ฝนที่ตกช่วงกลางคืนช่วยดับไฟป่าที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงถึง 28 ราย

เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาจุดติดไฟที่อาจยังเหลืออยู่ในป่าของเมืองยองด็อก ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม (Photo by ANTHONY WALLACE / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 กล่าวว่า ไฟป่ามากกว่า 10 แห่งในเกาหลีใต้ที่โหมกระหน่ำมาเกือบสัปดาห์ ได้สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ขนาดใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ, ทำลายวัดโบราณ และบังคับให้ผู้คนประมาณ 37,000 คนต้องอพยพ
ไฟป่าลุกลามปิดกั้นถนนและตัดสายการสื่อสาร ทำให้ประชาชนแตกตื่นวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก เนื่องจากลูกไฟพุ่งใส่รถยนต์ที่ติดอยู่บนท้องถนน
เปลวไฟยังคงโหมกระหน่ำจากลมแรงและสภาพอากาศแห้งแล้งมาก โดยพื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยเป็นเวลาหลายเดือน หลังจากที่เกาหลีใต้ประสบกับปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024
แต่เมื่อคืนวันพฤหัสบดี ฝนตกในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทำให้บรรเทาสถานการณ์ได้บ้าง
"ฝนที่ตกตั้งแต่บ่ายจนถึงเช้าช่วยให้ภารกิจดับไฟง่ายขึ้น" ลิม ซังซอบ อธิบดีกรมป่าไม้เกาหลีใต้กล่าว และเสริมว่า "ฝนช่วยลดหมอกควัน ทำให้ทัศนวิสัยดีขึ้น และอุณหภูมิที่เย็นลงเมื่อเทียบกับวันอื่นๆ สร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการดับไฟ"
กระทรวงมหาดไทยของเกาหลีใต้รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 28 รายเมื่อเช้าวันศุกร์ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 37 คน โดย 9 คนมีอาการสาหัส
บรรดาผู้เสียชีวิตยังรวมถึงเจ้าหน้าที่นักบินวัย 70 ปีซึ่งเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อวันพุธขณะพยายามควบคุมไฟป่า, นักดับเพลิง 4 นาย และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เสียชีวิตหลังจากติดอยู่ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เหยื่อของไฟป่าซึ่งลุกลามไปในพื้นที่ชนบทอันดงและอึยซองนั้นส่วนใหญ่มีอายุ 60 และ 70 ปี
เกาหลีใต้กำลังเผชิญกับสังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและความเหลื่อมล้ำในภูมิภาค โดยประชากรมากกว่าครึ่งอาศัยอยู่ในเขตกรุงโซล ขณะที่พื้นที่ชนบทกลับต้องดิ้นรนเพื่อดึงดูดประชากรไม่ให้ทิ้งพื้นที่
บ้านเรือนมากกว่า 2,240 หลังในภูมิภาคนี้ถูกทำลายไปแล้วตามตัวเลขล่าสุด และเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า พื้นที่ป่ามากกว่า 35,000 เฮกตาร์ถูกเผาผลาญ
ขอบเขตความเสียหายครั้งนี้ทำให้เป็นไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ หลังจากเกิดไฟป่าเมื่อเดือนเมษายน 2000 ซึ่งเผาผลาญพื้นที่ 23,913 เฮกตาร์ทั่วชายฝั่งตะวันออก
ไฟป่ายังทำลายสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง รวมถึงกลุ่มวัดกูนซาในอึยซอง ซึ่งเชื่อกันว่าสร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 7
ข้อมูลจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาเกาหลีระบุว่า ปีที่แล้วเป็นปีที่ร้อนที่สุดในเกาหลีใต้เท่าที่เคยบันทึกไว้ แม้ว่าอุณหภูมิในช่วงหลายเดือนก่อนเกิดไฟป่าจะเย็นกว่าปีที่แล้วและสอดคล้องกับค่าเฉลี่ย 30 ปีของประเทศก็ตาม
แต่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่ากำลังประสบกับสภาพอากาศแห้งแล้งผิดปกติโดยมีปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย.