นักประดาน้ำทยอยกู้ศพขึ้นมาจากแม่น้ำโปโตแมคที่เย็นยะเยือกในรัฐวอชิงตัน หลังจากที่เฮลิคอปเตอร์ทหารสหรัฐฯ ชนกับเครื่องบินโดยสาร ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่าไม่มีผู้รอดชีวิต

ส่วนหนึ่งของซากเครื่องบินถูกพบขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังค้นหาในแม่น้ำโปโตแมค หลังจากเครื่องบินของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลนส์ตกในแม่น้ำเพราะชนกับเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกสหรัฐฯ ใกล้กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 30 มกราคม (Photo by ANDREW CABALLERO-REYNOLDS / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2568 กล่าวว่า จากเหตุเครื่องบินโดยสารของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลนส์ (American Airlines) พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 64 คน ชนกับเฮลิคอปเตอร์ที่มีทหาร 3 นายในช่วงกลางคืนของวันพุธ จากนั้นร่วงหล่นลงสู่แม่น้ำโปโตแมคในกรุงวอชิงตัน ล่าสุดมีการยืนยันแล้วว่าไม่มีผู้รอดชีวิต
เมื่อเข้าสู่รุ่งสาง บริเวณที่เกิดเหตุเครื่องบินตกซึ่งอยู่ห่างจากทำเนียบขาวไปเพียง 3 ไมล์ (5 กิโลเมตร) พบซากเครื่องบินทั้งสองลำโผล่ขึ้นมาจากน้ำ ทำให้เรือฉุกเฉินและทีมประดาน้ำเร่งค้นหาในบริเวณดังกล่าว
จอห์น ดอนเนลลี หัวหน้าหน่วยดับเพลิงรัฐวอชิงตัน กล่าวในการแถลงข่าวที่ท่าอากาศยานแห่งชาติเรแกนว่า "ขณะนี้เราอยู่ในจุดที่เปลี่ยนจากปฏิบัติการกู้ภัยไปเป็นปฏิบัติการกู้ซาก"
"เราไม่เชื่อว่าจะมีผู้รอดชีวิต" เขากล่าว และเสริมว่าจนถึงขณะนี้สามารถกู้ศพได้แล้ว 28 ศพ รวมถึงศพหนึ่งที่กู้มาจากเฮลิคอปเตอร์ด้วย
เจ้าหน้าที่กู้ภัยอย่างน้อย 300 นายเข้าร่วมปฏิบัติการ ซึ่งดำเนินการในความมืดสนิทเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยทีมกู้ภัยค้นพบเศษซากที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งไมล์ทางตอนใต้ของแม่น้ำ
"เจ้าหน้าที่กู้ภัยเผชิญสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก ทั้งลมแรง และพบน้ำแข็งบนผิวน้ำ แต่พวกเขาก็สู้ตลอดทั้งคืน" ดอนเนลลีกล่าว
ยังไม่มีการยืนยันรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุของการตก โดยเจ้าหน้าที่คมนาคมระบุเพียงว่าอากาศยานทั้ง 2 ลำบินตามรูปแบบการบินปกติในคืนที่อากาศแจ่มใสและมีทัศนวิสัยดี
มีการเปิดเผยบทสนทนาที่เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศกำลังถามคนขับเฮลิคอปเตอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเห็นเครื่องบินโดยสารอยู่ในสายตาหรือไม่ และก่อนเกิดเหตุชนกัน มีการบอกให้เฮลิคอปเตอร์อ้อมไปด้านหลังเครื่องบิน
หลังการชนกัน อากาศยานทั้งสองลำตกในแม่น้ำโปโตแมค และลำตัวเครื่องบินโดยสารแตกออกเป็นสามส่วน
มีรายงานเปิดเผยว่า นักกีฬา,โค้ช และเจ้าหน้าที่หลายคนของ U.S. Figure Skating (องค์กรปกครองระดับชาติสำหรับกีฬาสเก็ตลีลาในสหรัฐอเมริกา) อยู่บนเครื่องบินโดยสารลำดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่ในกรุงมอสโกยืนยันว่า คู่รักชาวรัสเซียอย่างเยฟเกเนีย ชิชโควา และวาดิม นาอูมอฟ ซึ่งเป็นแชมป์ประเภทคู่ชิงแชมป์โลกเมื่อปี 1994 ก็อยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าวด้วยเช่นกัน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวแถลงต่อสาธารณชนเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตทั้ง 67 รายที่กำลังถูกกู้ร่างขึ้นมาจากแม่น้ำโปโตแมค โดยเปิดฉากโจมตีทางการเมืองด้วยการกล่าวหาว่าการจ้างงานบนพื้นฐานความหลากหลายเป็นสาเหตุของการที่เครื่องบินโดยสารชนกับเฮลิคอปเตอร์ทหารกลางอากาศ
ทรัมป์นำโศกนาฏกรรมนี้มาเป็นเรื่องการเมือง ในขณะที่ฝ่ายสืบสวนเตือนว่าพวกเขาจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อคลี่คลายสาเหตุที่เครื่องบินโดยสารชนกับเฮลิคอปเตอร์ทหาร
รายงานของ The New York Times ระบุว่าเจ้าหน้าที่ที่หอควบคุมสนามบินแห่งชาติเรแกน ซึ่งเป็นจุดที่เครื่องบินกำลังจะลงจอดนั้นมีจำนวนน้อยเมื่อเกิดการชนกัน พร้อมอ้างรายงานเบื้องต้นของสำนักงานบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Administration) ว่า ผู้ควบคุมเที่ยวบินรับหน้าที่ควบคุมการจราจรทั้งทางเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์เพียงคนเดียวในขณะนั้น ทั้งที่ควรจะมี 2 คนตามปกติ
ทรัมป์ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 10 วันก่อน ได้เปลี่ยนการแถลงข่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติให้กลายเป็นเวทีสำหรับการรณรงค์ต่อต้านความหลากหลาย, ความเท่าเทียม และการรวมกลุ่มเพื่อต่อสู้กับการเหยียดเชื้อชาติและการเหยียดเพศทั่วสหรัฐอเมริกา
เขาได้กล่าวหาโจ ไบเดน และบารัค โอบามา อดีตผู้นำพรรคเดโมแครตว่า ได้กีดกันพนักงานเก่งๆออกจากสำนักงานการบินแห่งสหรัฐฯ เพียงเพื่อสนองกระแสต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและการเหยียดเพศ
จากนั้น เขาเปิดฉากโจมตีอย่างรุนแรง โดยมุ่งเป้าไปที่พีต บูติเจิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่เป็นเกย์อย่างเปิดเผยในรัฐบาลไบเดนที่พังทลายด้วยความหลากหลายเกินไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกครั้งว่าเขาโทษความหลากหลายในที่ทำงานว่าเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า "ก็อาจจะเป็นเช่นนั้นได้" โดยอ้างว่าการจ้างงานผู้หญิงและคนผิวสีอาจส่งผลให้เกิดเหตุการณ์เครื่องบินตก
บูติเจิจออกมาตอบโต้ทรัมป์ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเรียกทรัมป์ว่า "คนน่ารังเกียจ" เพราะในขณะที่หลายครอบครัวกำลังโศกเศร้า ทรัมป์ควรจะเป็นผู้นำในการแก้ไขสถานการณ์ ไม่ใช่ปั้นเรื่องโกหกแล้วโยนความผิดมั่วๆ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงยืนกรานความคิดของตน โดยภายหลังได้ออกบันทึกอย่างเป็นทางการที่สั่งให้รัฐบาลสอบสวนเรื่อง การเสื่อมถอยของมาตรฐานการจ้างงานภายใต้การบริหารของไบเดน และการหาแรงงานทดแทนบุคคลที่ขาดคุณสมบัติ.