รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น, จีน และเกาหลีใต้ร่วมหารือกันที่โตเกียว โดยมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังเตรียมการขึ้นภาษีการค้าในภูมิภาค

(จากซ้ายไปขวา) โช แทยูล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้, นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น, หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน และทาเคชิ อิวายะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น จับมือกันในช่วงเริ่มต้นการประชุมที่บ้านพักอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีในกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 21 มีนาคม (Photo by Franck ROBICHON / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 22 มีนาคม 2568 กล่าวว่า ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพการประชุมร่วมสามฝ่ายที่กรุงโตเกียว โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนและเกาหลีใต้เดินทางมาร่วมหารือประเด็นสงครามการค้าของรัฐบาลทรัมป์
การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมสุดยอดที่กรุงโซลเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยเพื่อนบ้านทั้งสองเห็นพ้องต้องกันที่จะกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า
ก่อนการประชุม ทาเคชิ อิวายะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นได้ร่วมรับประทานอาหารค่ำกับโช แทยูล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ และหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน
จากนั้น อาคันตุกะจากจีนและเกาหลีใต้ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ซึ่งกล่าวว่าประเทศต่างๆ มีอิทธิพลและความรับผิดชอบที่สำคัญต่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค
"แม้ว่าบางครั้งปัญหาที่ยากลำบากจะเกิดขึ้นเนื่องจากเราเป็นประเทศเพื่อนบ้าน แต่ญี่ปุ่นก็หวังว่าจะมีส่วนร่วมในการเจรจาประเด็นที่น่ากังวล และสร้างความสัมพันธ์ในความร่วมมือที่มุ่งเน้นอนาคตผ่านปฏิบัติการทางการทูต" อิชิบะกล่าวกับบรรดารัฐมนตรี
เหมา หนิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, สังคมสูงอายุ และการค้า เป็นหัวข้อที่จะมีการหารือ เช่นเดียวกับวิธีการทำงานร่วมกันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งการบรรเทาภัยพิบัติ
สำนักข่าวเอ็นเอชเคซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณะของญี่ปุ่นรายงานว่า รัฐมนตรีทั้งสองประเทศมีเป้าหมายที่จะตกลงกันเกี่ยวกับการจัดการประชุมสุดยอดสามฝ่ายอีกครั้งภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ จีนและเกาหลีใต้จะจัดการเจรจาทวิภาคีนอกรอบ ขณะที่ญี่ปุ่นและจีนจะมีการเจรจาเศรษฐกิจระดับสูงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี
"ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและญี่ปุ่นกำลังแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของการปรับปรุงและพัฒนา" เหมา หนิงระบุ
หัวข้อหนึ่งที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นเน้นย้ำว่าสำคัญก่อนการเจรจา คือการนำเข้าอาหารทะเลญี่ปุ่นซึ่งจีนได้ระงับไปตั้งแต่ปี 2023 จากเหตุที่ญี่ปุ่นปล่อยน้ำบำบัดจากโรงงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะลงในมหาสมุทร
จีนเคยกล่าวว่าจะกลับมานำเข้าอีกครั้งในเดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เริ่มดำเนินการ
จีน, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นต่างได้รับผลกระทบมากน้อยแตกต่างกันไปจากภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำหนดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
แพทริเซีย เอ็ม. คิม นักวิจัยด้านนโยบายต่างประเทศจากสถาบันบรูคกิงส์ในวอชิงตันกล่าวว่า แม้ว่าการเจรจาไตรภาคีจะดำเนินมาเป็นเวลากว่าทศวรรษแล้ว แต่รอบนี้มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเนื่องจากจุดยืนใหม่ของสหรัฐฯ
เธอบอกกับเอเอฟพีว่า "ผู้นำของพวกเขากำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการกระจายทางเลือกและแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจทางเลือกอื่น"
คิมกล่าวว่า "ในฐานะที่เป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดสามอันดับแรกในเอเชียตะวันออก จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะมองหาโอกาสจากกันและกัน"
"รัฐบาลปักกิ่งได้ทำงานอย่างแข็งขันเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์กับมหาอำนาจอื่นๆ ท่ามกลางความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้นกับสหรัฐอเมริกา" เธอกล่าว
การประชุมสุดยอดเมื่อเดือนพฤษภาคมเป็นการเจรจาระดับสูงครั้งแรกของทั้งสามประเทศในรอบ 5 ปี และกลุ่มได้ยืนยันเป้าหมายในการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี โดยอ้างอิงถึงคิมจองอึนและเกาหลีเหนือ
ที่ผ่านมา รัฐบาลโซลและโตเกียวมักจะแสดงจุดยืนต่อต้านเกาหลีเหนือมากกว่าจีนซึ่งยังคงเป็นพันธมิตรและผู้ให้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลเปียงยาง
"การประชุมครั้งต่อไปคาดว่าจะให้ความสำคัญกับประเด็นทางเศรษฐกิจมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลทรัมป์พยายามอย่างหนักที่จะขึ้นภาษีนำเข้า และประเด็นเกาหลีเหนืออาจได้รับการพิจารณา แต่ไม่น่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนสูงสุด" ลิม อึล-ชุล ศาสตราจารย์จากสถาบันตะวันออกไกลศึกษาของโซลกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ทีดีอาร์ไอ' เตือนรัฐ หยุดเดินหน้าเงินดิจิทัลเฟสต่อไป แนะใช้งบแก้ปัญหาศก.ระยะยาวแทน
'ดร.สมชัย ' เตือนรัฐ หยุดเดินหน้าโครงการเงินดิจิทัลในเฟสต่อไป แนะใช้งบแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาวแทน ขณะที่เฟส 3 หนุนทบทวนเงื่อนไขเปิดทางใช้เงินหมื่นซื้อคอร์สอัพสกิล-รีสกิลได้ หวังพัฒนาทักษะคน เตือน รัฐบาลรับมือเศรษฐกิจซบเซา จากปัจจัยภายนอก-ในประเทศ โดยเฉพาะความปั่นป่วนจากสงครามการค้า -หนี้ครัวเรือนสูง ห่วงภาระการคลัง ทำเรตติงประเทศตก