จับท่าทีความเคลื่อนไหวของกลุ่มพรรคการเมืองขนาดเล็กที่มี ส.ส.ในสภาประมาณ 1-5 เสียง พบว่ารอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยเมื่อวันพุธที่ 27 เมษายน กลุ่มที่บอกว่าตัวเองอยู่ฝ่ายหนุนรัฐบาล ในนาม กลุ่ม 16 ส.ส. (แต่จริงๆ แล้วมีเสียงไม่ถึง) อันมี พิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นหัวหน้ากลุ่ม ได้นัดกินข้าวกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวถนนราชดำริ โดยมี ส.ส.พรรคเล็กร่วมรัฐบาลไปร่วมวงด้วยหลายพรรค รวมถึงมี สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน รัฐมนตรีที่ใกล้ชิดพลเอกประยุทธ์ไปร่วมวงด้วย
จุดที่น่าสนใจคือ มีหัวข้อหนึ่งที่มีการนำมาหารือกันบนโต๊ะอาหารแบบออกรส นั่นคือ ประเด็นสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่คณะกรรมาธิการของรัฐสภากำลังพิจารณาและงวดเข้ามาทุกที
โดยเฉพาะไฮไลต์สำคัญ คือเรื่อง สูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จะใช้การคำนวณโดยใช้จำนวน 100 คน หรือ 500 คนหารคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ทั่วประเทศ ที่จะชี้ชะตาว่าพรรคเล็กจะได้ไปต่อหรือสูญพันธุ์
เพราะหากใช้ 500 หาร ที่คะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หนึ่งเก้าอี้ยังแค่ราวๆ 1.2 แสนคะแนน ซึ่งพรรคเล็กยังพอสู้ได้ แต่หากใช้ 100 หาร ฐานคะแนนจะพุ่งไปที่ขั้นต่ำ 3 แสนกว่าคะแนนต่อ ส.ส. 1 คน
โดยมีตัวแปรคือ ยิ่งคนออกมาเลือกตั้งมาก ฐานคะแนนในการได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 เก้าอี้ ก็จะยิ่งขยับสูงขึ้นไปอีก ทำให้พรรคขนาดเล็กที่หวังจะได้เก้าอี้ ส.ส.จากระบบปาร์ตี้ลิสต์เป็นหลักก็เสี่ยงสูญพันธุ์ เพราะคะแนนเสียงที่พรรคได้รับไปไม่ถึงฐานคะแนนที่คำนวณออกมา
อย่างไรก็ตาม พบว่าวงหารือพรรคเล็กดังกล่าว แม้จะพยายามซักถามท่าทีจาก สุชาติ ชมกลิ่น ว่าพลังประชารัฐ จะเอายังไง จะเอาแบบสูตรเอา 100 หรือ 500 ไปหารคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ ก็ไม่ได้คำตอบใดๆ จากนายสุชาติ เพราะแกนนำพลังประชารัฐเองก็ยังไม่เคาะเรื่องนี้ออกมา เนื่องจากมองว่ายังมีเวลา และตอนนี้เป็นเรื่องของกรรมาธิการ พรรคจึงยังไม่ต้องแสดงท่าทีใดๆ ออกมา
ที่น่าสนใจก็คือ พิเชษฐ สถิรชวาล ระบุหลังหารือว่า เบื้องต้นมีแนวโน้มที่ 4 พรรคเล็กจะยุบรวมเป็นพรรคเดียว ได้แก่ พรรคเพื่อชาติไทย, พรรคไทรักธรรม, พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย และพรรคประชาธรรมไทย เพื่อทำงานร่วมกันในนามพรรคเพื่อชาติไทย ไม่ว่ากติกาคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะหารด้วย 100 หรือ 500 ส่วนพรรคอื่นๆ ยังไม่ตัดสินใจ ขอรอดูสถานการณ์ต่อไปอีกสักระยะ
ท่าทีดังกล่าว มันก็คือ อาการดิ้นหนีตายทางการเมืองของพรรคเล็ก ที่กำลังอยู่ในสภาพหลังผิงฝา เพราะรู้ดีว่ากติกาบัตรเลือกตั้งสองใบไม่เอื้อต่อพรรคเล็ก แม้ต่อให้ใช้สูตร 500 หาร เพราะตอนนี้มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นใหม่เพียบ การแข่งขันยิ่งสูงกว่าตอนเลือกตั้งปี 2562 หลายเท่า ทำให้หากพรรคเล็กไม่ปรับตัวดิ้นหาทางรอดก็มีสิทธิ์สูญพันธุ์ รอบหน้าหากยังทำพรรคเล็กต่อก็อย่าหวังได้เข้าสภาในฐานะ ส.ส.
โดยเรื่องสูตร 100 หรือ 500 หาร เพื่อคำนวณหา ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เบื้องต้นคาดว่ากรรมาธิการจะหาข้อสรุปภายในวันพุธที่ 10 พฤษภาคม ไม่ช้าไปกว่านี้แล้ว เพราะเส้นตายกรรมาธิการคือจะส่งร่างของกรรมาธิการให้ประธานรัฐสภาวันที่ 24 พ.ค.นี้
ขณะเดียวกัน พบความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการส่งข้อความทางไลน์แพร่กระจายในกลุ่ม ส.ส.พรรคเล็กและขนาดกลาง จากบุคคลในพรรคการเมืองขนาดเล็กที่กำลังขับเคลื่อนการใช้สูตร 500 หาร
โดยอ้างว่า พลเอกประยุทธ์มีท่าทีเอาด้วยแล้วกับสูตรนี้ และมีข่าวว่าทีมการเมืองสายนายกฯ จะเริ่มประสาน ส่งซิกไปยังสมาชิกวุฒิสภาให้เอาด้วยกับสูตรดังกล่าว แต่ที่ยังไม่ชัดคือท่าทีของพลังประชารัฐว่าจะเอายังไง หลังมีข่าวว่า ตอนนี้ในพรรคเองก็เสียงแตก โดยกลุ่มแกนนำพรรคบางคน ที่เข้าออกมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ ของพลเอกประวิตรทุกสัปดาห์ รวมถึงคนที่เข้าไปนั่งเป็นกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ที่มีความใกล้ชิดกับพลเอกประวิตร ไม่เห็นด้วยกับสูตร 500 โดยยังคงยืนยันและให้ข้อมูลกับบิ๊กป้อมว่า ให้พลังประชารัฐเอาสูตร 100 หาร โดยให้เหตุผลหลักๆ ว่า
1.สูตร 100 หาร คือสูตรซึ่งที่ประชุมร่วมรัฐสภา โหวตผ่านมาวาระแรก จึงควรยันสูตรนี้ไว้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา เพราะหากไปเอาสูตร 500 หาร อาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 และขัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา จนสุ่มเสี่ยงกฎหมายอาจโดนคว่่ำได้
2.เป็นสูตรที่จะทำให้พรรคการเมืองที่จะมี ส.ส.ในสภา ลดน้อยลง จะมีแค่พรรคขนาดใหญ่ ขนาดกลาง รวมกันแล้วไม่ถึงสิบพรรค ไม่ใช่ร่วมๆ 25-26 พรรคแบบตอนหลังเลือกตั้งปี 2562 ที่ทำให้การตั้งรัฐบาลมีปัญหาเรื่อง เสถียรภาพ เพราะสูตร 100 หารจะทำให้ไม่มีพรรคปัดเศษ แก้ปัญหาพรรคเล็กต่อรองรัฐบาลจนต้องแจกกล้วยเพื่อแลกกับเสียงโหวต
3.พยายามบอกบิ๊กป้อมไม่ต้องกังวล ว่าหากใช้สูตร 100 หารแล้วจะทำให้เพื่อไทยแลนด์สไลด์ชิงตั้งรัฐบาลก่อนพลังประชารัฐได้ เพราะสูตร 100 หารถึงเพื่อไทยจะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ประมาณ 30 ที่นั่ง แต่ก็ทำให้พรรคแนวร่วมฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล ที่เคยได้ปาร์ตี้ลิสต์สมัยอนาคตใหม่ถึง 50 ที่นั่ง รอบหน้าก้าวไกลจะได้ปาร์ตี้ลิสต์แบบลดฮวบฮาบ รวมถึงพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ เช่น เสรีรวมไทย, เพื่อชาติ จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์น้อยลงหรือบางพรรคไม่ได้เลยสักเก้าอี้ ทำให้เพื่อไทยก็ไม่สามารถรวมเสียงตั้งรัฐบาลได้เกินกึ่งหนึ่ง เพราะพลังประชารัฐเชื่อว่าเพื่อไทยให้เบ่งเต็มที่ยังไง ก็ไม่เกิน 200 เสียง
โดยมีข่าวว่า ตอนแรกแกนนำและ ส.ส.พลังประชารัฐ ต่างหนุนสูตร 100 หาร แต่ช่วงหลังคนในพรรคพลังประชารัฐบางส่วนเริ่มแบ่งใจมาให้สูตร 500 บ้างแล้ว แต่ข่าวว่า บางคนในพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่บิ๊กป้อมเชื่อมือในเรื่องการทำงานด้านกฎหมายในสภาฯ ยืนยันว่า พลังประชารัฐต้องหนุนสูตร 100 หารเท่านั้น จะไปเอา 500 หารไม่ได้ ไม่อย่างนั้นหากผ่านร่างกฎหมายก็จะเกิดปัญหาข้อกฎหมายตามมา สุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญได้
ความไม่ชัดเจนและยังหาบทสรุปในเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ดังกล่าวไม่ได้นี้ ทำให้พรรคเล็กร้อนใจไม่น้อย เพราะเรื่องนี้ต้องลุ้นทั้งในชั้นกรรมาธิการและในชั้นการโหวตของรัฐสภาวาระสองเรียงรายมาตรา ตอนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งหากมีสัญญาณที่ชัดเจนจากสองแกนนำรัฐบาล คือบิ๊กตู่-บิ๊กป้อม ก็จะทำให้พรรคขนาดเล็ก สามารถวางแพลนอนาคตการเมืองของพรรคตัวเองได้ว่า ควรเดินหน้าทำพรรคเล็กต่อไป ควรยุบรวม หรือแยกย้ายไปอยู่กับพรรคใหญ่
ซึ่งคาดว่าแกนนำรัฐบาลและแกนนำพลังประชารัฐ คงหาข้อได้สรุปภายในเร็ววันนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
2 สว. “ชาญวิศว์-พิสิษฐ์” ปักธงพิทักษ์รธน. ปกป้องสถาบันฯ พวกเราเป็นอิสระ ไม่มีรับใบสั่ง
กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติเพื่อนำไปสู่การให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูยเพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อไทย ที่ต้องการทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
ก้าวย่างออกจากปัญหา .. ของประเทศ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... คำกล่าวที่ว่า.. “เมื่อสังคมมนุษยชาติขาดศีลธรรม.. ย่อมพบภัยพิบัติ.. เสื่อมสูญสิ้นสลาย..” นับว่าเป็นสัจธรรมที่ควรน้อมนำมาพิจารณา.. เพื่อการตั้งอยู่ ดำรงอยู่ อย่างไม่ประมาท...
'รัฐบาลพ่อเลี้ยง' ฉายารัฐบาลปี67 นายกฯ'แพทองโพย' อนุทิน'ภูมิใจขวาง' วาทะแห่งปี'สามีเป็นคนใต้'
สื่อทำเนียบฯ ตั้งฉายาปี 67 'รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง' ส่วนฉายานายกฯ 'แพทองโพย' 7 รมต.ติดโผ 'บิ๊กอ้วน-อนุทิน-ทวี' พ่วง 3 รมต.โลกลืม
เหลียวหลังแลหน้า การเมืองไทย จาก 2567 สู่ 2568 ส่องจุดจบ ระบอบทักษิณภาค 2
รายการ"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด"สัมภาษณ์ นักวิชาการ-นักการเมือง สองคน เพื่อมา"เหลียวหลังการเมืองไทยปี 2567 และแลไปข้างหน้า
จี้รัฐบาลประท้วงกัมพูชา
"สนธิรัตน์" นำทีมพลังประชารัฐลงพื้นที่ตราด "ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์" ชี้อันตรายมาก แนวสันเขื่อนดินที่กัมพูชาสร้างต่อเติมออกไป หากไม่มีการประท้วงหรือไม่มีข้อคัดค้านใดๆ ก
พปชร. ลงตราด ชวนชาวบ้านในพื้นที่ร่วมคัดค้าน MOU 44
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานร่วมศูนย์นโยบาย และวิชาการ และ ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหาร พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางมาเยี่ยมพี่น้องประชาชนในจังหวัดตราด โดยได้รับการประสานงานจากประชาชนในพื้นที่