สิ้นโลมาอิรวดีแดนกัมพูชา เหตุสร้างเขื่อนกั้นโขง เปิดงานวิจัย 3 ชุมชนชี้ระบบนิเวศได้รับผลกระทบรุนแรง ปริมาณปลาลด 80% พื้นที่ชุ่มน้ำหายไปกว่า 50% ชาวบ้านเผชิญความลำบากเสนอรัฐบาล 5 ประเทศลุ่มน้ำโขงเร่งฟื้นฟู
30 ต.ค.2566 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักอนุรักษ์และสื่อมวลชนไทยจำนวนหนึ่งได้ลงพื้นในจังหวัดสตรึงเตร็ง ประเทศกัมพูชา เพื่อติดตามการทำงานขององค์กร My Village Organization ที่ทำงานด้านการพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมของกัมพูชาร่วมกับชุมชนชายแดนกัมพูชาและลาวซึ่งทำงานวิจัยชุมชนร่วมกับนักวิจัยชุมชนใน 3 หมู่บ้าน คือ บ้านกรอม บ้านเกาะเสนงและบ้านตวนซอง โดยศึกษาสาเหตุและผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อระบบนิเวศที่อยู่อาศัยของปลาและวิถีชีวิตของชาวบ้านทั้ง 3 หมู่บ้านในลุ่มน้ำโขง ซึ่งตั้งอยู่ท้ายน้ำของเขื่อนดอนสะโฮง ประเทศลาวเพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของชุมชนโดยการบันทึกภาพและการสรุปข้อมูลระหว่างปี 2019 และปี 2022
พร จันชิดา นักวิจัยชุมชนบ้านกรอม กล่าวถึงผลการศึกษาพบว่า ทรัพยากรแม่น้ำเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะปริมาณปลาที่ลดลง พื้นที่ป่าชุ่มน้ำลดลงมาก การขึ้นลงของแม่น้ำโขงที่ไม่เป็นปกติ โดยปริมาณการจับปลาบ้านกรอม ลดลงมากถึง 80 % บ้านตวนซอง ลดลง 50 % และ เกาะเสนง 30 % สาเหตุของการปริมาณปลาลดลงเป็นเพราะว่า ประชากรที่เพิ่มมากขึ้นทำให้มีการจับปลาที่ผิดกฎหมาย พื้นที่ป่าชุ่มน้ำลดลง และการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขง
ผลการศึกษาของพื้นที่ป่าชุ่มน้ำหรือพื้นที่ Ramsar Site ทั้ง 3 หมู่บ้านซึ่งมีพื้นที่ป่าชุ่มน้ำรวมกันประมาณ 109 เฮกตาร์ หรือประมาณ 661 ไร่ พบว่าพื้นที่ป่าชุ่มน้ำลดลงมากว่า 50 % โดยเฉพาะบ้านกรอมมีพื้นที่ป่าลดลง 50 % เกาะเสนง เกาะสเนง ลดลง 30 % และบ้านตวนซองลดลง 20 % สาเหตุหลักคือ ระดับน้ำขึ้นลงของแม่น้ำโขงไม่เป็นปกติต่อเนื่องหลายปี การไหลหลากของน้ำที่แรงมากกว่าปกติ ทั้งนี้โดยธรรมชาติแล้ว ในช่วงฤดูแล้งระดับน้ำโขงจะต้องมีน้ำลดลงมาก ทำให้ต้นไม้ในพื้นที่ป่าชุมชนแตกยอดและแตกใบออกมามาก แต่หลายปีที่ผ่านมาปริมาณน้ำในฤดูแล้งไม่ลดลงและเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นไม้ในพื้นที่ป่าชุ่มน้ำไม่สามารถที่จะขยายพันธุ์และต้องแช่น้ำทำให้ตายไปเป็นจำนวนมาก พื้นที่ป่าชุ่มน้ำมีสำคัญมากต่อชุมชนเพราะเป็นพื้นที่เพาะพันธุ์วางไข่ และหลบซ่อนของปลาชนิดต่างๆ ทุกฤดูกาล
ผลการวิจัยพบว่า คุณภาพน้ำของแม่น้ำโขงไม่สะอาดเหมือนเดิม เพราะมีคราบปูนซีเมนต์ไหลตามน้ำระหว่างการก่อสร้างก่อสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงและแม่น้ำเซซาน ชาวบ้านเคยหาปูปลา เคยตักน้ำมาเพื่ออาบและต้มดื่ม พบว่าน้ำมีปูนตกตะกอนอยู่ในหม้อ น้ำอาบก็คัน มีสาหร่ายหรือเทาเน่าจำนวนมาก หากมันเกิดอยู่ตามบุ่งขนาดเล็กก็ทำให้หอยและปลาขนาดเล็กตาย ปัจจุบันชาวบ้านยังไม่รู้สาเหตุว่าทำไมจึงเกิดสาหร่ายหรือเทาในแม่น้ำโขงมากกว่าปกติ จึงเป็นข้อเสนอที่อยากให้มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติมให้กับชุมชน
ขณะที่พร จันทา นักวิจัยชุมชนบ้านเกาะเสนง กล่าวว่า ระดับน้ำแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงมาก ผลการศึกษาของชาวบ้านพบว่า ระดับน้ำในหน้าฝนช่วงน้ำหลาก มีระดับน้ำที่ลดลงเฉลี่ยนประมาณ 1.7 เมตร ส่วนฤดูแล้ง ระดับแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นประมาณ 1.10 เมตร การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำโขงได้ส่งผลกระทบทางลบต่อระบบนิเวศแม่น้ำโขงได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านทั้ง 3 หมู่บ้าน เพราะพวกเขาเป็นชาวประมง หาปลาเป็นหลัก และยังทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำทำให้ปริมาณปลาลดลง ป่าชุมชนน้ำลดลง และการขึ้นลงของน้ำไม่ปกติ ตลิ่งพัง ทำให้รายได้ของประชาชนลดลง และชาวบ้านต้องมีค่าใช้จ่ายต้องซื้ออาหารมากขึ้น บางส่วนต้องอพยพไปทำงานข้างนอก คุณภาพน้ำโขงแย่ลง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และที่สำคัญคือพื้นที่ของ 2 หมู่บ้านคือ บ้านกรอมและเกาะเสนง เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่มีชื่อเสียงของจังหวัด แต่ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงจำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ลดลงตามไปด้วย
ข้อเสนอจากงานวิจัย ชาวบ้านได้ขอให้หน่วยงานท้องถิ่นประสานกับเขื่อนดอนสะโฮงในประเทศลาว เพื่อแจ้งเตือนเรื่องการระบายน้ำจากเขื่อน และเรียกร้องร้องให้องค์กรภาคประชาสังคมและบริษัทเอกชนที่พัฒนาเขื่อน ต้องหาทางสนับสนุนการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชุมชน และต้องมีการคุ้มครองการประมงไม่ให้ผิดกฎหมาย และเรียกร้องรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฟื้นฟูป่าชุ่มน้ำและพื้นที่ริมตลิ่ง รวมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานท้องถิ่นต้องมีการติดตั้งเครื่องกรองน้ำให้กับชาวบ้าน และขอให้ผู้บริหารในตำบลจัดสรรงบประมาณในการฟื้นฟูป่าชุ่มน้ำและวิถีชีวิต ขณะที่ข้อเสนอต่อบริษัทต้องรับผิดชอบต่อเกษตรริมน้ำของชาวบ้านและเครื่องมือประมงที่เสียหาย และต้องมีการศึกษทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสาหร่ายบลูมมากขึ้นในแม่น้ำโขง
พอย วันนา ประธานสมาคมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ บ้านกรอม ที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนกัมพูชา-ลาว กล่าวว่าตั้งสมาคมการท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี 2008 โดยมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทั้งลาว ไทย และกัมพูชา เดินทางมาชมปลาข่า หรือโลมาอิรวดี ซึ่งเคยมีมากถึง 8 ตัว ทำให้ชาวบ้านแถบนี้มีรายดีมาก แต่นับตั้งแต่ปี 2022 ไม่มีปลาข่าอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแต่กระดูกปลาข่าที่ต้องเอามาโชว์ให้ลูกหลาน โดยกระดูกของปลาข่าที่อยู่นี่ ตนได้ไปขอมาจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพราะเมื่อไม่มีปลาข่าให้ดูแล้ว ขอเอากระดูกมาไว้ให้ลูกหลานและได้ดูและรู้จักว่า แม่น้ำโขงบริเวณนี้ เคยมีปลาข่ายู่ ชาวบ้านรู้สึกเสียใจมาก ที่ไม่สามารดูแลรักษาธรรมชาติไว้ได้ ซึ่งเป็นสมบัติธรรมชาติของชุมชน
พอย กล่าวว่า เดิมปี 2008 มีปลาข่า 8 ตัว แม้มันจะตายลงทุกปี แต่ก็มีปลาข่าเกิดใหม่ปีละสองสามตัว แต่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา ปลาข่าเริ่มตายลงไปเรื่อย ๆ ช่วงที่กำลังก่อสร้างเขื่อนดอนสะโฮง ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 1 -2 กิโลเมตร มีการระเบิดหินเสียงดังมาก ส่งผลกระทบให้ปลาข่าต้องอพยพไปอยู่ในบริเวณแม่น้ำโขงที่แคบกว่าเดิม และเป็นเขตหาปลาของชาวบ้านเมื่อเลยเขตอนุรักษณ์ของชุมชนออกไปแล้ว ก็เป็นการยากที่ชาวบ้านจะตามไปเฝ้าระวัง นอกจากนี้ยังมีหลายสาเหตุ เช่น สร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงมากมาย การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ พื้นที่ป่าชุ่มน้ำลดลงไปเป็นอย่างมาก ในปี 2015 - 2017 พื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำโขงของบ้านกรอมพังลงไปมาก
“เดิมเคยนักท่องเที่ยวมากเยอะมากมาชมทั้งปลาข่าและล่องเรือในพื้นที่ที่ป่าชุ่มน้ำของชุมชน พอระดับน้ำโขงไม่ลดลงตามฤดูกาล ช่วงแล้ง ต้นไม้ขนาดเล็กเปื่อยตายและต้นไม้ใหญ่ไม่มีดินตะกอนไหลไปมาตามน้ำ ทำให้ต้นไม้ใหญ่ล้มไปจำนวนมาก ผมคิดว่า ประมาณอีก 30 ปีข้างหน้าจะไม่มีต้นไม้แล้ว ปูปลาก็ลดลงมาก ชาวบ้านลำบากมากขึ้น อยากกินปลาธรรมชาติ ก็ลำบาก พวกเราไม่สามารถรักษาธรรมชาติ รักษาอาชีพไว้ไม่ได้ ถ้าพวกเราต้องร่วมมือกัน ขอให้เอาข้อมูลที่พวกเราวิจัยนี้ไปบอกรัฐบาลทุกประเทศ ให้ทราบว่า แม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงมากแล้ว ทำอย่าไง จะให้ธรมชาติกลับคืนมา พวกเราทั้ง 5 ประเทศมีทรัพย์สมบัติในแม่น้ำโขงมากมาย มีปลามากมายในกัมพูชา ปลาสะอี ราคาแพงมาก แต่ว่าแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงแล้ว ทำให้ปลาหายไปแน่แนอน อยากให้พวกเราคิดเรื่องการปกปักรักษาแม่น้ำโขงไว้ให้ได้ ฝากถึงรัฐบาลทั้ง 5 ประเทศว่า พวกเราทำลายแม่น้ำโขง ประชาชานทุกข์ยากมากแล้ว” พอย กล่าว
ไพรินทร์ เสาะสาย ผู้ประสานงานการรณรงค์ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า ผลรายงานวิจัยชุมชนที่ชาวบ้านทั้ง 3 หมู่บ้านสอดคล้องกับผลการศึกษารายงานทางเทคนิครูปแบบการเปลี่ยนแปลงการไหลของน้ำในลุ่มน้ำโขงระยะที่ 1 ( The Joint Study on the Changing Patterns of Hydrological Conditions of the Lancang-Mekong River Basin and Adaptation Strategies)การศึกษาร่วมระหว่างคณะกรรมการแม่น้ำโขง (MRC)และ Lan-Chang -Mekong Water Resource Center โดยผลการศึกษาชัดเจนว่า รูปแบบการไหลหลากของแม่น้ำโขงได้เปลี่ยนแปลงในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (2010-2020) ค่าเฉลี่ยระดับน้ำของแม่น้ำโขงในช่วงฤดูน้ำหลากนั้นลดลงและระดับน้ำโขงในช่วงฤดูแล้งกลับเพิ่มขึ้นเนื่องจากการพัฒนาต่างในลุ่มน้ำ โดยเฉพาะปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่ทะเลสาบเขมรนั้นมีปริมาณลดลงอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ปริมาณฝนตกที่น้อยลง และมีการกักเก็บน้ำไว้ทั่วทั้งลุ่มน้ำ
“ แม้รายงานการศึกษาของทางการจะไม่ระบุสาเหตุที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำของแม่น้ำโขง แต่รายงานการวิจัยชุมชนของชุมชน คือความพยายามที่จะเก็บข้อมูลและเป็นหลักฐานการสำคัญที่ชี้ว่าระบบนิเวศแม่น้ำโขงและวิธีชีวิตชุมชนได้เกิดเปลี่ยนแปลงอย่างหนัก และชุมชนได้เรียกร้องให้รัฐบาลลุ่มน้ำโขง ผู้พัฒนาโครงการและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนไฟฟ้าขนาดใหญ่และทบทวนการเดินหน้าโครงการสร้างเขื่อนพลังงานไฟฟ้าแห่งใหม่ต่อไป”ไพรินทร์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บูมเศรษฐกิจ 2 ชาติ ! “อนุทิน” เร่งสร้างสะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลิน จับมือกัมพูชา กระตุ้นค้าขายชายแดน-ท่องเที่ยว
วันที่ 21 พย. บริเวณสะพานข้ามคลองตะเคียน ด่านผักกาด จุดก่อสร้างสะพานมิตรภาพจันทบุรี-ไพลิน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะผู้บริหาร อาทิ นายอรรษิษฐ์ สัมพัน์รัตน์
ถึงบางอ้อ ดร.เสรี เผยเหตุ 'กัมพูชา' ยอมตกลง MOU44
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงนาม MOU44 มีหรือจะพูดว่า MOU44 ไม่ดีสำหรับประเทศไทย เขาย่อมพูดว่าเป็นผลดี
'หมอวรงค์' อัด 'ภูมิธรรม' ยังสับสนเรื่องเกาะกูด
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานทราปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า นายภูมิธรรมยังสับสนเรื่องเกาะกูด
'ธีระชัย' เผย MOU44 จุดแข็งคือจุดอ่อน มาถึงบัดนี้ไทยย่อมจะไม่ใช้สิทธิที่จะทักท้วงอีกแล้ว
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังปร
'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' เห็นนักการเมืองเกรงใจกัมพูชาเรื่องเกาะกูด แล้วรู้สึกอเนจอนาถใจ สิ้นไร้ไม้ตอก
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความว่า อเนจอนาถ จะมีใครรู้สึกเหมือนผม
ดร.เสรี ยกวาทะจัญไรแห่งปี 'เขาเว้นเกาะกูดให้เรา'
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยควาทะอัปรีย์จัญไรแห่งปี "เขาเว้นเกาะกูดให้เรา" แสดงว่าเขาเมตตาเราสินะ เราต้องขอบคุณเขา สำนึกบุญคุณเขาใช่ไหม