4 ต.ค. 2566 – แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังคงมีความท้าทายจากปัจจับลบหลายด้าน แต่สำหรับ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ยังสามารถเดินหน้าธุรกิจและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อันเป็นผลจากความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตราสินค้าและสถานะในตลาด ประกอบกับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการบริโภคและการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าการตั้งเป้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 5% ของรัฐบาลเป็นเรื่องที่ดี สะท้อนว่าภาครัฐกำลังวางแผนและเร่งนโยบายเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการท่องเที่ยวที่ทำให้การบริโภคเติบโตอย่างมาก และเป็นผลดีต่อภาคธุรกิจและรายได้ของประชาชน การตั้งเป้าดังกล่าวสะท้อนว่าภาครัฐกำลังตื่นตัวในเรื่องของเศรษฐกิจอย่างมาก
สำหรับ การขยายโอกาสเติบโตทางธุรกิจ บริษัทเตรียมงบลงทุนในงบปี 66/67 (1 ต.ค.66-30 ก.ย.66) ไว้ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมงบลงทุนที่ใช้สำหรับการเข้าซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) โดยงบลงทุนส่วนใหญ่กว่า 4 พันล้านบาทจะใช้รองรับในการลงทุนขยายธุรกิจในกัมพูชา โดยที่บริษัทมองเห็นถึงโอกาสในการขยายฐานการผลิตเครื่องดื่มในกลุ่มมาที่กัมพูชา ผ่านการร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อเป็นการรองรับการขยายตลาดในประเทศกัมพูช
ส่วนการขยายตลาดอื่นในแถบเอเชียนั้น ได้มีความร่วมมือกับพันธมิตรในจีนในการผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายร่วมกัน แต่สิ่งสำคัญของการเข้าไปในประเทศจีนคือการได้เรียนรู้ และการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้บริษัทได้เข้าใจถึงอุตสาหกรรมและสภาพตลาดในประเทศจีนมากขึ้น
นายฐาปน กล่าวว่า ท่ามกลางการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มบริษัทมุ่งมั่นดำเนินกลยุทธ์ในการเสริมแกร่งให้กับตราสินค้าและสถานะในตลาดสำหรับทุกกลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทที่มีรายได้จากการขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 66 ที่ 2.15 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% แม้กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดบัญชี (EBITDA) ลดลง 3.4% มาอยู่ที่ 3.77 หมื่นล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลงทุนที่มากขึ้นของบริษัทเพื่อสร้างยอดขายและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังดำเนินมาตรการบริหารอัตรากำไรอย่างรอบคอบ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงต้นทุนด้านพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น พร้อมทั้งรักษาผลกำไรสุทธิและส่วนแบ่งตลาดของบริษัท และยังมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงความรับผิดชอบและความยั่งยืนเป็นสำคัญ โดยยึดมั่นขับเคลื่อนกลยุทธ์ “สรรค์สร้างการเติบโตที่ยั่งยืน (Enabling Sustainable Growth)” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน
ด้านการนำธุรกิจเบียร์ (BeerCo) เสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ยังคงอยู่ในแผนงาน แม้ว่าจะมีการเลื่อนแผนการเสนอขาย IPO ออกไปเนื่องจากสภาวะตลาดทุนในปัจจุบันยังไม่เอื้อ แต่ก็มองว่าเป็นเช่นเดียวกับหลายบริษัทที่ต้องการจะเข้าตลาดแต่ได้เลื่อนออกไปก่อน ซึ่งบริษัทจะกลับมาพิจารณาอีกครั้งในการนำ BeerCo เสนอขาย IPO และเข้าตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์อีกครั้งเมื่อตลาดทุนกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น
นายโฆษิต สุขสิงห์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานดิจิทัลและเทคโนโลยี กล่าวว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มชูกำลัง “แรงเยอร์” เติบโตมากกว่า 50% ขณะที่แบรนด์ชาพร้อมดื่มโออิชิยังสามารถครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ได้ต่อเนื่อง และสามารถเติบโตได้ 15.5% อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ขยายธุรกิจชาพร้อมดื่มไปยังประเทศใหม่ๆโดยเฉพาะในเวียดนาม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาตลาด ซึ่งการที่จะเข้าไปในตลาดชาพร้อมดื่มในเวียดนามคงต้องเน้นนวัตกรรมชาพร้อมดื่มใหม่ๆ เพื่อให้เกิดความแตกต่าง ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาอีก2 ปี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โครงการ ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว สานต่อปณิธานแห่งการ “ให้” ปีที่ 25 “มากกว่าความอบอุ่น คือสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน”
จากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ อีกทั้งภัยพิบัติรุนแรงหลายรูปแบบที่ต้องเผชิญในยุคของ Global Boiling (สภาวะโลกเดือด) กระทบต่อหลายพื้นที่ตอนบนของประเทศไทยในแถบภาคเหนือ
4 CEO ชั้นนำ เปิดแนวคิดฝ่าความท้าทายอนาคตที่ยั่งยืน บนเวที SX2024
ความพยายามของประชาคมโลกที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs 2030 (Sustainable Development Goals) ในอีก 6 ปีข้างหน้า
ไทยเบฟขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนสู่ PASSION 2030
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (“ไทยเบฟ” หรือ “กลุ่ม”) เผยแผนงาน PASSION 2030 ซึ่งต่อยอดการดำเนินงานของกลุ่มในการเสริมความแข็งแกร่งสถานะผู้นำที่
กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ 'บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่'
1 ต.ค.2567 - เวลา 9.04 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงาน เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ Bangkok Art Biennale 2024 (BAB 2024) ภายใต้แนวคิด "รักษา กายา
งานศิลป์จาก'ขยะ' เพิ่มมูลค่า ดีต่อโลก
การเปลี่ยนวัสดุเหลือใช้ให้กลายเป็นงานศิลปะหรือของใช้สร้างสรรค์เป็นแนวทางการทำงานที่พบเห็นได้ของศิลปินร่วมสมัยชื่อดังไทยและต่างประเทศ รวมถึงเป็นเทรนด์ที่มาแรงในสังคมไทย เพื่อกระตุ้นให้เกิดไอเดียศิลปะจากสิ่งของเหลือใช้ที่หลายคนมองไม่เห็นคุณค่า