คน : ปัจจัยที่สำคัญของการพัฒนา

บทความที่เผยแพร่ในสื่อส่วนใหญ่มักจะเสนอวิธีการที่จะทำให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบริหารประชาชน หรือการบริหารประเทศ บางบทความอาจจะตำหนิองค์กรหรือผู้รับผิดชอบว่าทำไม่ถูก บางทีตัวผู้เขียนก็จะระบุไปว่าที่ถูกควรเป็นอย่างไร

​แต่บทความนี้จะเป็นบทความที่ขอชมการทำงานที่ดีของผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาล ของสององค์กรที่ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในการตอบยุทธศาสตร์ชาติ ในการพัฒนาประเทศให้เจริญตามเป้าหมาย มั่นคง มั่นคั่งและยั่งยืน โดยการพัฒนาคนในภาครัฐให้มีความรู้ ความสามารถ และความมุ่งมั่นที่จะรับใช้ประชาชนให้ได้ประโยชน์สูงสุด

“คน” ในที่นี้คือ นักบริหารในภาครัฐที่เตรียมจะขึ้นไปเป็นผู้บริหารระดับรองอธิบดี หรือระดับเดียวกัน ให้มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะขึ้นไปรับผิดชอบในภารกิจของหน่วยงานของตน และองค์การที่รับผิดชอบในเรื่องนี้คือ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่งปัจจุบันได้ผู้บริหารคนหนุ่ม คนปัจจุบันไฟแรงชื่อ ดร.ปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพื่อการพัฒนามาสู่หน่วยงานแห่งนี้             

ส่วนในการพัฒนา “คน” หรือนักบริหารที่มาเข้าหลักสูตร นบส.1 (นักบริหารระดับสูง) เพื่อเตรียมความพร้อมขึ้นสู่ตำแหน่ง และความรับผิดชอบในระดับรองอธิบดี หรือตำแหน่งอื่นในระดับเดียวกันนั้นอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ ดร.ชุติมา หาญเจริญ รองเลขาธิการ ก.พ. ซึ่งกำหนดการฝึกอบรมนักบริหารเหล่านี้ให้มีความพร้อมที่จะพัฒนาหน่วยงานของตนเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถขับเคลื่อนโครงการ/แผนงานต่างๆ        

ที่หน่วยงานกำหนดขึ้นเพื่อให้ผลตามที่ยุทธศาสตร์ชาติต้องการ นอกจากนั้นยังเตรียมนักบริหารเหล่านี้ เมื่อจบหลักสูตร นบส.1 แล้วมีมุมมองที่ได้จากการวิเคราะห์องค์กรของตนว่าจะปรับปรุงอย่างไรจึงจะตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

​การที่สำนักงาน ก.พ.ได้จัดหลักสูตรนี้ขึ้นมาก็เพื่อเตรียม “คน” ในระดับสูงให้พร้อมที่จะนำองค์กรก้าวไปข้างหน้า และตอบโจทย์ที่ยุทธศาสตร์ชาติได้กำหนดไว้ จึงทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความมั่นใจว่า “คน” ในระดับสูงได้รับการพัฒนาเพื่อนำ “คน” ในระดับต้นและระดับกลางให้ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพตามความคาดหวังของประชาชน

แล้ว “คนในระดับต้นและระดับกลางล่ะ” จะได้รับการพัฒนาหรือไม่ และอย่างไร จึงจะได้องค์การที่มีประสิทธิภาพสูงของภาครัฐในการพัฒนา “คน” ในระดับต้นและระดับกลางนั้น หน่วยงานที่มีโครงการในการพัฒนา “คน” ให้มีความพร้อมที่จะเป็นผู้นำในอนาคตเพื่อรับทอดความรับผิดชอบจากนักบริหารระดับสูงที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

ดังนั้นโครงการนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ (นปร.) ได้ถูกตั้งขึ้นมาเมื่อ พ.ศ.2548 โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และได้รับการปรับปรุงเพื่อตอบสนองโจทย์ของยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาลใช้กำหนดไว้ โดยมีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของภาครัฐที่ต้องการข้าราชการที่มีความมุ่งมั่นและมีความรู้มาเป็นข้าราชการ และการปรับปรุงนี้ได้เริ่มต้นภายใต้ภาวะผู้นำของนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. ในตอนนั้น เมื่อ 3 ปีที่แล้ว

ทำให้โครงการนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ (นปร.) ได้มีการฝึกอบรมในเชิงรุก เพื่อให้รอบรู้ในปัญหาของประเทศและประชาชน ทั้งในภูมิภาคและส่วนกลาง หลักสูตรนี้ได้รับการปรับปรุงให้มีความเข้มที่จะเข้าใจโจทย์ของยุทธศาสตร์ชาติ และความต้องการของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งในปัจจุบันนางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการคนปัจจุบันของ ก.พ.ร. ก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงหลักสูตร และการปฏิบัติงานในภาครัฐของ นปร.ให้มีความพร้อมให้มากขึ้น

และในปัจจุบันได้ผลิตมาแล้ว 13 รุ่น และกำลังอยู่ในโครงการอีก 2 รุ่น คือ รุ่น 14 และรุ่น 15 ที่กำลังฝึกอบรมให้เป็นนักบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี

ส่วน นปร.ที่จบโครงการไปแล้ว ทาง ก.พ.ร.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกที่ส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทย ก.พ.ร.ได้กำหนดหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับ นปร.ที่จบโครงการไปแล้วและกำลังปฏิบัติราชการอยู่ในปัจจุบันให้มีความรู้และความสามารถเท่าทันกับความต้องการของประเทศชาติและประชาชน

หลักสูตรที่ว่านี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล โดยท่านประธานมูลนิธิ ดร.บัณฑิต นิจถาวร ได้ให้การสนับสนุนโดยการจัดหลักสูตรและวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงมาเป็นวิทยากรในหลักสูตร “การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล”

ซึ่งก็ได้จัดสำเร็จไปแล้วรุ่นแรกและกำลังจะเปิดอบรมรุ่นต่อๆ ไป เพื่อตอบสนองความต้องการในการพัฒนา “คน” ให้มีศักยภาพที่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกและความต้องการของประชาชน เพื่อให้ภาครัฐได้ทำหน้าที่ในการพัฒนาประเทศต่อไปด้วย

“คน” ของภาครัฐที่มีคุณภาพ มีความรู้มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยทำให้ประเทศชาติและสังคมของเราเจริญ เพื่อให้ลูกหลานของเรามีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี และเขาก็จะเป็น “คน” ที่มีคุณภาพของสังคมเราต่อไปด้วยความปรารถนาดีจากใจจริง.

 

“สุธรรม ส่งศิริ” กรรมการมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.วิรไท อดีตผู้ว่าฯ ธปท. ดิจิทัลวอลเล็ต กับค่าเสียโอกาส ทำนโยบายสาธารณะต้องรอบคอบ

รัฐบาลของ "แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี" อยู่ในช่วงกำลังจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเพื่อรอการเข้าบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ โดยหนึ่งในโจทย์ใหญ่ที่รอรัฐบาลอยู่ก็คือ

“ทศพิธราชธรรม”.. อำนาจธรรม... ต้องเคารพ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ระหว่าง วันที่ ๑๘-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๗ ได้รับนิมนต์จากวัดป่าญาณสัมปันโนอารยาราม (ธ) อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และจากฝ่ายปกครองอำเภอเชียงแสน .. แม่สาย .. แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ในโครงการร้อยใจธรรม ...

ณัฐพงษ์ หน.พรรคประชาชน ฝ่ายอนุรักษนิยม อย่าระแวงเรา กับจุดยืน 'สถาบันฯ-แก้ 112'

บทบาทของ "พรรคประชาชน" พรรคการเมืองที่ขึ้นมารับไม้ต่อจากพรรคก้าวไกล ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไป นับจากนี้ถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง

ความยุติธรรม .. สร้างได้ .. หากเข้าใจ (สาระธรรม)!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ฤดูกาลฝนแม้เพิ่งเริ่มต้น กาลจำพรรษาแม้เพิ่งเข้าสู่ช่วงแรกของไตรมาส แต่สภาวธรรมที่ปรากฏไม่ได้อ่อนด้อยจืดจางลงไปเลย มิหนำซ้ำกลับเข้มข้นในการแสดงออกถึงความเป็นธรรมชาติของดินฟ้าอากาศ ที่พร้อมใจกัน แสดงพลังสัจธรรมว่า.. “อำนาจแห่งความจริงเหนืออำนาจความนึกคิดปรุงแต่งเสมอ..”

ศาลรธน.กับคำตัดสินอันตราย ยุบ ”ก้าวไกล” สร้างดาบสองคม เอาผิดยาก 44 ส.ส.เสนอแก้ 112

แม้ตอนนี้ พรรคก้าวไกล ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิการลงสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลเป็นเวลาสิบปีไปเมื่อ 7 ส.ค.