มั่นใจคุมอยู่ 'แคร์รี แลม' ยันไม่มีแผนล็อกดาวน์ฮ่องกง

แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ยืนยันว่า ยังไม่มีแผนใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดทั้งเมืองแบบเดียวกับจีน เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 แม้ผู้ติดเชื้อยังพุ่งไม่หยุด และจะไม่เปลี่ยนไปใช้ยุทธศาสตร์ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับไวรัสโคโรนา

ผู้ป่วยนอนบนเตียงพยาบาลด้านนอกศูนย์แพทย์คาริทาสในฮ่องกง เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2565 (Photo by Peter PARKS / AFP)

เอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานเมื่อวันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ว่า ฮ่องกงใช้ยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์แบบเดียวกับจีนมาแล้วมากกว่า 2 ปี แต่ขณะนี้กำลังเผชิญกับคลื่นการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนที่โจมตีศักยภาพการตรวจหาเชื้อ, การกักตัวและการรักษาผู้ป่วยของฮ่องกง โดยผู้ติดเชื้อรายวันในฮ่องกงเพิ่มขึ้นราว 20 เท่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

จีนเป็นประเทศเดียวในโลกที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งเมือง และสั่งให้ชาวเมืองอยู่แต่บ้านเมื่อตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเมืองนั้นเพียงไม่กี่ราย

แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง แถลงเมื่อวันอังคารว่า เรายังไม่มีแผนที่จะใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งเมืองอย่างเต็มรูปแบบ แต่เธอปฏิเสธที่จะทำตามเสียงเรียกร้องของผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุขบางคนและนักธุรกิจ ที่ต้องการให้เปลี่ยนจากยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์ มาใช้ยุทธศาสตร์ที่ผ่อนคลายโดยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับไวรัสโคโรนา

แลมกล่าวว่า เราต้องต่อสู้ต่อไปในสมรภูมิการระบาดของไวรัสโคโรนา การยอมจำนนกับไวรัสไม่ใช่ทางเลือก เจ้าหน้าที่จะยังคงล็อกดาวน์เป็นเขตๆ ไป และตรวจหาเชื้อผู้ที่อาศัยในอาคารเมื่อตรวจพบผู้ติดเชื้อในเขตนั้น

ในการแก้ปัญหาสถานที่กักตัวไม่เพียงพอ แลมกล่าวว่าจะใช้แฟลตที่สร้างใหม่ของการเคหะราว 3,000 ห้อง เป็นสถานที่กักตัว รวมถึงเจ้าหน้าที่จะหาโรงแรมให้ได้ 10,000 ห้อง จีนกำลังส่งชุดตรวจโควิดแบบเอทีเค 100 ล้านชุดมาให้ฮ่องกง และเมื่อมาถึงจะจัดส่งชุดตรวจวันละ 1 ล้านชุด ให้กับกลุ่มเสี่ยงสูง

ขณะนี้ฮ่องกงใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 ด้วยการสั่งปิดโรงเรียน, โบสถ์, ผับ, โรงยิม และห้ามประชาชนรวมตัวกันมากกว่า 2 คน ห้ามรับประทานอาหารในร้านหลังเวลา 18.00 น. ประชาชนส่วนใหญ่ทำงานที่บ้าน และจะเริ่มตรวจบัตรรับรองการฉีดวัคซีนก่อนเข้าร้านอาหาร, ซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าในวันที่ 24 กุมภาพันธ์.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หมอธีระ’ ข้องใจตัวเลขโควิด สัปดาห์ก่อนพุ่งอาทิตย์นี้ลดฮวบ ไม่ใช่เรื่องปกติ

สัปดาห์ก่อน ตัวเลขนอนรพ.พุ่งขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านั้นถึง 78% แต่สัปดาห์ล่าสุดนี้ ลดลงฮวบฮาบจากสัปดาห์ก่อนถึง 57.7% ส่วนตัวคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ควรต้อง explore