รัสเซียและสหรัฐฯ จะประกาศชื่อคณะเจรจายุติสงครามยูเครนโดยเร็วที่สุด หลังจากการประชุมร่วมกันของสองมหาอำนาจที่ซาอุดีอาระเบีย โดยปราศจากรัฐบาลเคียฟหรือสหภาพยุโรปเข้าร่วม

(จากซ้ายไปขวา) สตีฟ วิทคอฟฟ์ ผู้แทนสหรัฐประจำตะวันออกกลาง, มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ, ไมค์ วอลทซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ, เจ้าชายไฟซอล บิน ฟาร์ฮาน อัล-ซาอุด รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย, โมซาอัด บิน โมฮัมหมัด อัล-ไอบาน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย, ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีรัสเซีย และเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เข้าร่วมประชุมที่พระราชวังดีริยาห์ในกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ (Photo by Evelyn Hockstein / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 กล่าวว่า รัสเซียและสหรัฐอเมริกาส่งเจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงเข้าร่วมเจรจากันที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อหาทางออกให้กับความขัดแย้งในสงครามยูเครน โดยไม่ได้เชิญรัฐบาลเคียฟหรือสหภาพยุโรปเข้าร่วมแต่อย่างใด และเปิดเผยว่าจะมีการประกาศชื่อคณะเจรจายุติสงครามโดยเร็วที่สุด
การประชุมที่ริยาดถือเป็นการเจรจาระดับสูงระหว่างรัฐบาลวอชิงตันและมอสโกครั้งแรกนับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกยูเครนในปี 2022 แต่ยังไม่มีการระบุรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับประเด็นการนัดหารือกันระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์และวลาดิมีร์ ปูติน
ผู้นำชาติยุโรปบางคนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวคิดของทรัมป์ในการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐที่มีต่อรัสเซีย และเกรงว่ารัฐบาลวอชิงตันจะประนีประนอมกับมอสโกอย่างจริงจัง รวมถึงการร่างข้อตกลงด้านความมั่นคงของภูมิภาคในลักษณะสงครามเย็นของมหาอำนาจ
ในการหารือ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ตกลงที่จะแต่งตั้งคณะทำงานระดับสูงของแต่ละฝ่ายเพื่อเริ่มดำเนินการตามแนวทางในการยุติความขัดแย้งในยูเครนโดยเร็วที่สุด
รัฐบาลวอชิงตันกล่าวเพิ่มเติมว่าทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะจัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือ เพื่อแก้ไขสิ่งที่ระคายเคืองต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่าทั้งสองฝ่ายจะวางรากฐานสำหรับความร่วมมือในอนาคต
ขณะที่รัฐบาลมอสโกเปิดเผยผลการประชุมแค่เพียงว่า "เราได้หารือและสรุปจุดยืนตามหลักการของเรา และตกลงกันว่าคณะเจรจาแต่ละคณะจะติดต่อกลับเกี่ยวกับหัวข้อนี้ในเวลาอันสมควร"
ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของปูติน กล่าวว่า "ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะพูดคุยเกี่ยวกับวันที่แน่นอนสำหรับการพบปะกันระหว่างผู้นำทั้งสอง"
รัสเซียได้ร่างมุมมองบางส่วนเกี่ยวกับการเจรจาในอนาคตเพื่อยุติการสู้รบในยูเครน โดยให้เหตุผลว่าการยุติสงครามต้องอาศัยการจัดระเบียบข้อตกลงการป้องกันของยุโรปใหม่
รัฐบาลมอสโกเรียกร้องให้กองกำลังนาโตถอนตัวออกจากยุโรปตะวันออกมานานแล้ว โดยมองว่าพันธมิตรทหารกลุ่มนี้เป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของฝ่ายตน
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของรัฐบาลมอสโกกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนและยาวนานนั้นจะเป็นไปไม่ได้ หากไม่ได้พิจารณาปัญหาความมั่นคงของทวีปอย่างรอบด้าน"
ก่อนที่จะรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 รัสเซียเคยเรียกร้องให้นาโตถอนกองกำลังออกจากยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก
ขณะที่ผู้นำยุโรปได้จัดการประชุมฉุกเฉินประเด็นสงครามยูเครนที่กรุงปารีสเมื่อหนึ่งวันก่อน แต่ไม่สามารถแสดงจุดยืนที่เป็นหนึ่งเดียวกันได้
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวในระหว่างการเดินทางเยือนตุรเคียว่า เขาไม่ได้รับเชิญไปร่วมหารือในการประชุมใดเลย และจะไม่ยอมรับสิ่งใดๆ หรือข้อตกลงใดๆ เกี่ยวกับยูเครน หากไม่มีตัวแทนจากยูเครนเข้าร่วม
ด้านรัสเซียซึ่งถูกชาติตะวันตกตัดขาดมาเป็นเวลา 3 ปี หวังใช้การเจรจาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างชาติของตนกับสหรัฐอเมริกาให้กลับมาสู่เวทีระหว่างประเทศอีกครั้ง
ทั้งรัสเซียและสหรัฐฯต่างมองว่าการประชุมร่วมกันล่าสุดเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่อาจใช้เวลานาน และเพิ่มโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลง
โดนัลด์ ทรัมป์เคยกล่าวไว้ว่าเขาต้องการยุติสงครามในยูเครนทันที แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีแผนการที่เป็นรูปธรรม
สหรัฐเรียกร้องให้คู่ขัดแย้งประนีประนอมกัน หากการเจรจาสันติภาพเกิดขึ้นจริง
ก่อนการประชุมหารือ รัสเซียออกตัวว่าจะไม่ยอมสละดินแดนที่ยึดมาจากยูเครน และเปิดทางให้ยูเครนเข้าร่วมสหภาพยุโรป แต่ไม่ยอมให้เข้าร่วมพันธมิตรทางทหารของนาโต
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่าปูตินพร้อมที่จะเจรจากับเซเลนสกีหากจำเป็น และยังคงตั้งคำถามถึงความชอบธรรมในฐานะผู้นำของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยหมายถึงวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี 5 ปีของเซเลนสกีที่หมดลงเมื่อปีที่แล้ว แม้ว่ากฎหมายของยูเครนจะไม่กำหนดให้มีการเลือกตั้งในช่วงสงครามก็ตาม
สหภาพยุโรปซึ่งสั่นคลอนกับการออกตัวหลายครั้งของรัฐบาลทรัมป์ที่บ่งชี้ว่ารัฐบาลวอชิงตันไม่ได้มองว่ามอสโกเป็นภัยคุกคาม ยังคงรอคอยให้สหรัฐเชื้อเชิญเข้าร่วมในการเจรจาสงบศึกด้วยเช่นกัน
รัฐบาลของทรัมป์ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนว่าจะให้สหภาพยุโรปเข้าร่วมหรือไม่ ขณะที่รัสเซียเองก็กล่าวว่าไม่เห็นเหตุผลที่ยุโรปจะมีที่นั่งในโต๊ะเจรจานี้
"ในด้านการเงินและการทหาร ยุโรปได้นำสิ่งดีๆ มาสู่การเจรจามากกว่าใครๆ ซึ่งชัดเจนว่าเราต้องการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ เพื่อสร้างสันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืนให้กับยูเครน" เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวผ่านโซเชียลมีเดีย
จีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของรัสเซีย ได้แสดงความยินดีต่อความพยายามเพื่อสันติภาพระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯเช่นกัน
"เราหวังว่าทุกฝ่ายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะสามารถมีส่วนร่วมเพื่อปลายทางสันติภาพเดียวกันได้" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าว.