..ร้อยธรรมความดี .. ร้อยความสุขสู่.. แผ่นดินไทย!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. กลับมานั่งพิจารณาดูร่องรอยจากเรื่องราวต่างๆ ในวิถีชีวิตที่ดำเนินไปตามกระแสธรรมในห้วงเวลาประมาณ ๒๐ วัน ระหว่าง ๖–๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ที่จาริกไปปฏิบัติศาสนกิจตามจังหวัดต่างๆ จากภาคเหนือสู่ภาคกลางและภาคใต้.. ให้อัศจรรย์ว่าเป็นไปได้อย่างไร!?

เริ่มต้นที่ไปร่วมกับคณะสงฆ์ เพื่อเจริญพระพุทธมนต์และรับพระราชทานฉัน ในการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าไตรและภัตตาหาร ถวายพระสงฆ์ในพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน ใน พิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนคริทร์ เนื่องในโอกาสวันประสูติครบ ๙๙ ปี ณ เจดีย์ศรีมหาราช วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ (ธ) อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ เมื่อ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕

หลังจากนั้นได้เดินทางต่อเนื่องไปพักจำวัดที่วัดป่าอารยวังสาราม (ธ) อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่ออำนวยการจัดฝึกอบรม พระภิกษุในโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรม ที่จะจาริกไปปฏิบัติศาสนกิจในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่าง ๑๑-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕

โดยมีรายการพิเศษจาก กรมราชทัณฑ์ โดยท่านอธิบดี ดร.อายุตม์ สินธพพันธุ์ นิมนต์ไปบรรยายธรรมในหัวข้อเรื่อง “ปุริสรัตนะ .. คุณธรรมที่ควรมีในจิตวิญญาณของผู้บัญชาการเรือนจำ!!” ในที่ประชุม/สัมมนาผู้บัญชาการเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ ที่มาจากทั่วประเทศ เมื่อ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ณ กรมราชทัณฑ์ จ.นนทบุรี

ทั้งนี้ ในช่วงเช้าของวันดังกล่าว ได้รับนิมนต์จากเรือนจำกลางบางขวาง เพื่อไปบรรยายธรรมให้การอบรมแก่ผู้ต้องขังโทษประหารชีวิต ในยามเช้า เวลา ๐๗.๓๐-๐๘.๓๐ น. ของวันดังกล่าว (๑๒ พ.ค.๖๕) ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการปรับสภาพจิตใจ.. ปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้ต้องขังโทษประหาร ให้มีความสำนึก ตื่นรู้ และมีความรู้ ความเข้าใจถูกทำนองคลองธรรม.. ด้วยภาษาธรรมแบบง่ายๆ เข้าใจไม่ยาก.. ซึ่งนับว่าได้ผลสัมฤทธิ์ตามประสงค์ต่อการไปบรรยายกึ่งสนทนาในครั้งนี้ ด้วยบรรยากาศที่เป็นแบบสบายๆ ไม่เคร่งเครียด หลีกเลี่ยงพิธีการรูปแบบทั้งปวง

จึงทำให้เกิดการตอบรับ.. จากการรับรู้ที่นำไปสู่การสื่อสารธรรมกันได้มากขึ้น.. ก่อให้เกิดความสบายใจ.. ความพึงใจในการสนทนาร่วมกัน จนได้รับการร้องขอให้กลับ มาเยี่ยมพวกเขาอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงดุจลูกศิษย์คนหนึ่งที่สำนึกในคุณของครูบาอาจารย์...

สาธุชนผู้สนใจ.. สามารถเปิดรับชม.. รับฟังได้จากยูทูบ.. ในช่อง Arayawangso .. (อารยวังโส) ที่เขียนหัวเรื่องว่า.. “อบรมผู้ต้องขังโทษประหารชีวิต .. ให้เข้าใจธรรมชาติของชีวิต!!” ซึ่งเป็นที่สนใจของหมู่ชนที่เข้าไปติดตามกันจำนวนมากในขณะนี้

...และในห้วงเวลาระหว่าง ๑๑-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นสัปดาห์วิสาขบูชาโลกดังกล่าวนั้น.. ได้จัดการฝึกอบรมพระภิกษุในโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรม ตามที่กล่าวในเบื้องต้น.. เพื่อความรู้-ความเข้าใจในพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ ในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะศาสนาอิสลาม...

จึงได้เชิญนักวิชาการทางด้านศาสนาอิสลาม เช่น ศาสตราจารย์ ดร.จรัญ มะลูลีม ผู้เชี่ยวชาญด้านมุสลิมและอาหรับศึกษา จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.. ผศ.ดร.มาโนชญ์ อารีย์ ผู้เชี่ยวชาญความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.. อีกทั้งนักการทหารที่เข้าใจในจิตวิญญาณของหมู่ชนต่างศาสนาในสังคมพหุวัฒนธรรม เป็นต้น.. ทำให้การจัดการอบรมถวายความรู้แด่พระภิกษุในโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรม ในครั้งนี้เป็นไปอย่างมีรสชาติ สมประโยชน์ตามตั้งใจ ทั้งฝ่ายผู้รับและผู้ให้... นับเป็นมิติใหม่ของภิกษุสงฆ์ที่ควรเรียนรู้ในศาสนา สังคม วัฒนธรรม หลากหลายด้วย เพื่อความเข้าใจในสังคมพหุวัฒนธรรมที่สืบเนื่องมายาวนานในแผ่นดินสุวรรณภูมิแห่งนี้...

ความคุ้นเคยที่เกิดขึ้นระหว่างนักวิชาการต่างศาสนากับพระภิกษุในโครงการ กลายเป็นบรรยากาศที่สร้างสรรค์ นำไปสู่การปรับเปลี่ยนทัศนคติระหว่างกันและกัน.. จนกลายเป็นความยินดีต่อกันที่จะพูดคุยกันอย่างเปิดใจ... โดยเฉพาะปัญหาระหว่างศาสนิกชน.. ใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีการก่อการร้ายเข้ามาตอกลิ่มให้เกิดรอยร้าวในระหว่าง...

การเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของภิกษุในโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรม.. จึงควรไปอย่างบัณฑิต.. ผู้รู้ สัตบุรุษ ผู้มีธรรม.. โดยเฉพาะในฐานะผู้เจริญสมณธรรมในพระพุทธศาสนา

 “ความเข้าใจ เขา .. ความเข้าใจ เรา” เป็นธรรมลักษณะที่สร้างสรรค์ทางจิตวิญญาณได้เกิดขึ้น.. จากการอบรมในครั้งนี้.. ซึ่งคงจะดีกว่าคำว่า .. “รู้เข้า .. รู้เรา” ที่ชอบพูดกันให้เกร่อในตลาดการต่อสู้ แข่งขัน และทำลาย...

 “ความเข้าใจ เขา .. ความเข้าใจ เรา” นี่แหละ เป็นกุญแจดอกแรกที่จะนำไปสู่การเปิดประตู.. เพื่อการเข้าใกล้-เข้าถึงกันและกัน...

พระพุทธศาสนาได้สอนหลักสาราณียธรรม ๖ ประการ อันเป็นไป เพื่อรักกัน.. เพื่อความเกื้อกูลกัน.. เพื่อการไม่ทะเลาะวิวาท.. ไม่ขัดแย้งกัน.. ชาวพุทธจึงควรนำมาใส่ใจ.. พิจารณาให้เข้าใจ.. เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ดังใน ๓ ข้อแรก พึงตั้งเมตตาในกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทั้งต่อหน้าและลับหลัง.. ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญของสาราณียธรรม.. ธรรมอันเป็นที่รัก.. ที่ระลึกถึงกัน.. ธรรมอันเป็นไปเพื่อการสงเคราะห์กัน.. เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน.. แม้จะต่างศาสนา.. ก็มิใช่จะทำให้ต่างศีล.. ต่างทิฏฐิ.. หากมีเมตตากรุณาต่อกัน... เพราะหลักสำคัญของศีลและทิฏฐิที่จะเสมอกันได้ ก็วัดจากเมตตากรุณา.. นี่แหละเป็นสำคัญ.. จึงไม่ว่าจะเป็นศาสนาใด.. ลัทธิใด หากใจมีเมตตากรุณาเพาะบ่มอบรมอยู่.. ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความแตกแยกกัน.. เพื่อการทำลายกันอย่างแน่นอน.. ดังที่พุทธศาสนามีภาษิตว่า.. “เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก”

จึงกล่าวได้ว่า การอบรมภิกษุในโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรม ในครั้งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง.. ประสบความสำเร็จตามความมุ่งหมาย เมื่อภิกษุในโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรม กับนักวิชาการทางศาสนาต่างๆ ตลอดจนถึงนักวิชาการทางทหาร.. ได้ร่วมใจกันสร้างสรรค์กระบวนการเรียนรู้.. ที่นำไปสู่การเปิดจิตรับรู้.. รับฟัง.. รับทราบ ซึ่งกันและกัน.. ก่อให้เกิดทัศนคติเชิงบวก แม้จะต่างศาสนากัน...

ในวันนี้.. ภิกษุพัชรธรรม.. ในโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรม ได้ลงพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมปฏิบัติศาสนกิจกับพระภิกษุในท้องถิ่นและกับหน่วยงานทางราชการในพื้นที่.. ในทัศนะที่เข้าใจสังคมเชิงพหุวัฒนธรรม.. ที่ดำเนินสืบเนื่องมายาวนานในสังคมท้องถิ่น.. โดยเฉพาะใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้

ในวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๕ ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะครบกำหนดครึ่งเดือน.. จึงได้มีการรวมตัวกันของภิกษุพัชรธรรมในโครงการ เพื่อสวดพระปริตรอธิษฐานจิตเพื่อแผ่นดินไทย เป็นครั้งที่ ๒ ณ วัดราษฎร์บูรณาราม (วัดช้างให้) อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี โดย

- เวลา ๐๗.๐๙ น. บิณฑบาตรอบพระเจดีย์วัดช้างให้

- เวลา ๐๘.๓๐-๑๐.๐๐ น... คณะสงฆ์ในโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรม โดยการนำของหลวงพ่อพระอาจารย์อารยวังโส จะร่วมกันสวดพระปริตรอธิษฐานจิต เพื่อแผ่นดินไทย เป็นครั้งที่ ๒ และต่อเนื่องด้วยการบรรยายธรรมนำปฏิบัติบูชา เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

- เวลา ๑๐.๑๐ น... มีการถวายสังฆทาน.. และทอดผ้าป่าถวายปัจจัยสมทบกองทุนการศึกษาภิกษุ-สามเณรวัดช้างให้ โดยมีพลเอกจรัล กุลละวณิชย์ เป็นประธานจัดงานฝ่ายฆราวาส.. ดังที่เคยปฏิบัติกันมายาวนานของการสวดพระปริตรอธิษฐานจิตเพื่อแผ่นดินไทย ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง.. ในหลายปีที่ผ่านมา อันเป็นห้วงเวลาวุ่นวายในสังคมไทย.. จนผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวมาได้.. จึงยุติการจัดงานดังกล่าว

สำหรับการจัดงานสวดพระปริตรอธิษฐานจิตเพื่อแผ่นดินไทย ณ วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ ๒.. โดยครั้งที่ ๑ จัดขึ้นเมื่อ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๐ ซึ่งบ้านเมืองในภาคใต้กำลังเกิดวิกฤตการณ์ก่อการร้ายรุนแรงมากๆ ในขณะนั้น

จากการจัดงานในครั้งนั้น (๒๕ มี.ค.๒๕๕๐).. เมื่อความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.. ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของชาวไทย.. จึงได้ทรงมีพระดำรัส “อนุโมทนา” มาถึงตามเอกสารหนังสือจากสำนักราชเลขาธิการที่อัญเชิญพระดำรัสมานมัสการเพื่อทราบ.. นำมาสู่ความปีติ.. ยินดียิ่งของคณะศรัทธามหาชนทุกหมู่เหล่าที่มีส่วนร่วมในการจัดงานดังกล่าว ไม่ว่าพลเอกจรัล กุลละวณิชย์ พล.ต.ท.นิพนธ์ หรือแม่ทัพภาค ๔ ในขณะนั้น

บัดนี้ การจัดงานสวดพระปริตรอธิษฐานจิตเพื่อแผ่นดินไทย ครั้งที่ ๒ ณ วัดช้างให้ ได้อุบัติเกิดขึ้นอีกครั้ง.. โดยความพร้อมเพรียงของพระภิกษุในโครงการจิตอาสา กำลังใจ พัชรธรรม ที่ไปปฏิบัติศาสนกิจใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้.. โดยการสนับสนุนของ พลเอกจิรเดช กมลเพ็ชร ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก นายนิพันธ์ บุญหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี.. พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ ๔ (กอ.รมน.ภาค ๔) นายพรพนา แสนการุณ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ปัตตานี.. และกรมราชทัณฑ์ โดย ดร.อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดี ตลอดจนถึงคณะศิษย์ศรัทธาในพระอาจารย์อารยวังโส เพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชนใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้.. เพื่อสันติสุขของแผ่นดินไทยและเพื่อพร้อมใจกันปฏิบัติประพฤติธรรม น้อมถวายฯ เป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.. อันควรแก่การร่วมสาธุการสำหรับการจัดงานในครั้งนี้!!.

เจริญพร

[email protected]