18 ต.ค. 2564 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีการประกาศออกมาว่าวันที่ 1 พ.ย.นี้ มีความพร้อม 100%ประเทศไทยจะเปิดประเทศโดยไม่ต้องกักตัว โดยเงื่อนไขคือต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือครบโดส และต้องมีหลักฐานผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ที่รับรองผลด้วยประเทศต้นทางไม่เกิน 72 ชั่วโมง(ชม) และมีการตรวจหาเชื้ออีกครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อผลเป็นลบ (negative) จะสามารถเดินทางท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัว 14วัน หรือ 7 วัน เหมือนในอดีต
สำหรับการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยววันที่ 1 พ.ย.นั้น มี 15จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดระนอง(เกาะพยาม) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน) จังหวัดเพชรบุรี (อ.ชะอำ) และเข้ามาสู้กรุงเทพมหานคร ส่วนภาคตะวันออกจังหวัดชลบุรี (เมืองพัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ) ภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) ภาคอีสาน จังหวัดเลย(อ.เชียงคาน) ส่วนจะมีเพิ่มเติมจังหวัดไหนอีกนั้นต้องรอประเกาศเพิ่มเติมจาก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ศบค. เรื่องนี้ถือเป็นการตอบโจทย์นายกรัฐมนตรีที่จะเปิดประเทศภายใน 120 วัน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่จะเดินทางเข้ามานั้น ต้องเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงด้านโควิด-19 ตํ่าสุด ล่าสุด มีประมาณเกือบ 50 ประเทศ ซึ่งเร็วๆนี้ ศบค.จะประเทศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งชัดเจนว่าประเทศใหญ่ๆ เช่น สหรัฐอเมริการ สหราชอาณาจักร (UK) สวิตเซอร์แลนด์ สเปน เยอรมัน อิตาลี และรัชเซีย ส่วนทางเอเชีย ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอินเดีย ประเทศเหล่านี้อยู่ในจำนวนประเทศที่ ศบค.จะประกาศออกมาเพื่อรับนักท่องเที่ยว มองว่าเป็นมิติใหม่และเป็นการก้าวล้ำหน้าอีกหลายๆประเทศที่ได้มีการประกาศเปิดประเทศไปก่อนหน้านี้
“ส่วนการนำระะบบ Thailand Pass ซึ่งเป็นระบบ web-based ให้ผู้เดินทางทั้งคนไทยและต่างชาติเข้าไปลงทะเบียน กรอกข้อมูลและอัพโหลดเอกสารต่างๆ ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยแทนการลงทะเบียนเพื่อขอรับหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry : COE) เนื่องจากการข้อ COE ค่อนข้างยุ่งยาก เมื่อเราใช้ Thailand Pass ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงกรอกข้อมูลจะทำให้เร็วขึ้น ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พยายามจะลดขั้นตอนเพื่อให้กลับสู่สภาพเดิมให้ได้เร็วที่สุด ดังนั้นเมื่อเราลดขั้นตอนได้ การที่เราทำให้เกิดความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเข้ามา จะเป็นแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น”นายพิพัฒน์ กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวครั้งนี้ ตั้งเป้าว่าภายในเดือนพ.ย.และ ธ.ค.นี้ ใน15 จังหวัดทั้งหมด คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเดือนละ 5 แสนคน ภายใน 2 เดือนจะมีนักท่องเที่ยว 1 ล้านคน ส่วนในไตรมาส1/2565 คาดว่าจะเป็นความที่พีคสุดสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในไประเทศไทย โดยได้มีการพูดคุยกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ถึงแผนปี2565 หากสถานการณ์โควิดคลี่คลายเป็นไปตามที่วางไว้ โดยมีแผนพร้อมที่จะเปิดทั้งประเทศทุกจังหวัด คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา จำนวน 10-15 ล้านคน และจะมีรายได้จากการท่องเที่ยว1.1-1.5 ล้านล้านบาท ส่วนในปี 2564 ที่ได้มีการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ถือว่ารายได้ไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย คือ 1 แสนคนภายใน 3 เดือน ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 4 หมื่นคน เป้าตกไป 6 หมื่นคน แต่สิ่งที่ได้มาทดแทนคือการรายได้จากนักท่องเที่ยวใช้จ่าย 6 หมื่นบาทต่อคน จากเดิม4 หมื่นต่อคน ดังนั้นจะเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นผู้ที่มีรายจ่ายสูง แต่ที่เราได้กลับมาประเมินค่าไม่ได้คือการสร้างชื่อเสียงของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ที่ได้สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ในขณะที่เพื่อบ้านในเอเชียไม่มีใครกล้าเปิดรับนักท่องเที่ยวและเปิดประเทศ
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีความกล้าหาญ นายกรัฐมนตรีมีความกล้าหาญ ที่จะเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์และรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ต้องบอกว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ชาวต่างชาติไม่ได้เอาโควิดมาแพร่ระบาดให้คนไทยและคนไทยไม่ได้เอาโควิดไปติดนักท่งอเที่ยว และที่สำคัญเมื่อนักท่องเที่ยวกลับจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ หรือออกนอกประเทศไทยสู่ประเทศต้นทาง ไม่พบว่าเอาเชื้อโควิดไปจากประเทศไทย ดังนั้นแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีมาตรการคุมเข้มมาตรการ D – M – H – T ด้านสาธารณะสุขอย่างเคร่งครัด
“เรามีความพร้อมในการเปิดประเทศ ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ แต่ขณะเดียวกันต้องติดตามสถานการณ์ภายใน 2 สัปดาห์ หากไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรง สามารถเปิดแน่นอน แต่หากเกิดคลัสเตอร์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19กันทุกจังหวัด หรือเกิดการติดเชื้อวันละ 3-4 หมื่นคน กรณีนี้เราต้องหยุด แต่ในลักษณะการเสียชีวิตลดลงเรื่อยๆไม่ถึงหลักร้อย เราเดินหน้าได้อย่างแน่นอน”นายพิพัฒน์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘พิพัฒน์’ ตั้งโรงครัวกระทรวงแรงงาน ส่งเลขาอารี ทำข้าวกล่อง 5,000 ชุด แจกผู้ประสบภัยน้ำท่วมใต้
วันที่ 18 ธันวาม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
“พิพัฒน์” ลุยช่วยพี่น้องสตูล ฟื้นฟูหลังน้ำลด ระดมทีมช่างภาคใต้ช่วยเหลือ เปิดศูนย์ซ่อม สร้าง สุข บริการฟรี สอนอาชีพเสริม ปักหลักมอบถุงยังชีพ 5 อำเภอสตูล
วันที่ 6 ธันวาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน โดยมี นายศักระ กปิลกาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวต้อนรับ
ช่วยใต้ต่อเนื่อง "พิพัฒน์-สิรภพ-อารี"เยียวยาช่วยน้ำท่วม มอบหลังละ 9,000 บาท เร่งงบฉุกเฉิน 50 ล้านระดมช่าง 300 คน ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าฟรี!! ผนึกเครือข่ายช่วยชาวใต้
วันที่ 5 ธันวาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ปูพรม !!! "พิพัฒน์-สิรภพ-อารี" นำกระทรวงแรงงาน ช่วยเหลือน้ำท่วมใต้ บรรทุกถุงยังชีพ น้ำดื่ม 7 คันรถ ส่งถึงมือผู้ประสบภัย
วันที่ 4 ธันวาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
'พิพัฒน์' ปัด ภท.-รทสช. ฮั้วกันหนุน 'ถาวร' ชิงนายก อบจ.สงขลา
'พิพัฒน์' ปัดข่าว ภท.-รทสช. จับมือส่ง 'ถาวร' ชิง นายก อบจ.สงขลา ยันไม่เคยคุย 'พิมพ์ภัทรา' หลังลือจ่อย้ายซบพรรคนํ้าเงิน รับภูมิใจไทยอยากครองภาคใต้เพิ่ม แต่ไม่ใช้วิธีฮั้วรวมกันตี
เคาะ 'รองปลัดคลัง-อธิบดี กสร.' นั่งบอร์ดไตรภาคี ลุยขึ้นค่าแรง 400 ของขวัญปีใหม่
'กระทรวงแรงงาน' เตรียมเสนอชื่อ 'ตัวแทน กสร.-รองปลัดคลัง' นั่งบอร์ดไตรภาคี ขง ครม. 19 พ.ย. เดินหน้าขึ้นค่าแรง 400 บาท เป็นของขวัญปีใหม่