![](https://storage-wp.thaipost.net/2021/10/กรุงศรี.jpg)
จับตาภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้าย
26 ต.ค. 2564 วิจัยกรุงศรีระบุว่าจากการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 19 ตุลาคม รัฐบาลได้อนุมัติการใช้เงินกู้จากพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท วงเงิน 54,506 ล้านบาทสำหรับมาตรการเพิ่มกำลังซื้อในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ผ่านโครงการสำคัญ ดังนี้ (i) วงเงิน 42,000 ล้านบาท ในโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 โดยเพิ่ม G-Wallet ให้อีกคนละ 1,500 บาท รวมแล้วผู้เข้าร่วมโครงการนี้จะได้ 4,500 บาทต่อคน (ii) วงเงิน 3,000 ล้านบาท ในโครงการยิ่งใช้ ยิ่งได้ โดยสนับสนุน E-Voucher เพิ่มเป็นไม่เกิน 10,000 บาท จากการใช้จ่ายสูงสุด 80,000 บาทต่อคน (เดิมให้ E-Voucher 7,000 บาท จากการใช้จ่ายสูงสุด 60,000 บาทต่อคน) และ (iii) วงเงิน 9,506 ล้านบาท ในโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มเปราะบาง โดยสนับสนุนให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติม
แม้ทางการมีนโยบายเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว พร้อมยกเลิกเคอร์ฟิวพื้นที่นำร่องเที่ยว 17 จังหวัด รวมกรุงเทพมหานคร ในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ล่าสุดอนุญาตแล้ว 46 ประเทศ แต่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะยังไม่ได้เข้ามาทันทีทันใด เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมา อาทิ นโยบายของประเทศต้นทางที่ยังกำหนดให้ไทยเป็นพื้นที่เสี่ยงมีการระบาดสูง อาจต้องกักตัวเมื่อกลับประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของไทยยังทรงตัวในระดับสูง และความกังวลการกลายพันธุ์ของไวรัสซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่น ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีคาดว่ากิจกรรมท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศในสิ้นปีนี้จะยังอยู่ต่ำกว่าระดับช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 อยู่ที่ 58% ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับกิจกรรมทางด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการค้าปลีกที่สิ้นปีนี้จะกลับมาอยู่ที่ 95% และ 92% ของระดับก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 ตามลำดับ มาตรการเพิ่มกำลังซื้อของภาครัฐจึงเป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความเปราะบาง และเมื่อรวมกับมาตรการที่ออกมาก่อนหน้าทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ วงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท กับมาตรการรักษาระดับการจ้างงานให้แก่ธุรกิจ SMEs วงเงิน 3.75 หมื่นล้านบาทแล้ว โดยรวมแล้วในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จึงมีเม็ดเงินจากมาตรการภาครัฐหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท
ธปท.ผ่อนคลายมาตรการ LTV ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ในวันที่ 21 ตุลาคม ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) ประกาศผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) โดยกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) เป็นร้อยละ 100 (กู้ได้เต็มมูลค่าหลักประกัน) สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (รวมสินเชื่ออื่นนอกเหนือจากเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยและมีที่อยู่อาศัยนั้นเป็นหลักประกันหรือสินเชื่อ Top-up แล้ว) ทั้ง (i) กรณีมูลค่าหลักประกันต่ำกว่า 10 ล้านบาท ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 2 เป็นต้นไป และ (ii) กรณีมูลค่าหลักประกันตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่สัญญากู้หลังที่ 1 เป็นต้นไป ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ชั่วคราว สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
การผ่อนคลายมาตรการ LTV ดังกล่าว นับเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเน้นการดึงเงินออมส่วนเกิน (excess saving) ของผู้มีกำลังในการใช้จ่าย และสนับสนุนความต้องการซื้อที่อั้นไว้ให้กลับมาเพิ่มขึ้นได้เร็วขึ้น ผ่านการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งต้นน้ำและปลายน้ำอยู่จำนวนมาก และเป็นภาคที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยคิดเป็นสัดส่วนราว 9.8% ของ GDP รวมถึงมีการจ้างงานอยู่กว่า 2.8 ล้านคน เบื้องต้นธปท.ประเมินว่าในช่วงที่มาตรการ LTV มีผลบังคับใช้ผนวกกับมาตรการอื่นๆ ที่ทางการกำลังพิจารณาการต่ออายุ อาทิ การลดค่าโอน และค่าจดจำนองต่างๆ นั้นแล้ว อาจจะช่วยสร้างเม็ดเงินจากการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ราว 5 หมื่นล้านบาท และจะช่วยให้ภาคอสังหาฯ ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้ากว่าเศรษฐกิจโดยรวม สามารถกลับมากระเตื้องขึ้นได้บ้าง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอกชนเชียงใหม่บอกถกงบวันแรกยังไม่ลงลึกรายละเอียด!
เอกชนมองถกงบ 68 ยังไม่หวือหวา ระบุงบเกินดุลสูงต้องดูการจัดเก็บรายได้และคุมหนี้สาธารณะ เงินเฟ้อ หวั่นกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ครอบคลุม
รทสช.จ่ออภิปรายงบปี 2568 แนะรัฐบาลต่อยอดโครงการลุงตู่!
รทสช. นัดประชุม สส. สัปดาห์หน้า เตรียมอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบ 2568-ประชามติ เน้นชี้แนะรัฐบาล จัดงบกระตุ้นเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตพร้อมสะท้อนความต้องการประชาชน
เทียบกันจะๆ 'คนละครึ่ง-ดิจิทัลวอลเล็ต'
เพจเชียร์ลุง ซึ่งมีผู้ติดตาม 2.7 แสนคน โพสต์กราฟฟิกพร้อมเนื้อหา
'นิพิฏฐ์' ชำแหละ 'ดิจิทัล วอลเล็ต' กับ 'ยาเสพติด' มีคนจำนวนหนึ่งไม่นำไปซื้อข้าวสาร สบู่ ยาสีฟัน แน่
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ ดิจิทัล วอลเลต กับ ยาเสพติด มีรายละเอียดดังนี้
'นิพิฏฐ์' คิดมาก! ผวาแจกเงินหมื่นดิจิทัล เข้าทาง 'ขี้ยา'
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ดิจิทัล วอลเลต กับ ยาเสพติด