที่สุด ผมเองก็ไม่ได้มีปัญหากับคนในพรรคก้าวไกล เราก็จากกันด้วยดี เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาทำผิด เพราะเขาก็ประสบความสำเร็จมากในมุมของเขา แต่เราเชื่อในแนวทางเราว่าการทำการเมืองระยะยาวของเรา สามารถที่จะสำเร็จไปถึงเป้าหมายได้อย่างยั่งยืน

เศรษฐกิจความสุข

พิมพ์เขียวนโยบาย-รวมไทยยูไนเต็ด

วินท์-รวมไทยยูไนเต็ด กล่าวถึงแนวนโยบายของพรรคที่จะขับเคลื่อนเสนอต่อประชาชน นโยบายหลักของพรรคมีทั้งหมดสี่ส่วน คือ 1.เศรษฐกิจ 2.การศึกษา 3.สิทธิมนุษยชน 4. สิ่งแวดล้อม

...โดยที่พรรคจะเน้นเศรษฐกิจปากท้องเป็นเรื่องแรก  เรื่องสำคัญที่สุด เพราะเราเชื่อว่าความเป็นอยู่ของคนไทยต้องเริ่มจากเศรษฐกิจปากท้องก่อน ซึ่งพรรคมีแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งระยะสั้นก็มีเช่น การปรับโครงสร้างการชำระหนี้ เพื่ออัดเครดิตเข้าไปในระบบ จะได้มาทดแทนตัวเงินสดที่มันหายไป ส่วนระยะกลางและระยะยาว มีเรื่องของการพัฒนาจีดีพีด้วยการทำกลยุทธ์แนวดิ่ง  โดยเลือกอุตสาหกรรมที่เรามั่นใจว่ามีความแข็งแกร่ง แล้วก็สนับสนุนตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ โดยเรามองว่าการเพิ่มผลผลิตดังกล่าวจะทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้

นอกจากนี้สำหรับคนที่อยากผลักดันจีดีพี อยากไปแข่งในเวทีโลก ก็จะเป็นส่วนหนึ่ง แต่สำหรับคนที่อยากจะใช้ชีวิต เราก็มีสิ่งที่ได้มีการศึกษากันที่เรียกว่า เศรษฐกิจความสุข  ซึ่ง ดร.ณัฐวุฒิ เผ่าทวี ที่เป็น expert ด้านนี้ ที่ปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์อยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยปัจจุบันอังกฤษให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก มีการใช้วิทยาศาสตร์มาผลักดันเรื่องเศรษฐกิจความสุข เพื่อทำอย่างไรให้คนมีความสุขมากขึ้น เพราะหลังจากมีการทำวิจัยมา สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบก็คือ หากคนต้องการทำงาน แต่เขาไม่ได้ทำงาน จะให้เขามีความสุขเทียบเท่ากับคนอยากทำงานแล้วได้ทำงาน ต้องใช้เงินถึงเกือบหนึ่งล้านปอนด์ หรือห้าสิบล้านบาทไทย แต่หากเราเอางานให้คนกลุ่มดังกล่าวทำ ประสิทธิภาพประสิทธิผลงานที่ออกมาจะดีกว่ากันมาก และทำให้คนมีความสุขมากกว่าเยอะ สิ่งนี้เราจะนำมาใช้กับสังคมไทยหลังประสบความสำเร็จมาแล้วที่ประเทศอังกฤษ โดยคนที่อยากใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุข เราก็มีนโยบายเศรษฐกิจความสุขในส่วนนี้รองรับ

 ...สำหรับนโยบายเรื่องสิทธิมนุษยชน เพราะเราเชื่อในความหลากหลาย อย่างคุณซารีน่า-ณิชนัจทน์ สุดลาภา จาก  Trans for Career ก็คือการที่พวกเขามารวมกันแล้วบอกว่า   ความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจของกลุ่ม transgender มันไม่เท่ากับคนทั่วไป ยกตัวอย่างเช่นเรามักคิดว่าคนที่เป็น LGBT  จะต้องอยู่แต่ในวงการบันเทิง โดยไม่ได้คิดว่าคนในกลุ่ม  LGBT เขาอาจถนัด เก่งเรื่องวิศวะก็ได้ แต่สังคมตอนนี้คิดไปว่า LGBT ต้องไปวงการบันเทิงเท่านั้น อย่างคนในกลุ่ม จาก Trans for Career ก็มีคนที่เก่งมากในวงการด้านการเงิน  เรียกได้ว่าหากคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการจะตกใจมากว่าในกลุ่ม  LGBT มีคนที่เก่งกาจด้านการเงินด้วยหรือ โดยหากเรากลับมานั่งคิดกันดีๆ คนใน LGBT ก็คือคนคนหนึ่ง เหมือนผู้ชาย-ผู้หญิงทั่วไป ผู้ชายบางคนก็เก่งด้านวิศวะ บางคนก็เก่งเรื่องบันเทิงเช่นเดียวกับผู้หญิง ซึ่ง LGBT ก็เป็นคนเหมือนกัน  เพราะฉะนั้นเรื่องของการทำงานและเศรษฐกิจ เรามองว่ามันต้องเท่าเทียมกันในทุกกลุ่ม.

โดย วรพล กิตติรัตวรางกูร

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พล.ร.อ.พัลลภ อดีตเสธ.ทร. ผ่ากับดัก MOU 44 บันไดสามขั้น เสี่ยงทำไทย สูญเสียดินแดน

ประเด็น "การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล" ในไหล่ทวีป 26,400 ตารางกิโลเมตร ระหว่างไทย-กัมพูชา กลับมาเป็นเรื่องร้อนๆ ที่ถูกพูดถึงทางการเมืองอีกครั้ง

ด้อมส้วมดิ้น! 'เพนกวิน' ย้อนพรรคส้ม ไม่ควรฟ้องปิดปากประชาชน

นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งหลบหนีออกไปต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชนประกาศว่า จะดำเนินการฟ้องร้องประชาชน

แม้ไม่ปกป้อง .. แต่ขออย่าทำลาย...!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในกระแสโลกยุคไอทีที่เร่าร้อนด้วยวัตถุนิยมเทคโนโลยีชั้นสูง จึงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ ไม่ว่ารูปธรรม นามธรรม.. โดยเฉพาะผลกระทบต่อจิตวิญญาณของมนุษยชาติ

'ดร.ณัฏฐ์' นักกฎหมายมหาชน ฟันธงตัวแปรรัฐบาลชิงยุบสภา ยังไม่เกิด

ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ “ดร.ณัฏฐ์” นักกฎหมายมหาชน กล่าวถึงกระแสข่าวฐบาลมีโอกาสชิงยุบสภา จะเกิดขึ้นก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

อึ้ง! ปชช. 57% ไม่เชื่อมั่นฝ่ายค้าน 'ไหม' โดดเด่นสุด 'เท้ง' รั้งอันดับ 9 'ป้อม' บ๊วย

โพลชี้ 'ศิริกัญญา' โดดเด่นสุด สส.ฝ่ายค้าน แซง 'หัวหน้าเท้ง' อยู่อันดับ 9 ตามคาด 'ลุงป้อม' รั้งท้าย อึ้ง! ประชาชนไม่เชื่อมั่นการทำงานฝ่ายค้านกว่า 57%