นายกรัฐมนตรีรัสเซียเดินทางเยือนกรุงฮานอย พร้อมลงนามข้อตกลงด้านพลังงานนิวเคลียร์กับรัฐบาลเวียดนาม
โต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม (ขวา) และนายกรัฐมนตรีมิคาอิล มีชุสติน ของรัสเซีย จับมือกันระหว่างการประชุมที่สำนักงานคณะกรรมการกลางในกรุงฮานอย เมื่อวันที่ 14 มกราคม (Photo by Nhac NGUYEN / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 14 มกราคม 2568 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมิคาอิล มีชุสติน ของรัสเซียเดินทางเยือนกรุงฮานอยอย่างเป็นทางการ พร้อมลงนามข้อตกลงด้านพลังงานนิวเคลียร์กับรัฐบาลเวียดนาม นอกเหนือไปจากเป้าหมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองพันธมิตรที่มีมาอย่างยาวนาน
เวียดนามต้องการเริ่มแผนพลังงานนิวเคลียร์ใหม่อีกครั้งเพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และหวังว่ารัสเซียจะให้ความช่วยเหลือได้
ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว แต่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเวียดนามกล่าวเมื่อวันอังคารว่า อเล็กเซ ลิคาเชฟ ผู้อำนวยการทั่วไปของ 'Rosatom' ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านนิวเคลียร์ของรัสเซีย มีความสนใจอย่างมากในการร่วมมือกับเวียดนามในโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นินห์ถ่วน
โครงการดังกล่าวซึ่งเกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าสองแห่งในจังหวัด นินห์ถ่วน มีกำลังการผลิตรวม 4,000 เมกะวัตต์ เดิมทีจะได้รับการพัฒนาโดยได้รับความช่วยเหลือจาก 'Rosatom' และกลุ่มบริษัท 'JINED' ของญี่ปุ่น ก่อนที่แผนดังกล่าวจะถูกยกเลิกในปี 2016
ลิคาเชฟอยู่ที่กรุงฮานอยเมื่อวันจันทร์เพื่อพบกับนายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ของเวียดนาม ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่สามในรอบหกเดือน
ข้อตกลงนิวเคลียร์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในเจ็ดข้อตกลงที่ลงนามในหลากหลายสาขาซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์
การเดินทางครั้งนี้เกิดขึ้นครึ่งปีหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เดินทางไปกรุงฮานอย ซึ่งประธานาธิบดีโต เลิม ของเวียดนามในขณะนั้นได้แสดงความปรารถนาที่จะเพิ่มความร่วมมือด้านการป้องกันกับรัฐบาลมอสโก
ปูตินกล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างการเยือนเวียดนาม ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่มหาอำนาจตะวันตกเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเพื่อจำกัดความสามารถในการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน โดยระบุว่าทั้งสองฝ่ายมีจุดยืนที่เหมือนกันหรือใกล้เคียงกันมากในประเด็นสำคัญระดับนานาชาติ
ทั้งนี้ รัสเซียและเวียดนามเป็นประเทศพันธมิตรที่ใกล้ชิดกันมาตั้งแต่ช่วงสงครามเย็น
ล่าสุด มิชุสตินได้เข้าพบกับโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์และผู้นำสูงสุดของประเทศ หลังจากเสร็จสิ้นการลงนามข้อตกลงกับฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์
รัสเซียเป็นซัพพลายเออร์อาวุธหลักของเวียดนามมานานหลายทศวรรษ โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80% ของการนำเข้าระหว่างปี 1995-2023 แต่คำสั่งซื้อลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการคว่ำบาตรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้น.