สหรัฐ-พันธมิตรตีปี๊บสงครามยูเครน กว่า 10 ประเทศแนะพลเมืองเผ่น

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตือนประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ว่าการบุกยูเครนจะเจอผลลัพธ์ที่ฉับพลันและรุนแรง อีกด้านสั่งถอนที่ทหารอเมริกันเกือบหมดและลดจำนวนเจ้าหน้าที่ทูตในกรุงเคียฟ กว่า 10 ประเทศตื่นตูมสงครามสั่งพลเมืองอพยพพ้นยูเครนทันที

พลเมืองชาวยูเครนฝึกทหารโดยทหารผ่านศึก ที่ค่ายฝึกของกองพันอาซอฟในกรุงเคียฟ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2565 ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "อย่าตื่นตระหนก เตรียมพร้อม" เพื่อรับมือภัยคุกคามจากการรุกรานของรัสเซีย (Getty Images)

สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าผู้นำสหรัฐและรัสเซียดำเนินความพยายามบรรเทาความเป็นปฏิปักษ์ที่เพิ่มมากขึ้น โดยได้สนทนาทางโทรศัพท์นานราว 1 ชั่วโมงเมื่อวันเสาร์ หนึ่งวันหลังจากสหรัฐและบรรดาชาติพันธมิตรเตือนว่า กองทัพรัสเซียซึ่งวางกำลังทหารมากกว่า 100,000 นายใกล้ชายแดนยูเครนและกำลังซ้อมรบทางทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในทะเลดำ อาจรุกรานเพื่อนบ้านฝั่งตะวันตกชาตินี้ได้ทุกเมื่อ และทำให้ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของทำเนียบเครมลิน ตอบโต้ว่า อาการฮิสทีเรียของสหรัฐพุ่งถึงจุดสุดยอดแล้ว

รัฐบาลทั้งสองฝ่ายไม่ได้กล่าวถึงความคืบหน้าใดๆ จากการเจรจาระหว่างไบเดนและปูติน ที่เจ้าหน้าที่อาวุโสในรัฐบาลสหรัฐกล่าวว่า มีสาระสำคัญและเป็นมืออาชีพ แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยพื้นฐานใดๆ ส่วนทำเนียบเครมลินกล่าวว่า ปูตินแจ้งต่อไบเดนว่า สหรัฐไม่ใส่ใจความห่วงกังวลหลักๆ ของรัสเซีย และรัสเซียไม่ได้รับคำตอบที่เป็นเนื้อเป็นหนังในประเด็นสำคัญ อาทิ การขยายของนาโตและการวางกำลังเชิงรุกในยูเครน อูชาคอฟเผยด้วยว่า ปูตินและไบเดนตกลงจะเจรจากันต่อไป

ในคำสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสในช่วงบ่ายวันเสาร์ ปูตินโจมตีคำกล่าวอ้างของตะวันตก ที่่ว่ารัสเซียกำลังมีแผนรุกราน ว่าเป็น "การคาดเดาที่ยั่วยุ" ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในยูเครน ด้านสำนักงานของมาครงเผยหลังการคุยนานเกือบ 2 ชั่วโมงว่า ผู้นำทั้งสองแสดงความปรารถนาจะเจรจากันต่อไป แต่ก็เหมือนกับของสหรัฐ ที่ไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนจากการเจรจา

ทำเนียบขาวแถลงว่า ไบเดนได้กล่าวเตือนปูตินไปอีกครั้งว่า หากรัสเซียรุกรานยูเครนมากยิ่งขึ้น สหรัฐพร้อมกับพันธมิตรและหุ้นส่วนของเราจะตอบโต้อย่างเด็ดขาด และก่อความเสียหายที่ฉับพลันและรุนแรงต่อรัสเซีย

อีกทางหนึ่ง แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐพูดคุยกับเซอร์เกย์ ลัฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ด้วยในวันเสาร์ บลิงเคนกล่าวว่า ใครก็ไม่ควรประหลาดใจหากรัสเซียกระตุ้นให้เกิดเหตุการณ์หรือการยั่วยุ แล้วใช้เป็นเหตุผลในการปฏิบัติการทางทหารตามที่วางแผนมาตลอด

ภาพจากวิดีโอที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2565 ระบบยิงจรวดสเมิร์ชร่วมการซ้อมรบกับเบลารุสใกล้เมืองเบรสต์ของเบลารุส (Photo by Russian Defence Ministry / AFP)

วันเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียเพิ่มความตึงเครียดแก่บรรยากาศที่กำลังคุกรุ่นนี้ด้วยการประกาศว่า เรือพิฆาตจอมพลชาปอชนิคอฟที่อยู่ระหว่างฝึกทางทะเล ตรวจพบเรือดำน้ำชั้นเวอร์จิเนียลำหนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐภายในน่านน้ำอาณาเขตของรัสเซียใกล้หมู่เกาะคูริล ตอนเหนือของแปซิฟิก เมื่อเรือดำน้ำลำนี้ปฏิเสธคำสั่งให้ขึ้นสู่ผิวน้ำ ลูกเรือพิฆาตจึง "ใช้วิธีการที่เหมาะสม" เรือดำน้ำสหรัฐจากไปด้วยความเร็วเต็มสูบ

อย่างไรก็ตาม กองบัญชาการอินโดแปซิฟิกของสหรัฐปฏิเสธว่า ไม่มีเรือดำน้ำของสหรัฐเข้าไปในน่านน้ำอาณาเขตของรัสเซีย

รัฐบาลรัสเซียกล่าวด้วยว่า ได้ถอนเจ้าหน้าที่ทูตบางส่วนออกจากกรุงเคียฟในวันเสาร์ โดยกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดจากความหวาดกลัว "การยั่วยุที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลเคียฟ"

สหรัฐและประเทศพันธมิตรมากกว่า 10 ประเทศ อาทิ เยอรมนี, ญี่ปุ่น, เนเธอร์แลนด์, โปรตุเกส, เบลเยียม, ลัตเวีย, นอร์เวย์, อิสราเอล, นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ก็อ้างภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากการรุกรานของรัสเซีย และขอให้พลเมืองของตนออกจากยูเครนโดยเร็วที่สุด บางประเทศสั่งลดจำนวนเจ้าหน้าที่สถานทูตบางส่วน

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า ได้ถอนเจ้าหน้าที่ทูตเกือบทั้งหมดออกจากยูเครน และได้ย้ายการปฏิบัติงานไปที่เมืองลวิฟที่อยู่ใกล้ชายแดนโปแลนด์ เช่นเดียวกับแคนาดาและออสเตรเลีย ขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐประกาศถอนกำลังครูฝึกทหารประมาณ 150 นาย หรือเกือบทั้งหมดที่อยู่ในยูเครน ไปประจำประเทศอื่นในยุโรป เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของทหารอเมริกัน

ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ที่พยายามปัดเป่าความตื่นตระหนก กล่าวว่า ตอนนี้ ศัตรูตัวฉกาจของประชาชนคือความตื่นตระหนก

เวลาเดียวกัน สำนักงานนายกเทศมนตรีกรุงเคียฟกล่าวว่า ได้เตรียมแผนอพยพฉุกเฉินสำหรับประชากร 3 ล้านคนในเมืองหลวงแห่งนี้แล้ว เพื่อป้องกันไว้ก่อน

บีบีซีรายงานอ้างคำกล่าวของเบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ ที่ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทมส์ กล่าวถึงความพยายามทางการทูตในการหยุดยั้งการรุกรานของรัสเซียว่า เป็นเหมือนการเอาอกเอาใจนาซีเยอรมนี "มีลมมิวนิกโชยอยู่ในอากาศ" เขากล่าวถึงการทำข้อตกลงกับฮิตเลอร์ที่ไม่สามารถป้องกันการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ พร้อมกับช่วยประโคมคำกล่าวของรัฐบาลสหรัฐด้วยว่า ยังมีความเป็นไปได้สูงที่รัสเซียจะโจมตียูเครนได้ในทุกเวลา

เมื่อวันอาทิตย์ นายกฯ สกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย เรียกร้องให้จีนกล่าวปกป้องยูเครน และอย่าได้นิ่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อนที่รัสเซียวางกำลังทหารใกล้ชายแดน "กลุ่มพันธมิตรอัตตาธิปไตยที่เราเห็นกำลังพยายามรังแกประเทศอื่น ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ออสเตรเลียจะถือเป็นเรื่องเล่นๆ" เขากล่าวหลังจากเพิ่งโดนจีนวิจารณ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น และอินเดียในกลุ่มจตุภาคีที่กรุงเมลเบิร์นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ถึงสหรัฐ เตรียมประชุมเอกอัครราชทูต-กงสุลใหญ่ หารือภาคธุรกิจ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา