“ทิพานัน”ซัด “พิธา”อคติ ขาดวิสัยทัศน์ผู้นำประเทศ ติดกับดักการเมือง ดิสเครดิตรัฐบาล ให้ข้อมูลมั่ว ซัดไม่จริงใจปากบอกหนุนเปิดประเทศ แต่กลับหาเหตุทำลายขวัญประชาชน ลงพื้นที่ซ้ำเติมปัญหา เหน็บแค่กลัดกระดุมเม็ดแรกก็ผิดแล้ว ให้รูดซิปปากไปเลย
24 ต.ค. 2564 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมัดมือชกเปิดประเทศวันที่ 1 พฤศจิกายน เพราะไม่อยากเสียคำพูดว่า เป็นการวิพากษ์วิจารณ์ที่เต็มไปด้วยอคติและขาดวิสัยทัศน์ของผู้นำที่ยังคงติดกับดักกับเรื่องของการเมืองอย่างน่าเสียดาย จึงได้ออกมาดิสเครดิตพล.อ.ประยุทธ์ผลักดันนโยบายเปิดประเทศเพราะกลัวจะเสียคำพูดเพียงเท่านั้น ในขณะที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำที่กล้าหาญ ยึดเอาประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง
โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาปากท้อง โดยมีการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ไม่ใช่แค่คิดว่าจะผิดคำพูดแค่นั้น แต่ได้กำหนดทิศทางการปฏิบัติและรูปแบบการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศรองรับอย่างเป็นขั้นตอน รอบคอบและรัดกุม ทั้ง 3 รูปแบบคือ 1.คนไทยหรือต่างชาติที่ได้รับวัคซีนไม่ครบเมื่อเข้ามาแล้วยังต้องกักตัวตามสถานที่ที่รัฐกำหนด 2. รูปแบบแซนด์บ็อกซ์ หรือ แบบพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวใน 17 จังหวัดและ 3. แบบไม่กักตัวซึ่งแบบที่ 2 และ 3 มีเงื่อนไขคือต้องได้รับวัคซีนครบทั้งสองเข็มเป็นหลัก ที่สำคัญคือต้องได้ตรวจ RT-PCR จากประเทศต้นทางแล้วว่า ไม่ได้รับเชื้อ 72 ชั่วโมง และตรวจซ้ำอีกทันทีที่มาถึงประเทศไทยเมื่อผลการตรวจเป็นลบแล้วจึงจะเดินทางต่อไปได้ รวมทั้งการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขไว้รองรับทุกด้าน ทั้งการฉีดวัคซีนครอบคลุม 50%ในสิ้นเดือนนี้ ศักยภาพการรักษา เตียงรองรับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดง
ส่วนกรณีที่นายพิธา วิจารณ์ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ว่าเปิดพื้นที่ตามยถากรรมไม่ได้ทดลองอะไรเลย พร้อมแนะนำวิธีการตรวจแบบอื่นด้วยการให้ข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่านายพิธาไม่มีความรู้อะไรมากไปกว่าวิธีติดกระดุม 1 เม็ด ส่วนเม็ดที่เหลือติดเองไม่เป็น จึงเสนอแนะที่ส่อถึงความต้องการให้ภูเก็ตเป็นเพียงห้องทดลอง ไม่ได้มีความจริงใจกับคนภูเก็ต เช่น กล่าวอ้างว่าภูเก็ตควรทดลองตรวจโควิดนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศโดยเครื่องบินด้วยวิธีการตรวจด้วยลมหายใจอย่างที่รัฐบาลสิงคโปร์ใช้อยู่ตอนนี้ ซึ่งเป็นการอ้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง จึงอยากให้นายพิธาทำความเข้าใจเสียใหม่
การตรวจด้วยลมหายใจในสิงคโปร์ถูกใช้เพียงการทดลอง (trial) ที่จุดผ่านแดนทางบก Tuas Checkpoint เท่านั้น ตลอดมารัฐบาลสิงคโปร์อนุมัติให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศแบบไม่ต้องกักตัวต้องฉีดวัคซีนครบโดส มีผลตรวจแบบ PCR เป็นลบทั้งก่อนเดินทางและทันทีที่มาถึงสนามบิน ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เพราะเป็นวิธีการตรวจที่ได้ผลถูกต้องแม่นยำ ได้มาตรฐานทั่วโลก เป็นการคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก การที่นายพิธาจะให้ภูเก็ตทดลองใช้วิธีการตรวจที่ยังไม่ได้รับการยอมรับระหว่างประเทศ อยากถามว่านายพิธาเห็นสุขภาพของชาวภูเก็ตเป็นอะไร ตระหนักถึงความปลอดภัยรอบด้านแล้วหรือ สะท้อนถึงความรู้ความเข้าใจของนายพิธาต่อการบริหารประเทศที่ยังอ่อนหัดนัก
ส่วนที่นายพิธาเสนอให้ตรวจแบบด้วยน้ำลายแบบกลุ่ม (Pool Saliva Covid Test) แทนการตรวจPCR โดยยกตัวอย่างว่าโรงแรมที่มี 5 ชั้น มีคนพักอยู่ 100 คน อาจจะใช้วิธีการตรวจด้วยน้ำลายแบบกลุ่มคือนำน้ำลายของคนทั้งชั้นมารวมกันเพื่อตรวจเพียงครั้งเดียวนั้น แสดงให้เห็นว่านายพิธา ก้าวไกลจนถดถอยทางความคิด ไม่เข้าใจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว ทั้งจุดหมายปลายทางไม่ได้ไปเป็นกลุ่มใหญ่หรืออยู่ที่เดียวกันพร้อมกัน รวมถึงระหว่างการเดินทางก็มีการกินการดื่มระหว่างทางมา ซึ่งก็จะผสมอยู่ในน้ำลาย มิฉะนั้นเราต้อง “บังคับ” และ “จำกัด” พฤติกรรมหลายอย่างก่อนการตรวจเพื่อผลที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีประเทศไหนทำ ที่สำคัญการตรวจแบบ RT-PCR ก็มีความแม่นยำ-ปลอดภัยสำหรับพี่น้องประชาชนคนไทย และวิธี RT-PCR ก็เป็นที่ยอมรับทั่วโลก
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า การลงพื้นที่จ.กระบี่ไปพบตัวแทนภาคธุรกิจท่องเที่ยวและประชาชนของนายพิธา สะท้อนถึงความไม่จริงใจ เพราะปากก็บอกว่าพรรคก้าวไกลยืนยันว่าต้องเปิดประเทศ แต่กลับอ้างเหตุต่างๆ มาสร้างภาพให้เกิดความน่าหวาดกลัว เพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของพี่น้องประชาชน ทั้งผู้ประกอบการ และผู้ปฏิบัติ จึงประดิษฐ์วาทกรรมให้ดูสวยหรูเพื่อไม่ให้พรรคเสียคะแนนเสียงว่าคัดค้านการเปิดประเทศ สวนกระแสที่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศมีความตื่นตัวที่เตรียมทำมาหากิน เรื่องนี้จึงอยากให้นายพิธาและพรรคก้าวไกลกล้าหาญที่จะยอมรับออกมาตรงๆ ว่า ไม่ต้องการให้เปิดประเทศ เพราะกังวลว่า เศรษฐกิจจะได้รับการฟื้นฟูและปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนจะดีขึ้นใช่หรือไม่ เพราะล่าสุดรัฐบาลเปิดรับนักท่องเที่ยวซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจถึง 3 หมื่นล้านบาท ทั้งมีการจ้างงานภาคการขนส่งและภาคการบริการดีขึ้น
“การลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองต้องดำเนินการ ไม่ใช่ไปสร้างปัญหาเพิ่ม หรือซ้ำเติมให้เกิดความหวาดกลัว ต้องไปสร้างความเชื่อมั่นและขจัดปัญหาอย่างผู้นำ แต่อีกมุมหนึ่งพี่น้องประชาชนก็จะได้เห็นวิสัยทัศน์ของคนที่เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างนายพิธาว่า ไม่มีความเหมาะสมที่จะขับเคลื่อนนำประเทศฝ่าวิกฤติใหญ่เช่นนี้ เพราะแนวคิดของนายพิธา แค่กระดุมเม็ดแรกก็ติดไม่เป็นแล้ว นายพิธาควรจะรูดซิปปิดปากไปเลยจะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากกว่า” น.ส.ทิพานัน กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นายแบกเพื่อไทย' ตบปาก 'นายกฯว่าว' โทษฐาน แนะ 'นายกฯอิ๊งค์' ใช้เวทีสภาฯ ลบคำครหาเรื่องโพย พึ่งพ่อ
นายอิราวัต อารีกิจ หรือ หมออั้ม นักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความว่า พิธา แนะนายกฯอิ๊ง ให้ใช้เวทีสภาฯ แส
'ทักษิณ' เกทับ! เลือกตั้งครั้งหน้า กวาด สส.เชียงใหม่ ครบ 10 ที่นั่ง
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงให้ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือสว.ก๊อง ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่
47 เก้าอี้นายกฯอบจ. บ้านใหญ่ ลุ้นเข้าวิน-กินเรียบ!
คิกออฟ นับหนึ่งตั้งแต่จันทร์ที่ 23 ธ.ค.ที่เป็นวันแรกของการรับสมัครบุคคลที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งนายกฯ อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงที่ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั่วประเทศ 76 จังหวัด
พรรคส้มดาวกระจาย สู้ศึกอบจ. ‘พิธา’ ชน ‘ทักษิณ’ ตรง ‘ประตูท่าแพ-ตลาดวโรรส’ จันทร์นี้
พรรคประชาชน(ปชน.)เตรียมตัวส่งผู้สมัครนายก อบจ.ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ในวันที่ 23 ธ.ค. โดยส่งระดับแกนนำและผู้ช่วยหาเสียงที่เป็นผู้นำจิตวิญญาณลงประกบตามพื้นที่ต่างๆ
นับถอยหลัง 2567 5 ฉากร้อนการเมืองไทย
นับถอยหลังต่อจากนี้ ก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์ ก็เข้าสู่ช่วง “นับถอยหลังอำลา 2567 ต้อนรับปีใหม่ 2568” กันแล้ว
ค้าน ‘VAT’15% ‘พิธา’ สอน ‘อิ๊งค์’ ต้องปฏิรูปภาษี
"พิธา" แนะรัฐบาลปฏิรูปภาษีทั้งระบบ ดีกว่าเจาะจงที่แวต ถามตัวเลข 15% มาจากไหนไม่เข้าใจ ด้านประธานหอการค้าขอนแก่นระบุการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มควรขึ้นไม่เกิน 10%