กกพ.เล็งเคาะอัตราราคาค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ติดตั้งและผู้ใช้รถอีวี

กกพ.เล็งเคาะอัตราราคาค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ติดตั้งและผู้ใช้รถอีวีที่ปัจจุบัน รับอยู่ในขั้นตอนศึกษา ระบุผู้ใช้รถอีวีส่วนใหญ่กลับไปชาร์จที่บ้านเหตุราคาค่าไฟถูกกว่า แนะรัฐบาลให้ความสำคัญเส้นทางต่างจังหวัดเพิ่ม

27 ธ.ค. 2564 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงพลังงานได้ประกาศทิศทางขับเคลื่อนแผนด้านพลังงานภายใต้มิติ “Collaboration for Change: C4C ก้าวสู่ยุคพลังงานสะอาด จับมือพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” เน้นการพัฒนาด้านพลังงานใน 3 ด้าน มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เสริมสร้างเศรษฐกิจ และลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งสิ่งที่ทั่วโลกให้ความสำคัญและมุ่งเป้าไปที่การแก้ปัญหาโลกร้อน ส่งผลให้กลุ่มอุตสาหกรรมและภาคขนส่งเป็นกลุ่มที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนสูงสุดกว่า 70% ซึ่งนโยบายผลักดันและสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จึงเป็นอีกตัวที่จะขับเคลื่อนการในการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ดี

ทั้งนี้ หากเมื่อประเทศไทยมีการใช้งานรถอีวีเพิ่มมากขึ้น อัตราการใช้ไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นมาด้วย อย่างไรก็ตาม กกพ. จึงมองไปถึงการกำหนดราคาค่าไฟฟ้าของสถานีชาร์จอีวี ที่จะเป็นตัวสนับสนุนให้อุตสาหกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นได้จริง โดยหากเป็นการชาร์จไฟฟ้าที่บ้านจะมีราคาค่าไฟที่กกพ.กำหนดอยู่แล้ว ในขณะที่ผู้ติดตั้งสถานีชาร์จอีวี ก็จะมีราคาขายส่งที่เท่าเทียมกัน อยู่ที่ว่าเอกชนที่ติดตั้งจะไปบวกราคาค่าบริการอีกเท่าไหร่ ซึ่งส่วนมากจะคิดค่าบริการเพิ่มเติมตามโลเคชั่นหรือย่านเศรษฐกิจ ก็อาจจะมีราคาค่าบริการที่สูงกว่าโลเคชั่นอื่นๆ เป็นต้น

นายคมกฤช กล่าวว่า กกพ.จึงอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลไว้ทั้งหมดว่าจะต้องมีการกำกับราคาค่าบริการของสถานีหรือไม่ และควรเก็บอย่างไรเพื่อให้เหมาะสมและสมเหตุสมผลที่สุด เพราะบางอย่างไม่จำเป็นต้องกำกับ เนื่องจากเวลาผู้ซื้อตัดสินใจซื้อรถอีวี จะเป็นจะเลือกใช้เองว่าอันไหนราคาเหมาะสมหรือสะดวกในเวลานั้น ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนว่า เมื่อผู้ลงทุนไปติดตั้งสถานีชาร์จในทำเลดี ในย่านเศรษฐกิจ ราคาค่าบริการก็จะสูงตามไปด้วย เหมือนกับการเช่าสถานที่ขายสินค้า เพราะทุกอย่างมีต้นทุน

แต่ที่เห็นคือการติดตั้งสถานีชาร์จในกรุงเทพฯ จะไม่ค่อยมีคนเข้ามาใช้บริการซักเท่าไหร่ ซึ่งคนที่ต้องการใช้สถานีชาร์จอีวีในกรุงเทพฯ ส่วนมากจะใช้บริการเพื่อการจอดรถมากกว่า และกลับไปชาร์จไฟที่บ้าน เพราะมีราคาที่ถูกกว่า ดังนั้น ควรมุ่งให้ความสำคัญไปที่เส้นทางการเดินทางไปตามพื้นที่ต่างจังหวัดมากกว่า เพราะเมื่อพลังงานจากไฟฟ้าหมดกลางทางจะทำอย่างไร ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องมาคิด

นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญคือ หากมีปริมาณรถอีวีเพิ่มขึ้น แล้วเกิดการแย่งการใช้ไฟฟ้าในระบบช่วงเวลาเดียวกันและเป็นจำนวนมากเกินไป อาจจะต้องมาคำนวณอีกครั้งว่าอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับอีวีควรจะเป็นเรทที่เท่าไหร่ ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีปริมาณไม่เยอะและหากจะมองถึงปัญหาในช่วงการใช้ไฟพร้อมกันจำนวนที่พีคก็คงต้องใช้เวลา ซึ่งถ้าเรทราคาค่าไฟเพื่อชาร์จรถอีวีถึงจะให้ราคาสิทธิพิเศษ แต่ปัญหาที่ผู้ติดตั้งต้องเจอ คือปริมาณควิกชาร์จมีปริมาณสมดุลกับการใช้งานหรือไม่ เพราะบางสถานีหากมีจำนวนคนใช้น้อย ผู้ติดตั้งก็จะเสียเงินในการลงทุนติดตั้งซึ่งต้องใช้เวลาในการคืนทุน

นายคมกฤช กล่าวว่า จากการศึกษาในหลายๆ ประเทศ ปัจจัยที่จะสนับสนุนการใช้รถอีวีคือราคา ส่วนประเด็นที่ว่าไม่มีที่ชาร์จคิดว่าไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ เพราะผู้ผลิตรถอีวีปัจจุบันจะออกแพ็คเกจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมการติดตั้งเครื่องชาร์จอีวีที่บ้านด้วย สิ่งที่ห่วงคือสถานีชาร์จต่างจังหวัดมากกว่า ดังนั้น รัฐบาลจะต้องโปรโมทในเรื่องของสถานีชาร์จระหว่างเดินทางไปต่างจังหวัด เพราะยิ่งหากเป็นช่วงเทศกาลเมื่อต้องใช้รถอีวีจริงๆ พอแวะปั๊มเพื่อหาสถานีชาร์จก็อาจจะต้องแย่งกันชาร์จได้

อย่างไรก็ตาม กกพ.ได้เคยออกประกาศกำกับอัตราค่าไฟฟ้าและการจัดการระบบจำหน่ายไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า เมื่อช่วงเดือนธ.ค. 2563 โดยการกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าที่จำหน่ายให้กับปั๊มชาร์จ (ขายส่ง) อยู่ที่ 2.63 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นอัตราที่หักค่าพลังงานไฟฟ้า (Demand Charge) หรือ ค่าลงทุนโรงไฟฟ้า ระบบส่ง ออกจากสูตรค่าไฟฟ้าฐานที่คิดสำหรับอีวี เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนสถานีอัดประจุไฟฟ้า ประเภทหัวจ่ายเร่งด่วน กระจายในต่างจังหวัดมากขึ้น และมีความต้องการพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งจะเป็นอัตราชั่วคราว ที่ทดลองใช้ 2 ปี (2563-2564)