ไฟไหม้บาร์คาราโอเกะในเมืองหลวงของเวียดนาม คร่าชีวิตผู้คนไป 11 ราย และบาดเจ็บอีก 2 คน สันนิษฐานเป็นการวางเพลิง
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังดับไฟที่เผาไหม้บาร์คาราโอเกะในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม (Photo by AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม 2567 กล่าวว่า เกิดเหตุไฟไหม้บาร์คาราโอเกะในกรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ
ภาพถ่ายจากที่เกิดเหตุเผยให้เห็นอาคารสีดำขนาดหลายชั้นถูกไฟเผาทำลายในฮานอยตะวันตก และมีกองโลหะบิดเบี้ยวกระจัดกระจายอยู่บริเวณใกล้เคียง
ตำรวจกล่าวว่าพวกเขาได้รับรายงานเหตุไฟไหม้เมื่อเวลา 23.00 น. ของวันพุธ ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากติดอยู่ข้างใน
เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รุดไปยังที่เกิดเหตุและสามารถนำตัวผู้รอดชีวิตออกมาได้ 7 คน โดย 2 คนในจำนวนนี้ถูกนำส่งโรงพยาบาลทันที และพบผู้เสียชีวิตอีก 11 ราย
ตำรวจฮานอยระบุในแถลงการณ์ว่า "มีข้อสันนิษฐานว่าสถานที่แห่งนี้ถูกวางเพลิงโดยเจตนา และเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยก่อเหตุแล้ว"
พยานกล่าวว่าไฟไหม้รุนแรงมากจนไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ภายใน นอกจากนี้ระเบียงของอาคารยังถูกล้อมด้วยเหล็กเส้น ทำให้หลบหนีได้ยาก
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น รถดับเพลิงและรถพยาบาลมากกว่า 10 คันรีบไปยังที่เกิดเหตุ
มีรายงานว่าไฟไหม้เริ่มต้นที่ชั้น 1 ก่อนที่จะลามไปทั่วทั้งอาคารอย่างรวดเร็ว สื่อของรัฐรายงานว่าภาพจากกล้องวงจรปิดจากบ้านใกล้เคียงแสดงให้เห็นชายคนหนึ่งถือถังเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวไม่นานก่อนที่ไฟไหม้จะปะทุขึ้น
ตำรวจกล่าวว่าผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมได้ประมาณเที่ยงคืน
จากการสอบสวนเบื้องต้น ชายคนดังกล่าวไปที่บาร์คาราโอเกะเพื่อดื่มเบียร์ก่อนที่จะโต้เถียงกับพนักงาน จากนั้นเขาออกไปซื้อน้ำมันและนำมาเทใกล้กับบริเวณที่มีรถจักรยานยนต์จำนวนมาก ซึ่งเกิดระเบิดขึ้นมาในท้ายที่สุด
เหตุไฟไหม้สถานบันเทิงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อเดือนตุลาคม มีผู้ต้องสงสัย 6 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นาย ถูกจำคุกจากเหตุไฟไหม้ที่บาร์คาราโอเกะเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 32 ราย
เหตุครั้งนั้นสร้างความตกตะลึงให้กับเวียดนาม และส่งผลให้บาร์คาราโอเกะหลายพันแห่งทั่วประเทศต้องปิดตัวลง เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบป้องกันอัคคีภัย
สื่อของรัฐรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวตำรวจว่า ปัจจุบันบาร์คาราโอเกะมากกว่า 2 ใน 3 จากทั้งหมดประมาณ 15,000 แห่งทั่วประเทศถูกสั่งปิดถาวรจากผลกระทบดังกล่าว.