เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้าย 60 ศพออกจากเหมืองทองคำร้างในแอฟริกาใต้ หลังจากใช้เวลาหลายเดือนในการรณรงค์กวาดล้างธุรกิจขุดเหมืองเถื่อน
ทางเข้าเหมืองร้างใต้ดินแห่งหนึ่งในเมืองสตีลฟอนเทน ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันที่ 14 มกราคม (Photo by Christian Velcich / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 15 มกราคม 2568 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถเคลื่อนย้ายศพคนงาน 60 รายออกจากเหมืองทองคำร้างในแอฟริกาใต้ หลังจากใช้เวลาหลายเดือนในการรณรงค์กวาดล้างธุรกิจขุดเหมืองเถื่อนที่ใช้แรงงานคนภายใต้สภาวะอันตราย
เจ้าหน้าที่เริ่มเคลื่อนย้ายศพและนำตัวผู้รอดชีวิตออกมา หลังจากผู้คนท้องถิ่นแสดงความหวั่นเกรงว่าอาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 รายในเหมืองที่เมืองสตีลฟอนเทน ซึ่งอยู่ห่างจากโจฮันเนสเบิร์กไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 140 กิโลเมตร
ตำรวจระบุในแถลงการณ์ว่า "ในวันที่สองของปฏิบัติการ คนงานเหมืองเถื่อนที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมด 106 คนถูกนำตัวออกมาได้และถูกจับกุมในข้อหาทำเหมืองเถื่อน และพบผู้เสียชีวิต แล้ว 60 ราย"
เหมืองแห่งนี้อยู่ใต้ดินลึกลงไป 2.6 กิโลเมตร และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เครื่องจักรพิเศษถูกนำมาใช้เพื่อยกตัวคนงานเหมืองและศพออกมา แต่ทำได้แค่ครั้งละไม่กี่คน
ชาวแอฟริกาใต้เรียกคนงานเหมืองเหล่านี้ว่า "ซามา ซามา" ซึ่งแปลว่า "ผู้มีความพยายาม" ในภาษาซูลู เพราะพวกเขาเหล่านั้นมักเป็นผู้อพยพจากประเทศเพื่อนบ้านที่ถูกคนท้องถิ่นกล่าวหาว่าชอบก่ออาชญากรรม
ตำรวจได้แสดงความกังวลว่าคนงานเหมืองเหล่านี้อาจยังคงทำงานใต้ดินอยู่อีกหลายร้อยคน แต่ในการสำรวจเหมืองดังกล่าวเมื่อวันอังคาร ทางการเองก็ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขที่แท้จริงของคนงานได้
ทั้งนี้ คนงานเหมืองผิดกฎหมายมากกว่า 1,500 คนถูกจับกุมที่สตีลฟอนเทนตั้งแต่เดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ทางการเริ่มปฏิบัติการนำตัวคนงานออกจากเหมืองใต้ดินเป็นครั้งแรก และตำรวจแอฟริกาใต้ระบุว่าได้เนรเทศคนงานเหมืองต่างด้าวไปแล้ว 121 คน
มีอยู่ช่วงหนึ่ง เจ้าหน้าที่พยายามตัดการส่งอาหารและน้ำไปยังเหมืองเพื่อบีบให้คนงานเหมืองยอมออกมา แต่ศาลได้สั่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่าตำรวจต้องยุติการกระทำเหล่านั้นทั้งหมดที่ปล่องเหมือง โดยอนุญาตให้คนที่อยู่เหนือพื้นดินสามารถส่งอาหารและน้ำลงมาให้คนที่อยู่ด้านล่างได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
การเลือกตั้งใหม่ช่วยปกป้อง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ จากการถูกตัดสินความผิดทางอาญา
รายงานของ แจ็ค สมิธ-เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษ ได้รับการเผยแพร่เป็นบางส่วน ในรายงานดังกล่าวเผยให้เห็นว่าโดนัลด์ ทรัมป์ปลุกปั่นให้เกิด