โดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยการโทรคุยกับโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ที่ส่งสัญญาณว่าความพยายามในการหยุดยิงยังคงดำเนินไปอย่างถูกต้อง แม้ว่าจนถึงขณะนี้จะยังไม่มีข้อตกลงกับวลาดิมีร์ ปูตินก็ตาม

แฟ้มภาพ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ (ซ้าย) และประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน (Photo by NICHOLAS KAMM and Handout / various sources / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม 2568 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯเปิดเผยการสนทนาทางโทรศัพท์ของตนกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งถือเป็นการพูดคุยกันครั้งแรกนับตั้งแต่ขัดแย้งกันที่ทำเนียบขาวเมื่อต้นเดือน
ทรัมป์ระบุว่าการสนทนาเป็นไปในทิศทางบวก และยืนกรานว่าความพยายามในการหยุดยิงยังคงดำเนินไปอย่างถูกต้อง แม้ว่าจนถึงขณะนี้จะยังไม่มีข้อตกลงกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย
รัฐบาลเคียฟและมอสโกกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าไม่เคารพการหยุดโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ซึ่งตกลงกันระหว่างการหารือของทรัมป์และปูตินเมื่อวันอังคาร โดยประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวว่าเขาได้พูดคุยกับคู่หูชาวยูเครนประมาณหนึ่งชั่วโมง
"การหารือส่วนใหญ่อิงจากการโทรศัพท์เมื่อวานนี้กับประธานาธิบดีปูตินเพื่อให้รัสเซียและยูเครนมีความสอดคล้องกันในแง่ของคำขอและความต้องการ ซึ่งบอกได้ว่าเรายังอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง" ทรัมป์กล่าวบนเครือข่ายโซเชียลของตนเอง
เชื่อกันว่าการโทรศัพท์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกระหว่างทั้งคู่ นับตั้งแต่ทรัมป์และเซเลนสกีทะเลาะกันอย่างรุนแรงที่ห้องทำงานรูปไข่เมื่อเกือบสามสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้สหรัฐฯ ระงับความช่วยเหลือยูเครนชั่วคราว
ต่อมา เซเลนสกีเปลี่ยนใจและตกลงตามแผนของสหรัฐฯ ที่จะหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขเป็นเวลา 30 วันกับรัสเซีย รวมถึงข้อตกลงที่ให้สิทธิ์รัฐบาลวอชิงตันเข้าถึงแร่ธาตุของยูเครนเป็นพิเศษ
รัฐบาลเคียฟกล่าวว่าเซเลนสกีได้รับข้อมูลสรุปเกี่ยวกับการโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และปูตินเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งผู้นำรัสเซียตกลงที่จะหยุดการโจมตีโครงข่ายไฟฟ้าของยูเครนเป็นเวลา 30 วัน
แต่ปูตินปฏิเสธที่จะตกลงหยุดยิงโดยสมบูรณ์ โดยยืนกรานว่าความช่วยเหลือจากชาติตะวันตกที่ให้แก่เคียฟต้องหยุดลงก่อน, ยูเครนต้องไม่ได้รับอนุญาตให้ติดอาวุธใหม่ และต้องหยุดการระดมพลทางทหาร
ทั้งนี้ รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และยังคงยึดครองพื้นที่อยู่ประมาณ 20%
แม้ยูเครนและรัสเซียต่างระบุว่าสนับสนุนการหยุดโจมตีแหล่งพลังงานชั่วคราว แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็กล่าวหาอีกฝ่ายว่าไม่ปฏิบัติตามการหยุดยิงดังกล่าว
กระทรวงกลาโหมของยูเครนกล่าวว่าขีปนาวุธและโดรนของรัสเซียโจมตีประเทศยูเครนเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและโรงพยาบาล 2 แห่งได้รับความเสียหาย
บริการรถไฟแห่งชาติของยูเครนกล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทางรถไฟในภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสค์
"การหยุดโจมตีภาคพลังงานหรือการสงบศึกด้านพลังงานที่ศัตรูดำเนินการนั้นเป็นเรื่องจอมปลอม!" แถลงการณ์ของหน่วยงานฯระบุ
อีกด้านหนึ่ง กระทรวงกลาโหมของรัสเซียรายงานว่ายูเครนโจมตีคลังน้ำมันทางตอนใต้ของประเทศอย่างจงใจเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเชื่อว่ามีเป้าหมายเพื่อขัดขวางความพยายามของทรัมป์ในการไกล่เกลี่ยให้การสู้รบยุติลง
"การโจมตีเหล่านี้กำลังขัดขวางความพยายามร่วมกันของสหรัฐและรัสเซีย" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลมอสโกกล่าว
อย่างไรก็ตาม รัสเซียและยูเครนได้ตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษ 372 คน ซึ่งถือเป็นการแสดงน้ำใจไมตรีเล็กๆท่ามกลางการสู้รบ
ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สตีฟ วิทคอฟฟ์ ผู้แทนประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การเจรจาทางเทคนิคเกี่ยวกับข้อตกลงที่เป็นไปได้ในการยุติสงครามจะเริ่มขึ้นที่ซาอุดีอาระเบียในสัปดาห์หน้า และคาดการณ์ว่าข้อตกลงหยุดยิงจะสามารถบรรลุได้ภายในสองสามสัปดาห์หลังจากนั้น รวมถึงความเป็นไปได้ของการพบปะตัวต่อตัวระหว่างทรัมป์และปูติน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ารัสเซียและสหรัฐฯจะมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับข้อตกลงเมื่อวันอังคาร โดยรัฐบาลมอสโกยืนกรานว่าข้อตกลงครอบคลุมเฉพาะโรงไฟฟ้าเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐยืนกรานว่าข้อตกลงครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ด้วย
ก่อนการพูดคุยกับทรัมป์ทางโทรศัพท์ เซเลนสกีเคยเอ่ยว่าสหรัฐไม่ควรประนีประนอมกับรัสเซีย หลังจากที่ปูตินเรียกร้องให้ชาติตะวันตกหยุดความช่วยเหลือแก่ยูเครน
แต่ทรัมป์ยืนกรานว่าเขาและปูตินไม่ได้พูดถึงเรื่องเงื่อนไขตัดความช่วยเหลือดังกล่าวเลย
การที่ทรัมป์ยื่นมือไปหาปูตินและส่งสัญญาณว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่รับประกันความมั่นคงของยุโรปอีกต่อไป ทำให้ยูเครนและพันธมิตรนาโตหวาดกลัวจนต้องกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างเร่งด่วน.