นางซีโอมารา คาสโตร ภริยาอดีตประธานาธิบดีมานูเอล เซลายา เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่และเป็นผู้นำหญิงคนแรกของฮอนดูรัสเมื่อวันพฤหัสบดี พร้อมปฏิญาณจะปฏิรูปประเทศอเมริกากลางที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมและความยากจนให้เป็นรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตย
เอเอฟพีรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2565 ว่าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของฮอนดูรัสจัดภายในสนามกีฬาแห่งชาติเตกูซิกัลปาท่ามกลางสายตาผู้เข้าร่วมราว 29,000 คน เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น โดยมีประมุขและผู้แทนระดับสูงของหลายประเทศมาร่วมเป็นสักขีพยาน อาทิ สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6 แห่งสเปน, นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ และวิลเลียม ไล่ รองประธานาธิบดีไต้หวัน
ซีโอมารา คาสโตร สาบานตนต่อหน้าผู้พิพากษาคาร์ลา โรเมโร โดยประธานรัฐสภา ลูอิส เรดอนโด ซึ่งเป็นผู้ประดับสายสะพายประธานาธิบดีให้นาง ยืนขนาบข้างด้วย
ในคำกล่าวสุนทรพจน์อย่างเป็นทางการภายหลังสาบานตน ผู้นำฝ่ายซ้ายวัย 62 ปีประณาม "โศกนาฏกรรมทางสังคมและเศรษฐกิจที่ฮอนดูรัสกำลังเผชิญ" และให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำงานเพื่อปรับปรุงการศึกษา, บริการด้านสุขภาพ, ความปลอดภัย และการจ้างงาน
คาสโตรกล่าวว่า ตนได้รับสืบทอดประเทศที่ "ล้มละลาย" ที่ตนมีความตั้งใจจะเปลี่ยนโฉมให้เป็น "รัฐสังคมนิยมและประชาธิปไตย"
ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของฮอนดูรัสผู้นี้ชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งยุติการบริหารประเทศนาน 12 ปีโดยพรรคเนชันแนล (พีเอ็น) ที่นิยมขวาและขึ้นสู่อำนาจภายหลังประธานาธิบดีมานูเอล เซลายา สามีของคาสโตร โดนก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อปี 2552
"12 ปีของการต่อสู้, 12 ปีของการต่อต้าน วันนี้รัฐบาลของประชาชนเริ่มต้นขึ้นแล้ว" คาสโตรโพสต์ลงทวิตเตอร์เมื่อวันพฤหัสบดี
ก่อนหน้าจะถึงพิธีสาบานตน คาสโตรเพิ่งเผชิญสัปดาห์ที่น่าอับอายของการต่อสู้ท้าทายนางในพรรคลีเบร เมื่อสมาชิกกลุ่มหนึ่งเห็นแย้งเรื่องการแต่งตั้งเรดอนโดเป็นประธานรัฐสภาคนใหม่ คาสโตรกล่าวโจมตีผู้สนับสนุนของฮอร์เก กาลิกซ์ คู่แข่งของเรดอนโด ว่าร่วมมือกับพรรคพีเอ็นและกลุ่มอื่นๆ เพื่อบั่นทอนกระบวนการปราบปรามการคอร์รัปชันของนาง
อดีตประธานาธิบดีฮวน ออร์ลันโด เอร์นันเดซ จากพรรคพีเอ็น ซึ่งดำรงตำแหน่งครบ 2 สมัยนาน 8 ปี ได้รับเลือกกลับมาเป็นสมาชิกรัฐสภา แต่เขาถูกอัยการสหรัฐกล่าวหาว่าให้การปกป้องพ่อค้ายาเสพติดแลกกับสินบน
รองประธานาธิบดีแฮร์ริสของสหรัฐได้พบปะกับคาสโตรหลังพิธี และแสดงความยินดีที่คาสโตรให้ความสำคัญกับการต่อต้านการคอร์รัปชันที่ถูกมองว่าเป็นรากเหง้าของการอพยพย้ายถิ่นของประชาชนในประเทศนี้ รวมถึงความตั้งใจของคาสโตรที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากองค์การสหประชาชาติในการจัดตั้งคณะกรรมการปราบปรามการคอร์รัปชันระหว่างประเทศ
แฮร์ริสกล่าวด้วยว่า การมาเยือนของเธอเป็นโอกาสที่จะส่งเสริมความร่วมมือกันในประเด็นสำคัญๆ "ตั้งแต่การต่อสู้กับการคอร์รัปชันไปจนถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ"
ด้านกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันกล่าวว่า คาสโตรจะได้พบกับรองประธานาธิบดีไล่ด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนทัศนะในประเด็นที่มีความกังวลร่วมกัน
ฮอนดูรัสเป็น 1 ใน 14 ประเทศที่ยังรับรองไต้หวัน แต่ในการหาเสียงเลือกตั้ง คาสโตรประกาศว่ารัฐบาลของนางจะเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ากับจีนแผ่นดินใหญ่ทันทีหากนางชนะการเลือกตั้ง
พิธีสาบานตนของคาสโตรครั้งนี้ ยังเปิดโอกาสให้รองประธานาธิบดีสหรัฐและไต้หวันได้พูดคุยกันในที่สาธารณะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สหรัฐเปลี่ยนไปสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนเมื่อปี 2522 โดยรายงานของสำนักข่าวเซ็นทรัลนิวส์ของไต้หวันเมื่อวันศุกร์กล่าวว่า รองประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ทักทายและสนทนากันสั้นๆ
ผู้นำหญิงของฮอนดูรัสรายนี้มีงานหนักอีกมากรอให้แก้ไข โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจและอาชญากรรม ที่ผลักดันให้ชาวฮอนดูรัสจำนวนมากหนีออกนอกประเทศ โดยเฉพาะลอบข้ามแดนเข้าสหรัฐ เพื่อหางานและชีวิตที่ดีกว่า
ประเทศนี้มีอัตราความยากจนสูงถึง 74% ซึ่งเป็นตัวเลขที่คาสโตรกล่าวว่า เป็นเหตุผลที่อธิบายได้ว่าเหตุใดจึงเกิดคาราวานของผู้คนทุกเพศวัยขึ้นเหนือไปยังเม็กซิโกและสหรัฐ เพื่อหาทางมีชีวิตอยู่ทั้งที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง อัตราการฆาตกรรมในฮอนดูรัสก็สูงมากเช่นกันถึงเกือบ 40 คนต่อประชากร 100,000 คน
ฮอนดูรัสยังมีหนี้สาธารณะประมาณ 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (566,582 ล้านบาท) ซึ่งเป็นหนี้ต่างประเทศ 11,000 ล้านดอลลาร์ (366,608 ล้านบาท) ที่คาสโตรจำเป็นต้องขอการสนับสนุนจากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อเจรจาต่อรอง.