สหรัฐฯ โจมตีค่ายผู้ลี้ภัยในเยเมนทางอากาศ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 68 ราย

ผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 68 รายจากการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ บริเวณค่ายผู้อพยพในเยเมน ตามรายงานของกองกำลังติดอาวุธฮูตี เหยื่อของการโจมตีในซาดาคือผู้อพยพชาวแอฟริกัน สถานีโทรทัศน์ Al-Masirah TV ซึ่งควบคุมโดยกลุ่มฮูตีรายงานเมื่อวันจันทร์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 47 คน อิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของกลุ่มฮูตีกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็น “อาชญากรสงคราม”

ทุกปี ผู้อพยพหลายหมื่นคนหลบหนีสงคราม วิกฤตเศรษฐกิจ และภัยพิบัติทางธรรมชาติในแอฟริกา โดยหวังว่าจะหางานทำในซาอุดีอาระเบียหรือประเทศอ่าวอาหรับที่ร่ำรวย พวกเขาจึงเดินทางจากแอฟริกาตะวันออกข้ามทะเลแดงมา ตามรายงานของกระทรวงมหาดไทยของกลุ่มฮูตี ผู้คนจากแอฟริกาที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย 115 คนถูกควบคุมตัวอยู่ภายในค่ายผู้อพยพซาดา

ในเบื้องต้นสำนักข่าวเอเอฟพีไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้ องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ระบุว่าสถานที่ดังกล่าวไม่ได้รับการบริหารจัดการโดยสหประชาชาติ

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านประณามการโจมตีของสหรัฐฯ ต่อ “เป้าหมายพลเรือน โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และบ้านเรือนของประชาชน” ว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม กลุ่มฮูตีกล่าวว่าพวกเขาโจมตีเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Harry S. Truman ของสหรัฐฯ ด้วย “ขีปนาวุธร่อน ขีปนาวุธพิสัยไกล และโดรน” เพื่อตอบโต้ พวกเขายังพูดถึงการโจมตีด้วยโดรนในภูมิภาคอัชเคลอน ทางตอนใต้ของอิสราเอลด้วย

ในช่วงกลางเดือนมีนาคม สหรัฐฯ ได้เปิดปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ในเยเมน เพื่อยุติการโจมตีเรือของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธฮูตีที่ฝักใฝ่อิหร่านในทะเลแดง นับแต่นั้นมากองทัพสหรัฐฯ ระบุว่าได้ก่อเหตุโจมตีในเยเมนมากกว่า 800 ครั้ง ส่งผลให้นักรบฮูตีเสียชีวิตไปหลายร้อยคน

กลุ่มฮูตี ร่วมกับกลุ่มฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซา และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน เป็นส่วนหนึ่งของ “แกนต่อต้าน” ที่นำโดยอิหร่าน และมุ่งเป้าไปที่อิสราเอลและสหรัฐอเมริกา เป้าหมายที่พวกเขาประกาศคือการทำลายล้างอิสราเอล

กลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงในปาเลสไตน์ได้จุดชนวนสงครามในฉนวนกาซาขึ้นด้วยการโจมตีอิสราเอลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 จากนั้นกลุ่มฮูตีก็ได้โจมตีอิสราเอลด้วยจรวดเป็นประจำ นับแต่นั้นมาพวกเขายังโจมตีเรือในทะเลแดงและอ่าวเอเดนหลายครั้ง รวมถึงเป้าหมายในอิสราเอล ด้วยโดรนและจรวด ตามแถลงการณ์ของพวกเขาเอง “เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” กับชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา.