เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง FACEBOOK ประกาศว่าเราได้เปลี่ยนเข้าสู่มิติใหม่ในโลกดิจิทัลแล้ว จึงต้อง ขอเปลี่ยนชื่อตัวเองจาก “FACEBOOK” เป็น “META” ซึ่งหมายความอย่างสั้นๆ ได้ว่า “เหนือกว่า” นั้น พบว่าสิ่งแรกๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยของเราคือ การเสนอคำว่า “จักรวาลนฤมิต” ให้ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า “METAVERSE” ที่มาจากคำว่า “META” และ “UNIVERSE” มารวมเข้าด้วยกันว่า ช่องทางการติดต่อสื่อสารรูปแบบใหม่นี้จะอยู่เหนือจักรวาล
ผู้เขียนได้มีโอกาสไปบรรยาย หัวข้อ “LAWS IN METAVERSE” ให้กับหลักสูตร “SUSTAINNOVATION LEADERSHIP PROGRAM” เมื่อไม่นานมานี้
โดยหลักสูตรนี้จะเน้นการเสริมสร้างผู้นำและผู้ประกอบการทางสังคมให้มาช่วยคิด ช่วยสร้างแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบสมดุล ภายใต้หลักการของความยั่งยืนทั้ง 17 ข้อที่รวบรวมจัดทำโดยสหประชาชาติ คือ Sustainable Development Goals หรือ “SDGs” ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกคนทั้งภาครัฐและเอกชนต้องมาร่วมด้วยช่วยกันในการสร้างเสริมแนวทางความยั่งยืนนี้และส่งต่อให้กับลูกหลานต่อไป
สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นจากการบรรยายและการเสวนาในครั้งนี้คือ การรวมตัวของกลุ่มคนเล็กๆ ที่มาจากหลายหลากอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักขุด Bitcoin นักกฎหมาย นักบัญชี ผู้ประกอบการทางสังคม รวมถึงพระภิกษุและแม่ชีที่ท่านๆ เหล่านั้นมาอยู่พร้อมกันและได้รับ “โอกาส” (Opportunity) ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างเท่าเทียมกันและทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทุกวินาที
จักรวาลนฤมิต (Metaverse) คือช่องทาง หรือ Platform (s) การติดต่อสื่อสารรูปแบบใหม่ที่เป็นโลกเสมือนจริงไม่มีพรมแดนอีกต่อไป (Borderless) โดยเป็นการติดต่อที่สามารถสร้างโลกที่เป็นจริงและเสมือนจริงให้อยู่รวมกันได้ (Augmented Reality) หรือโลกเสมือนจริงแบบ 360 องศา (Virtual Reality) และยังสามารถสร้างอวตาร (Avatar) ให้เป็นตัวแทนเข้าไปสื่อสารติดต่อในสถานที่นั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ใดในโลก โดยผู้จะเข้าถึง Metaverse ได้นั้น (Accessibility) ย่อมจะต้องมีโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ และแว่น VR (Virtual Reality) ที่สามารถรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว เช่น 5G หรือมากกว่า และมีรายได้หรือศักยภาพด้านการเงินอยู่พอสมควร
คำถามที่อยู่ในใจที่อยากถามไปยังรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องด้านนโยบายสาธารณะคือ หาก “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เราจะสร้างและดำเนินนโยบายเพื่อเตรียมความพร้อมของประชาชนในโลกเสมือนจริงนี้ได้อย่างไร เพราะประชาชนคือประชากรรวมกว่า 66 ล้านคนที่มาอยู่กันเป็น “ประเทศไทย” ของเราทุกคน
กลุ่มผู้ได้รับประโยชน์จากจักรวาลนฤมิตคือใครบ้าง? จะใช่กลุ่มนายทุนหรือผู้ที่มีสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ในมือ หรือผู้ถือที่ดินอยู่ในจักรวาลนฤมิตนี้ที่ปัจจุบันมีมูลค่าซื้อขายกันนับร้อยล้านพันล้านเหรียญสหรัฐ แม้กระทั่งสถานทูต ธนาคาร ก็มีการไปจัดตั้งอยู่ในโลกเสมือนจริงแห่งนี้หรือไม่ เราลองมาหาข้อมูล หาคำตอบเชื่อมโยงยืนยันกันได้อย่างน้อยดังต่อไปนี้ คือ
(1) มีงานวิจัยแสดงใน www.datareportal.com ว่าคนไทยเพียงประมาณ 54 ล้าน หรือราว 77% ที่มี “โอกาส” เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ แต่ถ้าพิจารณาข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติแล้วพบว่า มีครัวเรือนไทยน้อยกว่า 70% ที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ และจากการสืบค้นต่อไปอีกยิ่งพบว่า มีครัวเรือนไทยน้อยกว่า 1 ใน 4 หรือ 25% ของครัวเรือนทั้งหมดในประเทศที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ หรือแบบ Laptop เป็นของตนเอง และตัวเลขสถิตินี้ยังเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในระนาบเดียวกันถึงกว่า 30% และ
(2) จากรายงานของ EIU ( Economist Intelligence Unit) พบการวิเคราะห์ว่า สาเหตุของความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล (Digital Divide) ที่สำคัญ 2 ประการคือ (1) ความสามารถในการซื้อบริการ (Affordability) และ (2) ทักษะในการใช้งานเทคโนโลยี (Technological Skills) ยิ่งในปัจจุบัน ประเทศก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Complete Aged Society) ที่คนสูงวัยจำนวนมากปฏิเสธการเรียนรู้ในเทคโนโลยีอันมาจากความกลัว ไม่กล้าที่จะรับรู้สิ่งใหม่ๆ ยิ่งทำให้การพัฒนาประเทศมีอุปสรรคจากปัจจัยภายในมากขึ้น
แม้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามผลักดันนโยบายในการแก้ไขความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล เช่น โครงการเน็ตประชารัฐ ที่ใช้งบประมาณมากเป็นหมื่นล้านก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะการติดตั้งจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองและกฎหมาย เช่น สถานที่ติดตั้งส่วนใหญ่จะอยู่ที่สถานที่ที่นักการเมืองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้กำหนด และที่สำคัญคือ “the Last Mile” ที่ไม่สามารถให้ประชาชนทุกคนในประเทศได้รับบริการอินเทอร์เน็ตฟรีได้ เพราะติดขัดเรื่องกฎหมายและการให้สัมปทานเอกชน
ยิ่งถ้าผู้รับสัมปทานมาควบรวมกิจการอย่างที่เป็นข่าวนั้น ยิ่งทำให้เกิดการผูกขาดของธุรกิจโทรคมนาคมมากยิ่งขึ้น ซึ่งคงต้องคงติดตามดูว่าประชาชน ผู้บริโภคจะได้ประโยชน์จากการควบรวมนี้อย่างไรบ้าง แต่ที่เป็นความจริงแบบไม่มีใครปฏิเสธได้คือ ผู้ที่มีทรัพยากรเหนือกว่า หรือมีเงินทองมาก ก็จะได้เปรียบและได้ประโยชน์จากโลกดิจิทัลและจักรวาลนฤมิตนี้อย่างแน่นอน
ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลและการก่อเกิดของจักรวาลนฤมิตเป็นตัวเร่งความเหลื่อมล้ำทางสังคมหรือไม่นั้น เห็นเพิ่มเติมก่อนยืนยันว่า “ใช่” ด้วยว่า หากมีการวัดความเหลื่อมล้ำในด้านทรัพย์สินหรือความมั่งคั่ง (Wealth Indication) แล้ว ตามที่ธนาคาร Credit Suisse ได้ใช้เกณฑ์การวัดเบื้องต้น โดยวัดว่าคนที่รวยที่สุด 1% จะถือครองทรัพย์สินเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ของทรัพย์สินทั้งหมดของประเทศ และคำตอบที่ได้คือ 66.9% หมายความว่า กลุ่มคนที่รวยที่สุดจำนวน 1% ได้ถือครองทรัพย์สินเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ และถ้ากลุ่มคน 1% นี้เข้าไปอยู่ในจักรวาลนฤมิตที่เขาต่างมีทรัพยากรที่เหลือล้นในการเข้าถึงเทคโนโลยีของการสร้างโลกเสมือนจริงนี้ การก่อเกิดของจักรวาลนฤมิตจึงย่อมเป็นตัวเร่งความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างที่ไม่มีใครปฏิเสธได้.
เทวัญ อุทัยวัฒน์ กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อภิสิทธิ์-อดีตนายกรัฐมนตรี มอง 'จุดเสี่ยง' รัฐบาลเพื่อไทย ระเบิดการเมือง วางไว้เองหลายลูก
แม้ขณะนี้จะไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่สำหรับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์" การแสดงทัศนะหรือความคิดเห็นทางด้านการเมือง
ความเสื่อม.. ที่ควรเห็น.. ก่อนตาย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. มีคำกล่าวเป็นสุภาษิต ว่า ความเสื่อมของมนุษย์ ล้วนมีสาเหตุมาจากมนุษย์.. ความเสื่อมของสิ่งใดๆ .. ก็มีสาเหตุมาจากสิ่งนั้นๆ..
รัฐบาลแพทองธาร อยู่ไม่ครบปี บิ๊กป้อม ยังสู้-พปชร.เดินหน้าต่อ
เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์เศษ ปี 2567 ก็จะผ่านพ้นไปแล้วเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ 2568 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 เป็นอย่างไร และปีหน้า 2568 จะมีทิศทางเช่นไร เรื่องนี้มีมุมมองแนววิเคราะห์จาก
ประมาทไม่ได้เลย คือ จิตของเรา!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. มีพระภาษิตบทหนึ่งกล่าวว่า..
คานถล่ม ผู้บริสุทธิ์จบชีวิต 6 ราย กับ สำนึกของนักการเมืองไทย!
เช้าตรู่วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เกิดโศกนาฏกรรมคานเหล็กยักษ์ที่ใช้สำหรับก่อสร้างทางยกระดับถนนพระราม 2 ถล่ม คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวน 6 ราย
ศึกเลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ. 68 Generation War พท.-ปชน. บารมีบ้านใหญ่ ขลังหรือเสื่อม?
การเมืองท้องถิ่นกับการเลือกตั้ง "นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด" (นายก อบจ.) ซึ่งที่ผ่านมามีการเลือกตั้งกันไปหลายจังหวัด ได้รับความสนใจจากแวดวงการเมืองอย่างมาก