หัวใจมังกรทะเลใต้ .. สู่ มงคลธรรมสถานของเกาะภูเก็ต!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ระหว่างวันที่ ๑๒–๒๔ เมษายน ๒๕๖๕ นับเป็นห้วงเวลาที่ทรงคุณค่าต่อการเจริญภาวนา.. ปฏิบัติศาสนกิจ ขณะพักกายจิตอยู่บนภูเขาป่าต้นน้ำ ทิวเขานาคเกิด ในเขตอำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลใต้ (อันดามัน) ที่สวยงาม จนได้รับการขนานนามว่า ไข่มุกแห่งทะเลอันดามัน!!

ด้วยความเป็นเกาะกลางทะเลที่ทรงคุณค่าทางภูมิศาสตร์ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ จำพวกแร่ธาตุ ป่าไม้ พืชพรรณ และความสวยงามแห่งธรรมชาติ ที่สมบูรณ์ ทั้งน้ำ ทะเล ภูเขา และสัตว์ป่า จึงกลายเป็นทำเลทองให้ผู้คนเดินทางไปแสวงหาโชคลาภจากการขุดหาทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้น...

ดังตำนานที่มีชาวจีนโพ้นทะเล เดินทางมาด้วยเรือสำเภาขนาดใหญ่ เพื่อมาทำมาหากิน สร้างเนื้อสร้างตัวบนเกาะแก้วแห่งนี้ ที่มากันจำนวนไม่น้อย ที่ปรากฏเป็นหลักฐานต่อมาในกลุ่มสกุลต่างๆ.. ที่สืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน

สังคมท้องถิ่นบนเกาะภูเก็ตจึงมีความโน้มเอียงไปทางชาวจีน ที่นำคติ ความเชื่อ ศาสนา วิถีทางสังคมเข้ามาเผยแพร่ในท้องถิ่น จนผสมผสานกับคติ ความเชื่อ วัฒนธรรมประเพณีในท้องถิ่น.. ให้เกิดเป็นวิถีสังคมแบบชาวภูเก็ตที่น่าพิจารณาศึกษาอย่างยิ่ง.. ในวิถีสัตว์สังคม.. มนุษยชาติ...

จึงได้เห็นรูปแบบการสร้างบ้านแปงเมืองที่เป็นไปตามลัทธิทางวิถีสังคมแบบชาวไทยจีนภูเก็ต ที่มีความเชื่อในศาสตร์แห่งความเป็นมงคลโชคลาภจากอิทธิพลของฮวงจุ้ย.. เทพยดาฟ้าดิน.. ตลอดจนการดำเนินชีวิตที่เป็นไปตามพื้นฐานของชาวพุทธในเรื่องการทำบุญให้ทาน.. มีเมตตากรุณาต่อกัน.. ไม่เบียดเบียนใคร มีศีลธรรมขั้นพื้นฐานของการดำเนินชีวิต จึงเป็นเอกลักษณ์ของความเป็น ชาวภูเก็ตดั้งเดิม ที่น่าชื่นชมยิ่ง...

เมื่อพูดถึงเรื่องการสร้างบ้านแปงเมือง เพื่อยกระดับให้สมฐานะของความเป็น มณฑลภูเก็ต .. เกาะแก้วกลางทะเลอันดามัน แห่งนี้ ก็คงจะต้องนึกถึงบุคคลทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่งท่านหนึ่ง ได้แก่ คอซิมบี้ ณ ระนอง บุตรคนสุดท้ายของ พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง ณ ระนอง) ซึ่งเป็น ชาวจีนฮกเกี้ยน อพยพมาอยู่บนแผ่นดินไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งราชวงศ์จักรี (อ้างอิงจากประวัติที่เผยแพร่)

คอซิมบี้ ณ ระนอง ได้เข้าเฝ้าถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น หลวงบริรักษ์โลหวิสัย ตำแหน่งผู้ช่วยราชการเมืองระนอง ต่อมาได้เลื่อนขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้ว่าราชการเมืองกระบุรี เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๙ และได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น  พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เมื่อ ๒๑ กรกฎาคม ๒๔๓๓

พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้) ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตรังนานถึง ๑๑ ปี ในปี พ.ศ.๒๔๔๔ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปเป็น สมุหเทศาภิบาล มณฑลภูเก็ต รับผิดชอบดูแลหัวเมืองตะวันตก ตั้งแต่ ภูเก็ต ตรัง กระบี่ พังงา ตะกั่วป่า ระนอง และสตูล

จากการมารับหน้าที่เป็นสมุหเทศาภิบาล มณฑลภูเก็ตของพระยารัษฎานุประดิษฐ์ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งมีเกาะภูเก็ตเป็นศูนย์กลางปกครองของมณฑลภูเก็ต จึงได้มีเรื่องเล่ากันมาถึงการสร้างบ้านแปงเมืองให้เหมาะสม ถูกลักษณะมงคลเมือง ว่า.. พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ได้เชิญซินแสท่านหนึ่งมาดูฮวงจุ้ยของเกาะภูเก็ต กลางทะเลอันดามันแห่งนี้ ซึ่งซินแสได้กล่าวว่า.. “ภูมิศาสตร์ของทะเลภูเก็ต เมื่อบรรจบแผ่นดินแล้ว มีลักษณะเหมือนมังกร..” ที่เป็นลักษณะมังกรนอนขดตัวอยู่ในทะเลใต้ (จริงๆ แล้ว น่าจะเป็นมังกรจำศีลบำเพ็ญบารมี) .. ในทะเลใต้ หมายถึง ทะเลตอนใต้ของจีน จึงเรียกว่า ฮ่ายเหล็ง จึงไปตรงกับตำนานของ หลำฮ่ายเหล็งอ๋อง หนึ่งในเจ้าสมุทรทั้งสี่ที่ช่วยดูแลปกปักรักษามหาสมุทรตามเทพปกรณัมจีน โดยมีตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของเกาะภูเก็ตที่สอดคล้องกับส่วนต่างๆ ของมังกร เช่น แหลมพรหมเทพ คือ หัวมังกรบริเวณเขาแดง.. อ่าวในหาน คือ จมูกและดั้งจมูก.. บริเวณอ่าวกะรน คือ นัยน์ตา.. บริเวณอ่าวทุ่งคา คือ ปากที่อ้า.. และ ภูเขาใจกลางเมืองภูเก็ต คือ หัวใจมังกร เป็นต้น

จากการเปรียบเทียบสภาพทางภูมิศาสตร์ของเกาะภูเก็ต ว่ามีสภาพลักษณะเปรียบดุจ มังกร.. หรือกล่าวว่า เกาะแห่งนี้คือตัวแทนของมังกร ผู้เป็นเจ้าสมุทรแห่งทะเลใต้ อันเป็นไปตามศาสตร์ฮวงจุ้ยของซินแสจีน.. นำไปสู่ความพึงพอใจต่อพระยารัษฎานุประดิษฐ์และหมู่คณะอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะตำแหน่ง  หัวใจมังกร ที่ใช้กำหนดให้เป็นที่ตั้งของ ศูนย์กลางเมืองภูเก็ต.. ซึ่งซินแสได้มีข้อควรระวังไว้ว่า.. มังกรนั้นมีฤทธิ์มาก หากให้คุณ บ้านเมืองก็จะเจริญรุ่งเรือง หมู่ชนมีความสงบสุข แต่หากให้โทษ ก็จะนำมาซึ่งเภทภัยพิบัติ.. และสิ่งสำคัญในการชี้ดีชี้ร้ายก็คือ “หัวใจมังกร” (ตำแหน่งหัวใจมังกร)

สำหรับตำแหน่งหัวใจมังกรนั้น ได้มี การก่อสร้างเรือนจำกลางภูเก็ตตั้งไว้ดังที่สืบเนื่องมาถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ ๑๒๐ ปี ซินแสจึงได้แนะนำวิธีแก้เคล็ดด้วยการสะกดมังกร โดยการเอาหอกหรือลูกศรปักหัวใจไว้ โดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์ซึ่งมีความรู้เรื่องการตัดถนนหนทาง จึงได้ออกแบบลูกศร.. โดยการตัดถนนให้วิ่งตรงดิ่งไปสู่เรือนจำ ซึ่งก็คือ ถนนมนตรี ต่อเนื่องกับถนนสุทัศน์ ตัดเป็นแนวเส้นตรงมุ่งจากวงเวียนหอนาฬิกาไปยังด้านหน้าของเรือนจำโดยตรง... (คำบอกเล่าต่อกันมาเช่นนี้ ไม่มีหลักฐานอ้างอิง เรียกว่า ตำนาน จึงควรพิจารณาด้วยสติปัญญา)

สาเหตุที่นำเรื่องดังกล่าวมาเล่า เพราะจะมาสอดคล้องกับการเดินทางไปราชการของ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ (ดร.อายุตม์ สินธพพันธุ์) .. และรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ (ดร.ชาญ วชิรเดช) เมื่อ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๕ ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาพัฒนาพื้นที่เรือนจำกลางเก่าจังหวัดภูเก็ต ที่ตั้งอยู่บนภูมิศาสตร์หัวใจมังกรตามศาสตร์ฮวงจุ้ยของซินแสจีน.. ให้กลับมาเป็นมงคลสถานธรรมที่มีคุณค่ายิ่งทางจิตวิญญาณ

ทั้งนี้ เพราะกรมราชทัณฑ์ได้ย้ายเรือนจำกลางภูเก็ตไปสร้างใหม่ที่บ้านบางโจ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต บนเนื้อที่ที่กว้างกว่ามาก... เพื่อรองรับปริมาณนักโทษที่เพิ่มขึ้น...

จึงได้มีการกำหนดศาสนกิจ.. เพื่อประกอบความเป็นมงคลธรรมตามวิถีพุทธ ณ ใจกลางเรือนจำกลางดังกล่าว ในคืนวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๕ ถึงเช้า ๒๔ เมษายน ๒๕๖๕... โดยมีจุดประสงค์เพื่อการพลีบุญอุทิศกุศล แผ่เมตตาให้กับบรรดาอดีตผู้ต้องขังที่ได้ล้มหายตายจากไปในเรือนจำกลางดังกล่าว ที่รองรับซึมซับ รอยเลือด คราบน้ำตา และความทุกข์ทรมานใจ ความพยาบาท ความอาฆาตแค้น ความคับแค้นใจของผู้ต้องขังทั้งหลายที่ยาวนานมาร่วม ๑๒๐ ปี.. ดังรายละเอียดโดยสรุปพร้อมรูปภาพจากการจัดให้มีศาสนกิจบนพื้นที่ดังกล่าว ที่สามารถเขียนเล่าสรุปได้ดังนี้

 “.. - ในค่ำวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๙.๐๐ น... หลวงพ่อพระอาจารย์อารยวังโสได้นำประกอบศาสนกิจเป็นส่วนเฉพาะ ด้วยการสวดมนต์ เจริญภาวนา และกระทำการอธิษฐานบูชาพระเจดีย์ทรายสูงมากกว่า ๒ เมตร ที่สร้างขึ้นเสร็จทันใจภายในวันนั้น (๒๓ เมษายน ๒๕๖๕) เพื่อพลีบุญกุศลแด่สรรพสัตว์น้อยใหญ่ทุกภพภูมิ โดยเฉพาะผู้ต้องขังที่ล่วงลับ/ตายไปแล้วในเขตพื้นที่เรือนจำกลางภูเก็ตแห่งนี้

- ในเวลา ๒๐.๓๐ น. ของคืนดังกล่าว (๒๓ เมษายน ๒๕๖๕) พระสงฆ์ (ธรรมยุต) ๑๐ รูปจากวัดหลังศาลและสำนักสงฆ์พระธาตุภูหว้ารัตนคีรี ร่วมประกอบศาสนกิจรับการถวายพระเจดีย์ทราย (เข้าสู่วัดหลังศาลฯ) และรับถวายผ้าป่า/ผ้าบังสุกุล ณ ช่องประตู (ทวาร) ทางเข้า-ออกของเรือนจำกลางภูเก็ต (เก่า) โดยมีนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายกฤษณะ ทิพยจันทร์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดภูเก็ต น.ส.รจนา วานิช และคณะศรัทธาชาวภูเก็ต เข้าร่วมถวายพร้อมรับอนุโมทนา และร่วมพลีบุญอุทิศ แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายน้อยใหญ่ เทพยดาอารักษ์ทุกภพภูมิ.. อดีตผู้ต้องขังที่ตายในเรือนจำกลางแห่งนี้จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน.. จะได้พ้นจากความเร่าร้อนด้วยไฟกิเลสและกองทุกข์ ด้วยอำนาจแห่งธรรม.. จากการก่ออธิการกุศลในครั้งนี้เป็นครั้งแรก.. เป็นครั้งเดียวของการสร้างเจดีย์ทรายในใจกลางเรือนจำเก่ากลางภูเก็ตแห่งนั้น ที่จัดสร้างเสร็จสวยงาม ถูกต้องตามธรรมลักษณะทุกประการของเจติยะ อันควรแก่การอนุโมทนาสาธุการ.. ในพุทธรัตนคุณ ธัมมรัตนคุณ สังฆรัตนคุณ.. ซึ่งเทพยดามนุษย์ทั้งหลายสร้างถวายบูชาสักการะในทุกกาลสมัย

อีกทั้งยังมีการถวายผ้าป่าและผ้าบังสุกุลอย่างสมบูรณ์พร้อมไทยทาน...

เมื่อสิ้นสุดศาสนพิธี.. ภายหลังจากสรงน้ำพระเจดีย์ทรายเรียบร้อยทุกประการ ฝนได้ตกลงอย่างฉับพลันทันใด ชุ่มน้ำไปทั้งเกาะภูเก็ตในฤดูร้อนเดือนเมษายนอย่างที่ไม่เคยปรากฏ ความฉับพลันทันใด สอดรับกับการเสร็จสิ้นสุดการกล่าวสัมโมทนียกถาแด่อธิบดีกรมราชทัณฑ์และข้าราชการ ตลอดจนคณะศรัทธาญาติโยม โดยหลวงพ่อพระอาจารย์อารยวังโส เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย (ธ) ในพระราชูปถัมภ์ฯ จ.ลำพูน.. ในเช้าวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๕.. ซึ่งตรงกับวันพระ.. คณะศรัทธาประชาชนชาวภูเก็ตได้ร่วมกันถวายมตกภัต/สังฆทาน ณ วัดต่างๆ ตั้งแต่หัวเกาะภูเก็ต กลางเกาะภูเก็ต และท้ายเกาะภูเก็ต ได้แก่

วัดท่าฉัตรไชย (อำเภอถลาง).. วัดสะปำธรรมาราม (เกาะแก้ว/บ้านสะปำ.. อำเภอเมือง).. วัดบ้านเกาะสิเหร่ (รัษฎา) และวัดสว่างอารมณ์ (ราไวย)...

การร่วมกันประกอบมหาทานครั้งยิ่งใหญ่ภาคประชาชนในครั้งนี้ มาจากความเข้าใจในธรรมวิธีตามหลักพุทธศาสนาที่ควรกระทำ เพื่อให้เกิดความเป็นมงคล.. โดยเน้นมงคลธรรมที่เกิดจากความสุจริตทางกาย วาจา ใจ ของผู้ปฏิบัติ.. ของทุกคน.. และโดยรวมของความเป็นมหาชน ที่จะยกระดับเป็นพลังธรรม ก่ออธิการกุศลอันยิ่ง.. เป็นไปเพื่อความเป็นมงคลแห่งแผ่นดินบนเกาะภูเก็ตอย่างแท้จริง...

จึงควรอย่างยิ่งต่อการบันทึกเรื่องราวดังกล่าวไว้ เพื่อเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง ก่อนการได้รับพื้นที่เรือนจำเก่ากลางภูเก็ตมาพัฒนาเป็นภูมิสถานมงคลธรรม.. น้อมถวายเป็นพระราชกุศลต่อไปตามเจตนาของกรมราชทัณฑ์... ในสมัยที่มี ดร.อายุตม์ สินธพพันธุ์ เป็นอธิบดี....      

เจริญพร

[email protected]

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความเสื่อม.. ที่ควรเห็น.. ก่อนตาย!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. มีคำกล่าวเป็นสุภาษิต ว่า ความเสื่อมของมนุษย์ ล้วนมีสาเหตุมาจากมนุษย์.. ความเสื่อมของสิ่งใดๆ .. ก็มีสาเหตุมาจากสิ่งนั้นๆ..

รัฐบาลแพทองธาร อยู่ไม่ครบปี บิ๊กป้อม ยังสู้-พปชร.เดินหน้าต่อ

เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์เศษ ปี 2567 ก็จะผ่านพ้นไปแล้วเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ 2568 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 เป็นอย่างไร และปีหน้า 2568 จะมีทิศทางเช่นไร เรื่องนี้มีมุมมองแนววิเคราะห์จาก

คานถล่ม ผู้บริสุทธิ์จบชีวิต 6 ราย กับ สำนึกของนักการเมืองไทย!

เช้าตรู่วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เกิดโศกนาฏกรรมคานเหล็กยักษ์ที่ใช้สำหรับก่อสร้างทางยกระดับถนนพระราม 2 ถล่ม คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์จำนวน 6 ราย

ศึกเลือกตั้ง อบจ. 1 ก.พ. 68 Generation War พท.-ปชน. บารมีบ้านใหญ่ ขลังหรือเสื่อม?

การเมืองท้องถิ่นกับการเลือกตั้ง "นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด" (นายก อบจ.) ซึ่งที่ผ่านมามีการเลือกตั้งกันไปหลายจังหวัด ได้รับความสนใจจากแวดวงการเมืองอย่างมาก