CRC กางแผนทุ่ม 1.5 แสนล้านบาท ลุยไทย-เวียดนาม และอิตาลี

CRC กางแผนขยายธุรกิจเต็มสูบ ทุ่ม 1.5 แสนล้านบาท ลุยไทย-เวียดนาม และอิตาลี ดันรายได้โต 2.5 เท่า ชี้สัญญาณเศรษฐกิจเริ่มฟื้น ฟันธงท่องเที่ยวขับเคลื่อนการบริโภคกลับมาคึกคัก

7 ก.พ. 2566 – นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ CRC เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจใปในปี 2566 บริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท จากงบรวม 1.5 แสนล้านบาทภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า เพื่อขยายธุรกิจในเครือให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ภายใต้ยุทธศาสตร์ CRC Retailligence สร้างการเติบโตทั้งในไทยและต่างประเทศ มองว่าขณะนี้มีสัญญาณบวกของภาคค้าปลีกและบริการ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก การเปิดประเทศของจีน รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีศักยภาพรอบด้าน และเวียดนามเองก็มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดี ส่วนอิตาลีก็พร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไปอีกด้วย

ขณะที่แนวทางการขยายธุรกิจเร่งสร้างการเติบโตของกลุ่มธุรกิจหลักในทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม และอิตาลี โดยในกลุ่มแฟชั่น จะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายห้างสรรพสินค้าลักชูรี่ในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อต่อยอดธุรกิจกลุ่มแฟชั่นให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ทั้งสินค้าใหม่ แบรนด์ใหม่ และเชื่อมต่อแพลตฟอร์มของห้างลักชูรี่ทั้งหมด เพื่อให้ลูกค้าสามารถช้อปปิ้งจากทุกห้างของกลุ่มได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมทั้งเดินหน้าขยาย และรีโนเวทสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนจะเปิดห้างสรรพสินค้าโรบินสัน อีก 2 สาขา ในปีนี้

สำหรับกลุ่มฮาร์ดไลน์จะเร่งเครื่องขยายสาขาใหม่ของไทวัสดุ และไทวัสดุ ไฮบริด ฟอร์แมท รวมอีก 10 สาขาในปีนี้ ส่วนกลุ่มฟู้ดจะสร้างการเติบโตในเวียดนามอย่างก้าวกระโดด รวมถึงผลักดันแบรนด์ Tops ขึ้นเป็นฟู้ดดิสคัฟเวอรี่แอนด์เดสทิเนชั่น และ เบอร์ 1 ของการเป็นฟู้ดออมนิรีเรลเลอร์ ด้วยการขยายสาขาท็อปส์ รวมอีก 15 สาขาในปีนี้ โดยกลุ่มพร็อพเพอร์ตี้ก็จะทำการขยายและรีโนเวทศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาในปีนี้ นอกจากนี้ในเวียดนามก็มีการก่อสร้างศูนย์การค้า GO! สาขาใหม่ๆ เพื่อเตรียมเปิดอีก 6-8 สาขา ในปี 2567

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมจะเปิดตัวธุรกิจใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น เพื่อเสริมทัพธุรกิจในประเทศไทยและเวียดนาม คาดว่าจะสร้างรายได้รวมในปี 2566 ราว 270,000 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 15% หรือผลักดันให้รายได้เติบโต 2.5 เท่าในปี 2570 ขณะที่มาร์เก็ตแคปเพิ่ม 2.5 เท่า และ EBITDA เพิ่มขึ้น 3.5 เท่า