![](https://storage-wp.thaipost.net/2023/11/บ้านต้นแบบหน้าคณะสถาปัตย์จุฬาฯ.jpg)
การเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส อาจไม่ใช่วิธีการประหยัดพลังงานที่ดีที่สุด และไม่ใช่อุณภูมิที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไทย! ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยข้อมูลจากโครงการวิจัย “บ้านประหยัดพลังงานต้นแบบ Smart Living Unit “ZEN model” ที่ท้าทายแนวปฏิบัติที่หลายคนเชื่อและทำอยู่เพื่อร่วมประหยัดพลังงานไฟฟ้าและค่าใช้จ่าย โดยบอกว่า การเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 26 องศาเซลเซียสขึ้นไป และเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศภายในห้อง เช่น เปิดพัดลม จะช่วยให้ร่างกายสบายขึ้นและประหยัดค่าไฟได้มากกว่า จากการวิจัย พบว่าการปรับอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส จะช่วยประหยัดพลังงานแอร์ได้ถึง 10% หรือแม้แต่การเปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 29 องศาเซลเซียส เมื่อไม่มีคนอยู่ภายในห้อง จะประหยัดมากกว่าการเปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ เสียอีก
ตั้งแต่ปี 2565 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ จุฬาฯ และ Panasonic Solutions (Thailand) Co., Ltd. ดำเนินโครงการวิจัย “บ้านประหยัดพลังงานต้นแบบ Smart Living Unit “ZEN model” เพื่อวิจัยหาและสร้างบ้านต้นแบบที่ประหยัดพลังงานและอยู่สบายสำหรับผู้อยู่อาศัยในประเทศไทย โดยปัจจุบัน บ้านต้นแบบ (Prototype) สร้างเสร็จแล้ว ตั้งอยู่บริเวณหน้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และมีผู้สนใจเข้ามาเยี่ยมชมเป็นระยะๆ
![](https://storage-wp.thaipost.net/2023/11/ผศ.ดร.เทิดศักดิ์-เตชะกิจขจร.jpg)
“คณะสถาปัตย์ฯ และวิศวฯ จุฬาฯ มีความเชี่ยวชาญเรื่องอุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมในอนาคต ส่วนทาง Panasonic จะดูแลเรื่องการอยู่อาศัย คุณภาพอากาศภายในที่อยู่อาศัยและระบบประหยัดพลังงาน (Energy Saving)” ผศ.ดร.เทิดศักดิ์ กล่าว
จุดเริ่มต้นบ้านต้นแบบประหยัดพลังงานและอยู่สบาย สร้างขึ้นครั้งแรกที่โรงงานของ Panasonic เป็นบ้านขนาดประมาณ 10 ตารางเมตร เพื่อทดลองการควบคุมสภาพภูมิอากาศและการแปลงอุปกรณ์ในบ้านให้เป็นระบบดิจิทัล โดยการเขียนแบบบ้านใช้ระบบ BIM (Building Information Modeling) ที่เป็นการเขียนแบบสมัยใหม่ที่ทุกเส้นและทุกองค์ประกอบสามารถใส่ข้อมูลดิจิทัล (Digital data) เข้าไปได้
“ผลการวิจัยและทดลองเป็นที่น่าพอใจ เราจึงได้ขยายเป็นบ้านประหยัดพลังงานต้นแบบ Smart Living Unit “ZEN model” ขนาด 36 ตารางเมตร ที่ปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณหน้าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เป็นต้นแบบบ้านประหยัดพลังงานจำลองให้สมจริงยิ่งขึ้น” ผศ.ดร.เทิดศักดิ์ กล่าว
บ้านต้นแบบ Smart Living Unit ประกอบด้วย 1 ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ และระบบต่างๆ ภายในบ้านถูกควบคุมด้วยระบบดิจิทัล Home IoT (the Internet of Things) ทั้งหมด ปัจจุบันยูนิตนี้ใช้สำหรับทดสอบการใช้พลังงานและการสั่งการระบบต่างๆ ภายในบ้าน แต่ในอนาคต จะเปิดให้คนเข้ามาทดลองอยู่เพื่อเก็บข้อมูลที่เสมือนจริงขึ้น
บ้านสบายเพื่อคนทุกวัย ควบคุมด้วยระบบดิจิทัล Home IoT สิรินดา มธุรสสุคนธ์ ผู้ประสานงานโครงการ บริษัทพานาโซนิค โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) กล่าวถึงคอนเซ็ปต์ของบ้านต้นแบบ Zen Model ว่าเป็นที่อยู่อาศัยที่ออกแบบสำหรับพฤตพลัง (ผู้สูงอายุที่ยังมีสุขภาพแข็งแรงอยู่) นอกจากนี้ยังใช้โครงสร้างโมดูลาร์เพื่อความยั่งยืนในการใช้อาคาร ทั้งในด้านความรวดเร็วในการก่อสร้าง รวมไปถึงความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงการใช้งาน และสถานที่ในอนาคต
![](https://storage-wp.thaipost.net/2023/11/ห้องนอน.jpg)
“บ้านต้นแบบเป็นบ้านกึ่งสำเร็จรูป และที่พิเศษคือมีการออกแบบให้ผนังภายนอกบ้านสามารถเปิดออกได้ เพื่อเปลี่ยนฉนวนกันความร้อน (Insulation) เป็นแบบต่างๆ ทดสอบดูว่าวัสดุกันความร้อนแบบไหนสามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่ากัน”
ที่สำคัญ อุปกรณ์ในบ้านมีทดลองการสั่งการและเชื่อมโยงถึงกันทั้งหมดผ่านระบบ Home IoT (Internet of Things) ได้แก่ ระบบแอร์ ไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ ระบบเสริมอื่นๆ เช่น ม่าน ฯลฯโดย ผศ.ดร.เทิดศักดิ์ อธิบายว่าการสั่งงานผ่านระบบ Digital ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ยังไม่เคยมีใครนำระบบเหล่านี้มา Integrated เข้ากับพื้นที่ใช้งานจริงเท่านั้น
บ้านประหยัดพลังงานต้นแบบนี้เป็น Prototype เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ว่าสามารถใช้งานและอยู่อาศัยได้จริง หลังจากนั้นจึงจะคำนวณค่าบริการและค่ากระบวนการในการสร้างบ้านต่อไป
“บ้านไม่ควรรองรับเฉพาะคนที่มีเงินเท่านั้น แต่ควรจะตอบโจทย์ผู้คนในระดับกลางด้วยเช่นเดียวกัน เราต้องการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบ้านประหยัดพลังงานและอยู่สบายได้จริงในอนาคต” ผศ.ดร.เทิดศักดิ์ กล่าว
บ้านต้นแบบประหยัดพลังงาน Smart Living Unit แบบ Zen model นอกจากจะมีการทดสอบเรื่องการประหยัดพลังงานแล้ว ยังมีการทดลองเกี่ยวกับ PMV (Predicted Mean Vote) หรือ “ค่าสภาวะความสบายของคน” ด้วย โดยจะวัดค่าอุณหภูมิ ความเร็วลมของที่อยู่อาศัย และปัจจัยอื่นๆ เช่น ความชื้น การเผาผลาญ (เมทาบอลิซึม) ในร่างกายของผู้อยู่อาศัย กิจกรรมที่ทำ รวมไปถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่
![](https://storage-wp.thaipost.net/2023/11/ห้องครัว.jpg)
ในแง่มุมนี้ สิรินดา บอกว่า จากที่ Panasonic บริษัทที่รับผิดชอบและดูแลเรื่องระบบต่างๆ ภายในบ้านต้นแบบ เผยผลการวิจัยค่า PMV ว่า “ค่าสภาวะสบายของคนไทยแตกต่างจากค่าของสากล คนไทยไม่ได้มีภาวะน่าสบายเหมือนคนในประเทศอื่นๆ”ซึ่งผศ.ดร.เทิดศักดิ์ กล่าวเสริมในประเด็นนี้ ว่าสิ่งที่ท้าทายคือการทำให้ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ (Indoor Air Quality) ภายในห้องมีความเสถียร ซึ่งทีมวิจัยต้องจัดเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ค้นหาอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมและสบายที่สุดสำหรับผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าภายในบ้านจะมีคนอยู่หนึ่งคน สองคน สามคน อยู่ตอนเที่ยง ตอนเย็น หรือตอนนอน และยังต้องสะท้อนไปที่ค่าไฟว่าจะต้องประหยัดด้วย
ในโครงการวิจัยนี้ ยังมีการเก็บและทำฐานข้อมูล (Data) ที่เกี่ยวกับการอยู่อาศัย ซึ่งการได้ทำงานกับหน่วยงานที่มีศักยภาพและเปิดให้โครงการวิจัย มีส่วนร่วมในการรับรู้การใช้งานระบบและเข้าไปจัดการกับข้อมูลดิจิทัล ทำให้สามารถลดต้นทุนในการซื้อข้อมูลจากต่างชาติได้
ส่วนคำถามว่า เปิดแอร์อย่างไร รู้สึกสบายและประหยัดไฟ เนื่องจาก สภาพภูมิอากาศในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและคาดเดายาก เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งผศ.ดร.เทิดศักดิ์ บอกว่า การออกแบบบ้านอิงตามฤดูกาลตามธรรมชาติแบบในอดีตไม่ได้แล้ว แต่ต้องเป็นการปรับตัวและคุมสภาพ ให้เราอยู่ภายใต้พื้นฐานใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด เช่น กรณี สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 จากเดิม เราสามารถเปิด-ปิดหน้าต่างบ้านได้ตลอดเวลาตามที่ต้องการ แต่กลายเป็นว่าช่วงเดือนมกราคม – เมษายน ค่าฝุ่น PM2.5 สูงมาก เราเปิดหน้าต่างไม่ได้เพราะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพ
“จริงๆ แล้วอุณหภูมิ 25 องศาไม่ใช่อุณภูมิที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย เราอาจเปิดแอร์ที่อุณหภูมิสูงกว่า 25 องศา แล้วใช้พัดลมช่วย จะดีกว่าและประหยัดไฟได้มากขึ้น ถ้าภายในบ้านมีการหมุนเวียนของอากาศดี เราสามารถเปิดแอร์ที่ 26 องศาเซลเซียสได้ การเพิ่มอุณหภูมิแอร์ทุกๆ 1 องศา จะช่วยประหยัดไฟได้ 10% หรือ เวลาที่ไม่มีคนอยู่ในห้อง ก็ไม่จำเป็นต้องปิดแอร์ทุกครั้ง เราแค่ปรับอุณหภูมิแอร์ขึ้นมาที่ 29 องศาเซลเซียส ไม่ต้องปิดแอร์ เมื่อไรที่มีคนกลับเข้ามาในห้อง ค่อยปรับเป็นอุณหภูมิปกติ ทำแบบนี้จะสามารถประหยัดไฟได้เกือบ 30% และต้องมีพัดลมดูดอากาศช่วยด้วย เพราะยังมีเรื่องคาร์บอนไดออไซด์กับออกซิเจนที่เป็นตัวแปรที่เรากำลังศึกษาอยู่”
![](https://storage-wp.thaipost.net/2023/11/ห้องนั่งเล่น.jpg)
การสร้างบ้านที่ประหยัดพลังงานไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังมีส่วนสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ตามโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Bio-Circular-Green Economy Model (BCG) ซึ่งเป็นเรื่องที่จุฬาฯ ให้ความสำคัญและดำเนินการมาตั้งแต่ต้น
“ผมว่าตั้งแต่ช่วงหลังการระบาดของโรคโควิด-19 (Post Covid-19) คนมีความตระหนักมากขึ้นในเรื่องพลังงาน คุณภาพชีวิต และสุขภาพ แทนที่เราจะลงทุนเพียงเฉพาะด้านเทคโนโลยีที่ไกลเกินตัว เราสามารถผนวกความรู้ที่ประยุกต์ได้เลย นำมาจัดการข้อมูลผ่านเทคโนโลยีหรือระบบดิจิทัล เพื่อช่วยให้เราใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย และทำให้การอยู่อาศัยภายในบ้านมีความสบายและมีความสุขยิ่งขึ้น ส่งผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยในอนาคต” ผศ.ดร.เทิดศักดิ์ กล่าว
ผู้สนใจ ต้องการติดต่อสอบถามเพิ่มเติมหรือเยี่ยมชมบ้านต้นแบบ สามารถติดต่อได้ที่ ผช.ดร.เทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร E-mail: [email protected] หรือคุณสิรินดา มธุรสสุคนธ์ E-mail: [email protected]
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
IRPC - คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมวิจัยและพัฒนา สร้างวัสดุการพิมพ์ 3 มิติ จากพลาสติกรีไซเคิล
บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC โดย คุณพยม บุญยัง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ศูนย์นวัตกรรม IRPC และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สรายุทธ ทรัพย์สุข
AI วาดรูปเทรนด์สร้างศิลปะ ต่อเติมจินตนาการ
ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ช่วยให้มนุษย์มีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้นและปลดล็อกศักยภาพที่เป็นข้อจำกัดสำหรับหลายคน เช่นการวาดภาพและสร้างสรรค์งานศิลปะ ที่หลายคนมองว่าตัวเองไม่มีทักษะและพรสวรรค์ด้านนี้เอาเสียเล
วาดอนาคต’ถนนสายไม้บางโพ’ ช่วยชุมชนอยู่รอด
ถนนสายไม้บางโพ เป็นถนนสายเดียวในกรุงเทพฯ ที่ตลอดระยะทาง 1 กิโลเมตรในซอยประชานฤมิตรมีชุมชนประกอบอาชีพเกี่ยวกับงานไม้ครบวงจร ทั้งไม้แปรรูปสำหรับก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ไม้ตกแต่งบ้าน และบรรดาช่างแกะสลักไม้มากฝีมือ ร้านรวงสองข้างทางเกือบ 150 ร้าน